ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 383 โอกาสครั้งสุดท้าย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะเอาตระกูลซูมาเป็นของของซูวาน แต่ดูจากตอนนี้แล้ว คงเป็นไปไม่ได้
…..
ในเช้าตรู่ของวันถัดไปฉินเฉิงได้รับโทรศัพท์
มันเป็นเบอร์แปลก หลังจากที่ฉินเฉิงรับโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเขาก็ขมวดคิ้วและถามออกไปว่า “คุณเป็นใคร?”
อีกด้านหนึ่งเป็นเสียงของเด็กผู้หญิง เธอยิ้มและพูดออกมาว่า “ฉันคือจู้เหยา ฉันอยากจะเชิญนายมาทานอาหารที่บ้านของฉัน”
“จู้เหยา?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วมากกว่าเดิม “จู้เหยา คนที่ทั้งเหยียนเซี่ยเป็นรองแต่เถิงอาวคนเดียว คนนั้นนะหรือ?”
“ก็พูดเกินไป ความแข็งแกร่งของนายนั้นสูงกว่าฉันมาก” จู้เหยายิ้มและพูดออกมา
ฉินเฉิงเงียบไปพักหนึ่งและพูดออกมาว่า “ฉันกับเธอเหมือนจะไม่ค่อยสนิทกัน ยิ่งไปกว่านั้นฉันมีความแค้นกับตระกูลซู ทำไมเธอถึงเชิญฉัน?”
“ฉันชื่นชมคุณ” จู้เหยายิ้มออกมา “บ่ายโมงเจอกันที่ลานบ้านตระกูลจู้ ”
พูดจบ เธอก็วางโทรศัพท์ลงทันที
ฉินเฉิงถูโทรศัพท์มือถือของตนเอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
นี่เป็นเส้นทางที่ตระกูลจู้ยื่นมาให้? หรือว่าจู้เหยาเป็นคนคิดเองกันแน่?
คิดไปคิดมาฉินเฉิงก็ตัดสินใจที่จะไป
เขาผ่านอะไรมามากมาย แล้วนับประสาอะไรกับตระกูลจู้
ในตอนเที่ยงฉินเฉิงพาฟางเสี่ยวเต๋อเดินไปทานอาหารที่ชั้นล่าง ฉินเฉิงเช็ดปากของตนเองและพูดออกมาว่า “เธอกลับไปก่อนนะ ฉันมีเรื่องนิดหน่อย”
“นายจะไปไหน!” ฟางเสี่ยวเต๋อดึงแขนของฉินเฉิงเอาไว้จากนั้นก็พูดออกมาว่า “หรือว่านายจะไปหาผู้หญิง?”
“เธอรู้ได้ยังไง?” ฉินเฉิงยิ้มและถามออกไป “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?”
ฟางเสี่ยวเต๋อเบะปากและไม่ได้พูดอะไร
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเธอช่วยซูวานในการดูแลฉินเฉิง แต่ตอนนี้หละ?
“รีบกลับไปได้แล้ว” ฉินเฉิงลูบศีรษะของฟางเสี่ยวเต๋อเบาๆ
ฟางเสี่ยวเต๋อมองไปที่เงาหลังของฉินเฉิง หัวใจของเธอรู้สึกไม่สบายใจ
ลานบ้านตระกูลจู้
นี่คือคฤหาสน์ขนาดใหญ่
คฤหาสน์หลังนี้ต่างจากหลังอื่นๆ มันเป็นคฤหาสน์ของจู้เหยาคนเดียวเท่านั้น ด้านในมีเพียงแค่ลูกน้องของเธอไม่มีญาติคนอื่นๆ
“คุณหนู ทำไมคุณต้องเชิญฉินเฉิงมาด้วย?” คนรับใช้คนหนึ่งขมวดคิ้วและถามออกมา
จู้เหยาวางแก้วชาในมือ ยิ้มและตอบกลับมาว่า “ฉันสนใจในตัวเขา”
“เขามีอะไรดี!” คนใช้นี้โกรธนิดหน่อย “เขาบ้าบื่นจะตาย ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ หน้าไม่อาย ไม่มีอะไรดีเลยด้วยซ้ำ คนแบบนี้จะมาเหมาะสมอะไรกับคุณหนู!”
