มรรคาสู่สวรรค์ - ตอนที่ 60 จิ๋งจิ่วเล่าเรื่อง
ยอดคนขั้นทะลวงสวรรค์สองคนของชิงซานมาถึงพร้อมหน้า
สำนักกระบี่ซีไห่จะทำอย่างไรได้?
ยอดคนขั้นทะลวงสวรรค์ที่อยู่ห่างออกไปร้อยลี้ผู้นั้นทำการตอบสนองของตัวเองออกมา
ริมทะเลมีลำแสงกระบี่ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ลำแสงกระบี่สายนั้นเทียบกับก่อนหน้านี้มีความสว่างไสวมากกว่า แล้วก็น่าหวาดกลัวมากกว่า ราวกับจะช่วงชิงอำนาจของฟ้าดินไปอย่างไรอย่างนั้น มันลอยขึ้นไปราวคุนเผิง[1] ไม่นานก็ทะลุดินแดนแห่งความว่างเปล่าขึ้นไป จนกระทั่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย น่าจะเข้าไปในแดนอัศนีแล้ว
หรือเทพกระบี่ซีไห่คิดจะใช้กระบี่ดึงสายฟ้าลงมา เสี่ยงที่จะสู้กับยอดคนขั้นทะลวงสวรรค์สองคน?
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนมองไปในส่วนลึกของท้องฟ้ายามค่ำคืน
ในใจของเหล่าผู้บำเพ็ญพรตมีความรู้สึกแตกต่างกันออกไป พวกเขาเฝ้ารอให้ลำแสงกระบี่สายนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างกระวนกระวายใจ
หยวนฉีจิงยืนอยู่บนหลังวาฬ สองมือไพล่หลังมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืน นิ่งเงียบมิกล่าวกระไร
ลมฝนและพายุหิมะต่างสงบลง แสงดาวส่องลงมาอีกครั้ง เงาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าก็มิได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ
หยวนฉีจิงกำลังรออะไร? เจ้าสำนักชิงซานกำลังรออะไร? เหตุใดพวกเขาถึงไม่ชิงลงมือก่อน?
ปู้ชิวเซียวตกใจเล็กน้อย เขามองออกไปยังซีหวังซุนที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยจ้าง ร่างกายถูกเงากระบี่มัดเอาไว้
ซีหวังซุนได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าขาวซีด แต่กลับยังคงดูทรงอำนาจ เพียงแต่สายตาที่อยู่ในท้องฟ้ายามค่ำคืนคู่นั้นมิได้ดูลึกซึ้งจนยากคะเนเหมือนเมื่อก่อน หากแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกเย้ยหยัน
ปู้ชิวเซียวพลันเข้าใจขึ้นมาทันที เขาตะโกนบอกเหล่าผู้บำเพ็ญพรตที่อยู่ใกล้ๆ “ถอยออกไป!”
สิ้นเสียงตะโกน
ลำแสงกระบี่สายนั้นก็พุ่งกลับมายังโลกมนุษย์
เสียงฟิ้วดังขึ้น
ท้องฟ้าคล้ายถูกผ่าจนเปิดออกเป็นรู
ลำแสงกระบี่สายหนึ่งที่รวดเร็วดุจสายฟ้าตกลงมาพร้อมกับแสงดาว ส่องสว่างลานเมฆทั้งลาน
ในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่อยู่รอบลานเมฆมีเสียงอุทานตกใจดังขึ้นมานับไม่ถ้วน
เพราะทุกคนได้เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ
……
……
ชิงซานเงียบสงบ
ข่ายพลังปิดลง สายฟ้าที่อยู่เหนือยอดเขาปี้หูก็หายไป แล้วก็ไม่มีภาพพายุฝนให้เหล่าหญิงสาวบนยอดเขาชิงหรงได้ดูเหมือนอย่างปกติ
นอกจากเจ้าแห่งยอดเขาอย่างหนานว่าง แล้วก็ผู้อาวุโสกับศิษย์ที่เก็บตัวบำเพ็ญเพียรแล้ว ศิษย์ชิงซานที่มีสภาวะตั้งแต่ขั้นมิประจักษ์ขึ้นไปล้วนแต่ไปยังทะเลตะวันตก
ส่วนศิษย์ที่มีสภาวะต่ำกว่าขั้นมิประจักษ์ถึงแม้จะไม่รู้รายละเอียดของเรื่องราว แต่ก็คาดเดาได้ว่าน่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น บ้างก็รู้สึกเป็นห่วง บ้างก็รู้สึกกระวนกระวาย ไม่มีใจที่จะฝึกกระบี่เลย
ในยอดเขาทั้งเก้าเงียบสงบ ยอดเขาเสินม่อเองก็เช่นเดียวกัน ยอดจากเสียงเดือดของน้ำชาที่อยู่ในกาแล้วก็ไม่มีเสียงอื่นอีก
จิ๋งจิ่วนอนอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ มือยกถ้วยชาขึ้นมา สายตาทอดมองไกลออกไปพลางจิบชา ไม่รู้กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
เจ้าล่าเยวี่ย กู้ชิงและหยวนฉวี่มองดูแผ่นหลังของเขา ต่างคนต่างสบตากัน จากนั้นส่ายศีรษะ ไม่รู้จริงๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
สถานการณ์ทางทะเลตะวันตกจะต้องตึงเครียดอย่างแน่นอน ขอเพียงหลิ่วสือซุ่ยที่เป็นคนทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นม ยังไม่กลับมาชิงซาน เขาก็น่าจะถือว่ายังตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เหตุใดจิ๋งจิ่วถึงดูไม่เป็นห่วงเลย?
