มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1396
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1396
ภายใต้พลังผลการฝึกตนที่ถูกควบคุมเอาไว้ด้วยกฎพิภพ ฮู้ซึ่งเป็นสมบัติที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวประเภทนี้ กลับไม่ได้รับผลกระทบจากกฎเหล่านี้
เพลิงไฟอันน่าสยดสยองเผาผลาญทุกสรรพสิ่ง แสงประกายเจิดจ้าปะทุขึ้นมา เพราะว่าในเวลานี้ผลการฝึกตนของซือถูเจิ้งเจี้ยนถูกควบคุม ไม่สามารถควบคุมพลังของฮู้ได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นนอกจากหลัวซิวแล้ว แม้แต่ตัวของเขาเองก็จมลงอยู่ภายในรัศมีการโจมตีของเปลวเพลิงด้วย
สำหรับทุกสิ่งนี้ ซือถูเจิ้งเจี้ยนได้มีการเตรียมตัวเองไว้ก่อนแล้ว พลิกมือบดขยี้ฮู้ชิ้นหนึ่ง ปรากฏเป็นม่านดินสีเหลืองครอบตัวของเขาไว้
ฮู้ทั้งสองชิ้นต่างเป็นระดับเทพระดับเจ็ด หนึ่งชิ้นคือโจมตีธาตุไฟ อีกชิ้นคือธาตุดินการคุ้มกัน
หลัวซิวมีแผนของตนเอง ต้องการจะอาศัยการควบคุมของกฎพิภพเพื่อสังหารซือถูเจิ้งเจี้ยน แต่ซือถูเจิ้งเจี้ยนก็มีวิธีการของตนที่แอบซ่อนไว้เช่นกัน นำออกมาใช้ในในช่วงเวลาสำคัญ พลิกสถานการณ์ในสนามรบ
แต่ว่าเทพฮู้ระดับเจ็ดจำเป็นต้องใช้ผลการฝึกตนของเทพฟ้าช่วงปลายจึงจะสามารถขับเคลื่อนพลังได้ ผลการฝึกตนของซือถูเจิ้งเจี้ยนถูกกฎพิภพกดเอาไว้ ถึงแม้จะสามารถฝืนบดขยี้มให้ฮู้ทำงานได้ แต่กลับไม่สามารถหลอมรวมพลังงานกฎเพลิงอัคคีของฮู้ขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น หากพลังงานแผ่กระจายไปทั่วพื้นที่สองหมื่นลี้ อำนาจของมันจะลดลงอย่างมหาศาล
ร่างของหลัวซิวมีเกราะเทพเวหากาลคุ้มกัน ภายใต้การแผดเผาของพลังกฎเพลิงอัคคี เกราะเทพถูดแผดเผาจนเป็นสีแดง ราวกับเหล็กที่ถูกหลอมก็มิปาน ทำให้ร่างเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้เกราะเทพเกิดเสียงดังเปราะแปะขึ้นมา
ความเจ็บปวดแสนสาหัสโจมตีความคิดและจิตวิญญาณของหลัวซิว เขากัดฟันจนแทบจะแตกอยู่แล้ว ฝืนยืนหยัดไม่ให้ล้มลง
เขาคาดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาวิกฤติครั้งสุดท้ายนี้ ซือถูเจิ้งเจี้ยนจะยังมีวิธีการเช่นนี้อยู่
“รับความตายไปซะ!”