จู้เหยายิ้ม เธอไม่ได้อธิบายอะไรออกไป
“คุณหนู ฉินเฉิงมาแล้ว” ในตอนนั้นคนรับใช้อีกคนก็เดินเข้ามา
จู้เหยาพยักหน้า “เชิญเขาเข้ามา”
“คุณหนู ให้ผมอยู่ดูแลคุณตรงนี้เถอะ” คนรับใช้พูดออกมา
จู้เหยาเหลือบมองไปที่เขาและพูดออกมาว่า “ทำไม เดี๋ยวนี้ไม่ฟังที่ฉันพูดแล้วใช่ไหม?”
คนรับใช้คนนั้นเบะปาก ถึงแม้จะไม่พอใจแต่ทำได้แค่เดินจากไป
ไม่ไกลจากตรงนั้น ฉินเฉิงค่อยๆเดินเข้ามา
จู้เหยาค่อยๆลุกขึ้น ยิ้มและพูดว่า “พี่ฉิน”
“คุณหนูจู้” ฉินเฉิงโน้มตัวรับ จากนั้นเธอกินรินน้ำชาให้ฉินเฉิงด้วยตัวเอง
ฉินเฉิงเองก็ไม่ลังเล หยิชานั้นมาดื่มจนหมดแก้วและถามออกไปว่า “คุณหนูจู้มีเรื่องอะไร บอกมาได้เลย”
จู้เหยายิ้มและพูดออกมาไปว่า “พี่ฉินไม่เห็นต้องอะไรแบบนั้นเลย ฉันเรียกนายมาก็เพราะชื่นชมนายเท่านั้น”
“ชื่นชมฉัน?” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ฉันเป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีหัวนอนปลายเท้า มีอะไรให้คุณหนูจู้มาชื่นชอบ?”
“คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า?” จู้เหยาส่ายหน้า “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ถ้าหากนายไม่มีอะไรจริงๆ นายจะทำให้ตระกูลซูจนมุมได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของจู้เหยา หัวใจของฉินเฉิงก็พองโตขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่สีหน้าของเขายังคงปกติ
“คุณหนูจู้พูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ” ฉินเฉิงพูดออกไป
จู้เหยาหัวเราะและพูดออกมาว่า “ใบหน้าอาจจะแสดงออกมาอีกแบบหนึ่ง แต่ในใจคิดแบบนั้นหรือเปล่า”
ครั้งนี้หัวใจของฉินเฉิงเต้นแรงกว่าเดิมทันที!
จู้เหยาคนนี้ไม่ง่ายเลย!
นอกจากความแข็งแกร่งที่น่าภาคภูมิใจของเธอแล้ว จิตใจของเธอก็ยากที่จะหยั่งรู้!
“พี่ฉินไม่ต้องกังวล ฉันก็เป็นคนเหมือนกันนาย ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น” จู้เหยาพูดพร้อมกับรินชาให้ฉินเฉิงอีกถ้วย “คนธรรมดามักยอมแพ้ในโชคชะตา ฉันเห็นมันมาเยอะแล้ว ทุกคนล้วนแต่ไม่ได้เรื่อง!”