นี่เป็นเพราะเขาไม่รู้เรื่องข้อตกลงระหว่างเจ้าสำนักและจิ๋งจิ่วข้อนั้น
จิ๋งจิ่วให้กระบี่มิคำนึงไปเชิญยักษ์จากแผ่นดินต่างแดนมาคอยจับตาดูหมู่เกาะที่ถูกหมอกหนาทึบปกคลุมไว้ ส่วนเจ้าสำนักก็ต้องรับรองความปลอดภัยของหลิ่วสือซุ่ย
ยักษ์ตนนั้นหยิบเอาไม้โบราณหมื่นปีมาจากในดินแดนลี้ลับหมิงเฉวียน ตอนนี้กำลังจับตาดูหมอกแห่งนั้นอยู่
จิ๋งจิ่วมองว่าเมื่อมีหลิ่วฉือคอยดูแล แล้วยังมีกระบี่ไร้อัตตาและดอกมะลิดอกนั้นอยู่ หากหลิ่วสือซุ่ยยังเกิดเรื่อง เช่นนั้นโชคของเจ้าเด็กนั่นก็แย่เกินไปหน่อยแล้ว
เขาลืมไปว่าแต่ไหนแต่ไรมา โชคของหลิ่วสือซุ่ยก็มิค่อยดีเท่าไร อีกทั้งไม่ได้คิดถึงว่าหลังออกมาจากปู้เหล่าหลิน หลิ่วสือซุ่ยจะมิได้กลับมายังชิงซานในทันที หากแต่ไปเอากระบี่เล่มนั้น
ส่วนเรื่องการแพ้ชนะของการต่อสู้ระหว่างชิงซานและสำนักกระบี่ซีไห่นั้น เขามิได้สนใจเลย เพราะมันไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง
“เพราะเหตุใดขอรับ?”
เมื่อได้ยินคำถามของหยวนฉวี่ จิ๋งจิ่วก็ส่งถ้วยชาให้กู้ชิงพลางกล่าวว่า “เพราะสองทะลวงสวรรค์มันมากกว่าหนึ่งทะลวงสวรรค์น่ะสิ”
นี่เป็นคำพูดเหลวไหล
เรียกได้ว่ากระทั่งเด็กน้อยก็ยังรู้ว่าเป็นการคำนวณง่ายๆ ที่น่าเบื่อ
สาเหตุที่คำพูดเหลวไหลถูกเรียกว่าคำพูดเหลวไหล เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพูดก็เข้าใจได้
สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพูดก็เข้าใจได้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้
การคำนวณที่ง่ายที่สุดก็มักจะเป็นความจริงที่ไม่สามารถล้มล้างได้
หยวนฉวี่เกาศีรษะ ในใจครุ่นคิดว่าเป็นจริงดั่งว่า
กู้ชิงค่อนข้างประหลาดใจ เขากล่าวถามว่า “ท่านเจ้าสำนักกับท่านกฎกระบี่ต่างไปที่นั่นแล้วหรือขอรับ?”
เจ้าล่าเยวี่ยคิดในใจว่าหากมิเป็นเช่นนี้ เมื่อหลายปีก่อนจิ๋งจิ่วและตนเองจะไปเอาท่านไป๋กุ่ยมาจากยอดเขาปี้หูทำไม
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางก็เหลือบมองไปทางแมวขาวที่อยู่ริมผาตัวนั้น ก่อนกล่าวถามจิ๋งจิ่วว่า “ทางซีไห่เองก็มีสัตว์เทพประจำสำนักเช่นนกัน วาฬบินที่พวกเราเคยเห็นตัวนั้น”
จิ๋งจิ่วกล่าว “วาฬตัวนั้นเป็นทะลวงสวรรค์ปลอม ยิ่งไปกว่านั้นชื่อของหยวนฉีจิง[2]ก็ข่มมันอยู่ด้วย”
กู้ชิงตกตะลึง ครุ่นคิดเล็กน้อยถึงได้เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร จึงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
หยวนฉวี่เกาศีรษะของตน ในใจครุ่นคิดว่านี่มันไม่มีเหตุผลเลย?
