มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1061
เทพมารทุกคนจากเผ่าพันธุ์มนุษย์รวมตัวกัน สู้ไปพร้อมกับล่าถอยไป ถอยไปเรื่อย ๆ จนถึงยอดเขาแห่งนั้นที่เป็นที่ตั้งของพระราชวังทองคำ
ภายใต้การโจมตีของผู้แข็งแกร่งเทพมาร สามสิบกว่าคน วิชาห้ามค่ายกลทั่วไปถูกทำลายบดขยี้ไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงบริเวณกลางทางขึ้นเขา พลังกดขี่อันยิ่งใหญ่ของเทพสงครามก็พลันเคลื่นตัวลงมาทันที
เหล่าเทพมารที่เคยมาเยือนที่แห่งนี้มาก่อนนั้นได้มีการเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่เหล่าเทพมารที่เพิ่งลงมาจากโลกาชั้นฟ้ากลับไม่ทันได้ตั้งตัว การหมุนเวียนกฎพลังเทพถูกตัดขาด แต่ละคนต่างกระอักเลือดออกมา สีหน้าไม่สู้ดี
“ไอ้หนุ่ม จะหนีไปไหน!”
เทพมารอสูรที่มีร่างเดิมเป็นสิงห์ทองนั้นน่าจะเป็นเพราะถูกหลัวซิวใช้ภูเขาเขียวขจีโจมตีมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงได้ไล่ตามเขาตั้งแต่แรกจนตอนนี้
เพราะว่าผลกระทบของพลังกดขี่แห่งเทพสงคราม ดังนั้นเทพมารจำนวนมากต่างก็ไม่กล้าที่จะเดินหน้าต่อ ด้วยเกรงว่าจะถูกพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้น และตนเองจะไม่สามารถต้านไว้ได้จนถูกผู้อื่นฉวยโอกาสไป
ด้วยจำนวนของเทพมารทั้งสองฝ่ายที่ไม่เท่ากัน งูมรณาจิ่วหยินก็ไม่ได้มีโอกาสร่วมมือกับหลัวซิว กระทั่งมีเทพมารจำนวนหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ถึงสองคนขึ้นไป การรับมือนั้นทำได้ยากลำบากมาก
หลัวซิวสู้ไปถอยไป ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายที่รุนแรง เมื่อตั้งสติได้ วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพก็บินออกมา ลอยอยู่เหนือศีรษะ แพร่กระจายพลังเทพดั้งเดิมออกไป
“ปัง!”
เทพมารอสูรสิงห์ทองปล่อยหมัดเข้ามา ทุบลงบนวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ทำให้เกิดการสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ประกายแสงวูบไหว
พลังของเทพมารอสูรตนนี้เก่งกาจกว่าเทพมารอสูรเหยี่ยวทองมาก อีกทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นสาม
“เจ้าอยากตาย ข้าจะทำให้สมปรารถนา!”
หลัวซิวสองมือพันกันเป็นตราธรรมจุติมรณะ วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพขนาดมหึมาลอยออกไปในทันที พุ่งเข้าชนกับเทพมารอสูรสิงห์ทอง อีกทั้งสองระดับความเป็นตายทำให้เกิดกฎดั้งเดิมพลังเทพ ได้ตรึงเทพมารอสูรสิงห์ทองตนนี้ไว้
“ถึงว่า เจ้าใช้ผลการฝึกตนเจ้ายุทธจักรก็สามารถต้านทานเทพมารได้ ที่แท้ก็ฝึกตนร่วมสองระดับความเป็นตาย”
เทพมารอสูรสิงห์ทองสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวของกฎสองระดับความเป็นตาย สีหน้านั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงแม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่กลับไม่ได้แสดงถึงความตื่นตระหนกมากเกินไป
เห็นได้ชัดว่า ที่พิภพต่ำฝึกตนร่วมสองระดับความเป็นตายคือสิ่งที่หาได้ยากอย่างยิ่ง แต่ว่าที่พิภพกลางน่าจะเคยมีคนอื่นฝึกตนมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมาย ดังนั้นเทพมารอสูรเหยี่ยวทองถึงได้รู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ถึงกับตื่นตระหนก
“ต่อให้เจ้าจะฝึกตนร่วมสองระดับความเป็นตายแล้วอย่างไร? สุดท้ายผลการฝึกตนของเจ้าก็ต่ำเกินไป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพมารอสูรอย่างข้า”
เทพมารอสูรสิงห์ทองสะบัดหัวครั้งหนึ่ง ก็แยกออกเป็นมีสามหัว แผงคอสีทองราวกับงูกลุ่มหนึ่งกำลังดิ้นอยู่
ทั้งสามหัวของเขาร้องคำรามด้วยความโกรธ พลังแห่งคลื่นเสียงนั้นแพร่กระจายออกไปไม่หยุด ต้านทานวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพเอาไว้ จากนั้นก็ก้าวกระโดดขึ้นไป กรงเล็บสิงห์ขนาดมหึมาตบลงไปทางหัวของหลัวซิวอย่างรุนแรง
“ตราสยบฟ้า!”
หลัวซิวกระโดดถอยหลังไป หลีกเลี่ยงจุดสำคัญของศีรษะ ปล่อยให้กรงเล็บสิงห์โจมตีลงบนอกแทน สองมือรีบพันกันเป็นตราประทับ ใช้หมื่นจักรวาลไร้รูปปล่อยพลังวิชาตราประทับพลังอมตะระดับราชาเทพ!
เขาครอบครองความทรงจำของหลี่ยู่ ในนั้นมีพลังอมตะสามหกชนิดของตระกูลหลี่แห่งโลกจักรภพ ไม่มีทางขาดพลังอมตะระดับราชาเทพไปได้!
พลังอมตะเหล่านี้ หลัวซิวไม่สามารถเอาไปฝึกตนทั้งหมดได้ แต่หมื่นจักรวาลไร้รูปที่เขาสร้างขึ้นนั้น ก็คือใช้ไร้รูปกลั่นเป็นวิชาหมื่นจักรวาล ตลอดมานั้น ก็ได้ครอบครองพลังอมตะหลายแขนงที่ค่อนข้างเก่งกาจไว้แล้ว
ภายในพลังอมตะของตระกูลหลี่โลกจักรภพ พลังอมตะแขนงใหญ่ระดับราชาเทพมีทั้งหมดสามชนิด ตราสยบฟ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ปุบ!”
กรงเล็บสิงห์ของเทพมารอสูรแทงทะลุทรวงงอกของหลัวซิวจนเป็นรูเลือดทะลักออกมาอย่างง่ายดาย เลือดเนื้อชิ้นหนึ่งถูกฉีกออกมาเป็นสด ๆ เลือดสาดกระเซ็นเป็นทาง
และในตอนนี้เอง ตราสยบฟ้าของเขาก็ประทะเข้าบนร่างของเทพมารอสูรเหยี่ยวทองอย่างรุนแรง ทำให้เทพมารอสูรผู้แข็งแกร่งตนนี้ลอนกระเด็นออกไป ตีลังกาพลิกคว่ำไปไกลหลายสิบลี้
“เหย ๆ คิดจะใช้วิธียอมเจ็บเพื่อต่อกรกับเทพมารอสูรอย่างข้าหรือ?”