“ดังนั้น?” ฉินเฉิงถามออกมา
จู้เหยาลุกขึ้น พูดออกมาเบาๆว่า “ฉันรอคอยว่าสักวันหนึ่งจะมีคนสามารถทำลายสมดุลที่ย่ำแย่ของโลกใบนี้ได้”
ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “คุณหนูจู้ประเมินฉันสูงไปแล้ว ฉันคนเดียวจะเอาอะไรไปสู้กับจอมยุทธทั้งจิงตูได้? ไม่มีทาง”
“ถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่ได้ แต่ใจก็ตัดสินใจไปแล้วใช่ไหม” จู้เหยายิ้มและพูดออกมา
สีหน้าของฉินเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาทำอะไรต่อไปไม่ถูก ผู้หญิงคนนี้ฉลาดเกินไปแล้ว มันอาจจะไม่เกินไปถ้าหากจะบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดตั้งแต่ฉินเฉิงเคยเจอมา
เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเธอ ดูเหมือนจะไม่มีความลับ ทุกอย่างถูกเธอมองเห็น
“คนฉลาดเกินไป อาจจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้นะ” ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกไป
จู้เหยาเองก็ยิ้มออกมา เธอไม่ได้สนใจอะไรที่ฉินเฉิงพูด และเธอพูดออกมาว่า “เพื่อที่จะแสดงความจริงใจที่ฉันมีต่อนาย ฉันตัดสินใจที่จะบอกข่าวข่าวหนึ่งกับนาย มันเป็นถึงข่าวที่เปลี่ยนชีวิตนายได้เลย”
“เอ๋?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว
จู้เหยายิ้มและพูดออกมาว่า “ช่วงนี้ซูฉีไห่ออกไปจากจิงตู และไปยังที่ที่เรียกว่าอาณาจักรผาน”
“อาณาจักรผานเป็นที่ที่พิเศษมากๆ มันเป็นที่ที่สามารถทำให้คนที่อ่อนแอสามารถยิ่งใหญ่ได้” จู้เหยาพูดต่อ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีศาจปาน เป็นตัวที่อันตรายที่สุด”
ฉินเฉิงเงียบไม่พูดอะไร เขารอต่อไปว่าจู้เหยาจะพูดอะไรออกมาอีก
จู้เหยายิ้มและพูดออกมาว่า “ปีศาจปาน คือศิษย์พี่ของโจวติง”
ฉินเฉิงไม่ได้พูดอะไร เขายิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณคุณหนูจู้มากที่เตือนฉัน ถ้าหากไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อน”
“นายไม่อยากรู้ความแข็งแกร่งของปีศาจปานอย่างนั้นเหรอ?” จู้เหยาพูดออกมาด้วยความสงสัย
ฉินเฉิงยิ้มและตอบไปว่า “ไม่จำเป็น ถ้าหากเขามา ฉันฆ่าเขาก็สิ้นเรื่อง”
จาหนั้นฉินเฉิงก็เดินออกไป
จู้เหยามองไปที่เงาหลังของฉินเฉิง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวัง
“ถ้าหากฉินเฉิงคนนี้สามารถเอาชนะผานหวังได้จริงๆหละก็ ชื่อเสียงของเขาจะต้องยิ่งใหญ่และแพร่กระจายไปทั่วอย่างแน่นอน” ดวงตาของจู้เหยาเป็นประกาย
…..
ในตอนที่เขาเดินออกมา ด้านหน้าประตูก็มีรถจอดอยู่หนึ่งคัน
หลังจากรถหยุด ก็เห็นเถิงอาวเดินลงมาจากรถ!
“ฉินเฉิง? นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” หลังจากที่เห็นฉินเฉิง ใบหน้าของเถิงอาวก็เต็มไปด้วยความมืดมน
เขาพูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “นายทำอะไรกับคุณหนูจู้?”
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เขาและพูดออกมาว่า “คุณหนูจู้เชิญฉันมาดื่มน้ำชา”
“โกหก!” เถิงอาวพูดออกมาด้วยควมโกรธ “ฉันขอเตือนนายเอาไว้ ทางที่ดีอยู่ห่างจากคุณหนูจู้เอาไว้!”
เถิงอาวแอบรักจู้เหยามาหลายปีเรื่องนี้ทุกคนรู้ดี และวันนี้เขาเห็นฉินเฉิงเดินออกมาจากบ้านของจู้เหยา เขาก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา
ฉินเฉิงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงขี้เล่น “เถิงอาว ตระกูลเถิงของนายกับตระกูลซูไม่ได้มั่นหมายเอาไว้แล้วหรอกเหรอ? แล้วทำไมนายถึงมามองผู้หญิงอื่น นายมาหาจู้เหยาทำไม?”