แมวขาวที่ฟุบอยู่ริมผาได้ยินคำพูดของเขา ในใจครุ่นคิดว่าคำพูดนี้น่าสนใจ อีกทั้งมีเหตุผล เจ้าโง่ที่โตแต่ตัวแบบนั้นจะคู่ควรมาเทียบกับตนได้อย่างไร?
มันยื่นอุ้งเท้าข้างขวาไปเกี่ยวจักจั่นเหมันต์มากอดเอาไว้ข้างกาย ก่อนจะหาวออกมาทีหนึ่ง
เวลานี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ อากาศค่อยๆ ร้อน มันยิ่งชอบนอนกอดจักจั่นเหมันต์เอาไว้
ส่วนจักจั่นเหมันต์จะยินยอมหรือไม่ ยอดเขาเสินม่อได้เตรียมเยื่อน้ำแข็งเอาไว้กี่ขวดเพื่อการนี้ มันไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้เลย
“ข้าก็ยังคิดว่ามันไม่มีเหตุผลอยู่ดี”
กู้ชิงล้างถ้วยชาของจิ๋งจิ่วจนสะอาด เปลี่ยนชาใหม่ให้ ก่อนจะยื่นไปบนมือของเขาแล้วกล่าวต่อว่า “สำหรับสำนักกระบี่ซีไห่แล้ว ต่อให้มันจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถ้าเทียบกับความเสี่ยงแล้วก็ถือว่าน้อยมาก นอกเสียจากพวกเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญพรต”
นี่หมายถึงเรื่องที่สำนักกระบี่ซีไห่แอบควบคุมปู้เหล่าหลินอย่างลับๆ
เจ้าล่าเยวี่ยกล่าว “ก็เห็นได้ชัดว่านี่คือเป้าหมายของพวกเขา ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีวันก้าวข้ามชิงซานได้”
เมื่อหลายปีก่อน สำนักกระบี่ซีไห่เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วตรงริมทะเล เรื่องราวที่พวกเขาทำหลังจากนั้น ไม่ว่าใครต่างก็มองออกว่าเป้าหมายของพวกเขาคือสำนักชิงซาน
ปัญหาอยู่ที่ว่าเหตุใดสำนักกระบี่ซีไห่ถึงได้มีอคติหรือพูดอีกอย่างก็คือความปรารถนาที่จะก้าวข้ามสำนักชิงซานที่รุนแรงถึงเพียงนี้? เป็นเพราะเทพกระบี่ไม่ชอบเป็นรองใครอย่างนั้นหรือ
เจ้าล่าเยวี่ยไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ นางมองไปทางจิ๋งจิ่ว
สายตาของกู้ชิงและหยวนฉวี่เองก็มองไปที่จิ๋งจิ่ว
จิ๋งจิ่วก้มหน้าดื่มชา แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
เจ้าล่าเยวี่ยและอีกสองคนมองเขาแบบนี้
ปลายยอดเขาสงบเงียบเป็นเวลานาน
จิ๋งจิ่ววางถ้วยชาลง
กู้ชิงรีบรับเอาไว้
จิ๋งจิ่วรู้สึกจนปัญญา กล่าวว่า “เรื่องนี้มันยาว เล่าแล้วเหนื่อย”
หยวนฉวี่ส่งเสียงโห่ร้องดีใจ รีบวิ่งเข้าไปในถ้ำ ยกเบาะผ้าไหมออกมาสามใบ
เจ้าล่าเยวี่ยส่งสายตาบอกว่าตัวเองไม่เอา นางบอกให้จิ๋งจิ่วเขยิบไปหน่อย จากนั้นนั่งลงไปบนเก้าอี้ไม้ไผ่
แมวขาวไม่สนใจ หากแต่กอดจักจั่นเหมันต์แล้วหลับต่อ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหล่านั้นมันรู้เรื่องหมดแล้ว เหตุใดต้องฟังอีกรอบ
“เรื่องราวนี้มันเริ่มขึ้นแบบนี้”
จิ๋งจิ่วกล่าว
……
……