ท่ามกลางเปลวเพลิงที่แผดเผา ซือถูเจิ้งเจี้ยนใช้ฮู้ธาตุดินป้องกันตัว ถือกระบี่ปีศาจในมือฟาดมาทางหลัวซิวอีกครั้ง
หลัวซิวไอออกมาเป็นเลือดสด หลังจากถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงทุกหนทุกแห่ง เขาขยับปีกเทพมังกรครามยักษ์ ไม่ได้เลือกที่จะสู้ต่อกับซือถูเจิ้งเจี้ยน แต่กลับหมุนตัวบินหนีออกไป
เขาได้ฝืนจนถึงวินาทีสุดท้ายแล้ว สติก็เริ่มพร่ามัว ดูเหมือนว่าจะสามารถว่าจะตกอยู่ในสภาวะไร้สติได้ทุกเมื่อ
“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ข้าจะดูว่าเจ้ายังจะหนีไปได้ถึงเมื่อใด” ซือถูเจิ้งเจี้ยนส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งตามมาทางด้านหลัง
อาศัยความเร็วของปีกเทพมังกรครามยักษ์ หลัวซิวมาถึงสถานที่หนึ่งกลางทะเลทราย ทันใดนั้นร่างก็กระพริบ และหายวับไปในทันที
“ทางเข้าแดนปริศนา?”
ซือถูเจิ้งเจี้ยนไล่ตามมา ตัวสำนึกสัมผัสได้ถึงออร่าของค่ายกล
“หนีเข้าแดนปริศนาก็เหมือนเต่าที่อยู่ในโกศ เจ้ามันรนหาที่ตาย!” เขายิ้มอย่างชั่วร้าย โบกสะบัดกระบี่ปีศาจในมือ ฝืนทำลายค่ายกลที่บริเวณทางเข้าแดนปริศนา และพังเข้าไป
หลักจากพังเข้าไปในค่ายกล พบว่าตรงหน้าของเขามีทางปริภูมิเส้นหนึ่ง โดยรอบคืออนัตตาที่แปลกประหลาด เหมือนโลกที่อยู่ท่ามกลางกล้องสลับลาย
เขามองเห็นว่าด้านหน้าของทางปริภูมิ ร่างของหลัวซิวซวนเซไปมา ปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินที่อยู่ด้านหลังเขาหายไปแล้ว จะเห็นได้ว่าร่างกายของเขามีพลังงานเหลืออยู่ไม่มาก แม้แต่ปีกเทพก็ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว” ซือถูเจิ้งเจี้ยนกลายเป็นลำแสงสีดำ ทะลุไปอย่างรวดเร็วภายในทางปริภูมิ
ในเวลาเพียงสิบลมหายใจ เขาก็สามารถตามหลัวซิวได้ทัน จากนั้นก็ใช้กระบี่ปีศาจในมือฟันไปที่ศีรษะของไอ้สัตว์เดรัจฉานคนนี้ ได้รับวรยุทธ์ฝึกตนวิชาอาถรรพณ์จุดลมปราณ รวมถึงชิ้นส่วนของใจแห่งศุภร
เพียงแค่ได้รับสิ่งเหล่านี้มา ซือถูเจิ้งเจี้ยนรู้สึกว่าทุกอย่างนั้นคุ้มค่าแล้ว นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขา ในอนาคตมีความหวังว่าจะได้เป็นมกุฎเป็นจ้าวยุทธจักร!
และในเวลานี้เอง ซือถูเจิ้งเจี้ยนกลับเห็นว่าหลัวซิวหยุดฝีเท้าลง จากนั้นก็หันมาทางเขา
หมวกเกราะของเกราะเทพเวหากาลบดบังใบหน้าของหลัวซิว ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นสีหน้าที่ชัดเจนของอีกฝ่ายได้ เพียงแต่แสงในแววตาคู่นั้นที่เผยออกมา แฝงไปด้วยการเย้ยหยันอย่างเย็นชา
“หรือว่านี่จะเป็นกับดัก? เขาจงใจดึงดูดข้าให้มาที่แห่งนี้?” ภายในใจซือถูเจิ้งเจี้ยนพลันมีสัญญาณเตือนขึ้นมา
“ปัง!”
ทันใดนั้น อนัตตาโดยรอบของทางปริภูมิก็สั่นสะเทือน กรงเล็บสีดำและดุร้ายโผล่ขึ้นกลางอากาศ ห่อหุ้มร่างของเขาไว้ใต้กรงเล็บอันดุร้าย