เมื่อนานมาแล้ว มีเรื่องลำหนึ่งล่องมาจากทะเล บนเรือบรรทุกเครื่องเทศ อัญมณีและหินผลึกมาเต็มลำ แล้วก็ยังมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มคนนั้นมีนามว่าหนานชวี ว่ากันว่าเป็นองค์ชายของอาณาจักรเล็กๆ แห่งหนึ่งทางทะเลใต้ เดินทางหมื่นลี้มายังแผ่นดินเฉาเทียนเพื่อจะเข้ามาเป็นศิษย์สำนักชิงซาน เขามีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรที่ยอดเยี่ยม จึงเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักได้อย่างง่ายดาย ในงานชุมนุมเฉิงเจี้ยนก็ถูกยอดเขาต่างๆ แย่งตัว แต่เขากลับไม่ยินดีไป บอกแค่เพียงว่าจะขอเป็นศิษย์ท่านนักพรตเต้าหยวนซึ่งเป็นเจ้าสำนักในเวลานั้นเท่านั้น นักพรตเต้าหยวนบอกว่าเขาจิตใจโหดเหี้ยมเกินไป อย่าว่าแต่จะรับเขาเป็นศิษย์เลย ต่อให้จะฝึกกระบี่ของชิงซานก็ยังไม่เหมาะสม จากนั้นบอกว่ายินดีจะแนะนำให้เขาไปบำเพ็ญเพียรที่วัดกั่วเฉิง
หนานชวีย่อมไม่ยินยอม จึงออกมาจากชิงซานอย่างโกรธแค้น จากนั้นท่องไปทั่วทั้งแผ่นดิน พบเจอกับเรื่องราวน่าเศร้าบางอย่าง นิสัยจึงยิ่งโหดร้ายขึ้นกว่าเดิม ภายหลังเขาไปเจอถ้ำของเซียนกระบี่รุ่นก่อนบนถ้ำแห่งหนึ่งในทะเล สภาวะรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงสองร้อยปีก็บรรลุถึงขั้นทะลวงสวรรค์ขั้นสูงสุด เรียกได้ว่าเป็นเซียนกระบี่แห่งยุค ภายหลังเขากลับมายังแผ่นดินเพื่อจะล้างแค้นในอดีต สังหารศิษย์ชิงซานไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังอาศัยความช่วยเหลือจากเผ่าหมิง ฉวยโอกาสตอนที่นักพรตเต้าหยวนบรรลุกลายเป็นเซียนลอบโจมตีจนสำเร็จ
นักพรตเต้าหยวนได้รับบาดเจ็บสาหัส ล้มเหลวในการบรรลุกลายเป็นเซียน ก่อนตายจึงใช้กระบี่สรรพสิ่งรวมเป็นหนึ่งสะบั้นต้นไม้แห่งเต๋าของหนานชวีจากระยะหลายหมื่นลี้ ขณะเดียวกันก็เปิดข่ายพลังชิงซานเตรียมสังหารเขา หนานชวีเห็นท่าไม่ดี จึงเปิดข่ายพลังปิดผนึกเกาะที่มีถ้ำเซียนกระบี่อยู่แห่งนั้นเอาไว้ในทะเลหมอก
……
……
จิ๋งจิ่วเล่าเรื่องไม่เป็น ศัพท์แสงที่ใช้ไม่สวยงาม รายละเอียดของเรื่องราวก็ไม่น่าสนใจ แต่เจ้าล่าเยวี่ย กู้ชิงและหยวนฉวี่ต่างฟังอย่างตั้งใจ จากนั้นตกใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาย่อมต้องรู้ว่าจิ๋งจิ่วหมายถึงใคร
ตำนานของผู้หลบหนีกระบี่เป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกแห่งการบำเพ็ญพรตของแผ่นดินเฉาเทียน
วันนี้พวกเขาถึงได้รู้ว่าที่แท้เซียนกระบี่ขั้นทะลวงสวรรค์ที่อยู่ทะเลทางใต้กับสำนักชิงซานนั้นมีความแค้นระหว่างกันที่มากมายขนาดนี้ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ชื่อของอีกฝ่าย
นักพรตเต้าหยวนเป็นเจ้าสำนักชิงซานเมื่อนานมาแล้ว หากนับตามความอาวุโสก็น่าจะเป็นอาจารย์ปู่ของนักพรตไท่ผิงและนักพรตจิ่งหยาง หลังจากบรรลุเป็นเซียนล้มเหลวก็ตายลงไป ที่แท้สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะเซียนกระบี่ขั้นทะลวงสวรรค์แห่งทะเลทางใต้ผู้นั้น มิน่าสำนักชิงซานถึงได้สาบานว่าจะต้องฆ่าคนผู้นี้ให้ได้
…………………………………..