ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - ตอนที่ 175 การปฎิบัติที่ไม่ดี
หลังจากเห็นคนๆนี้แล้ว ฟางจิ้งเหยาก็ลุกขึ้นแล้วทักทายเค้าอย่างเร็ว
แม้แต่นายท่านซูที่นอนอยู่เองก็กำลังเตรียมที่จะลุกขึ้นมา
"คุณเฉียว คุณมาแล้ว" ฟางจิ้งเหยาก็เดินไปที่ด้านหน้าด้วยความเคารพ
นี่คือพลังของจอมยุทธ์ แม้แต่ฟางจิ้งเหยาเองก็ยังต้องปฎิบัติต่อเค้าด้วยความเคารพ!
คุณเฉียวโน้มตัวเล็กน้อย เค้าวางกระเช้าดอกไม้ลงบนโต๊ะ จากนั้นก็มองไปที่นายท่านซูแล้วพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย
ด้วยความเป็นจอมยุทธ์ เค้าสามารถที่จะอยู่ในระดับเดียวกันกับนายท่านซูได้เลย ตอนนี้เองเค้าก็กลายเป็นแขกของตระกูลชู ดังนั้นเค้าก็ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทอะไรมากับนายท่านซูเลยด้วยซ้ำ
"คุณคือฉินเฉิง?" จากนั้นไม่นาน เฉียวไท่กูก็มองไปที่ฉินเฉิง
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วตอบว่า: "ได้เจอกันซักทีนะคุณเฉียว"
คุณเฉียวเงียบ จากนั้นแรงกดดันของจอมยุทธ์ก็ตรงมาที่ฉินเฉิง!
ทันใดนั้นเอง ฉินเฉิงรู้สึกถึงพลังนับพันบนไหล่ของเค้า มันราวกับว่ามีภูเขากำลังกดทับอยู่ที่บนไหล่ของเค้า!
เค้าหมุนเวียนพลังปราณในร่างกายของเค้าอย่างใจเย็นเพื่อต่อสู้กับมัน
แรงทั้งสองนั้นรุนแรงมาก มันทำให้อากาศโดยรอบร้อนขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน เตียงและโต๊ะที่อยู่รอบๆก็เกิดเสียงคลิ๊กดังขึ้นมา!
"คุณเฉียว!" เมื่อเห็นแบบนี้ ฟางจิ้งเหยาก็ดูเป็นกังวลมาก
ในตอนนี้เอง เฉียวไท่กูก็ลดกำลังลง จากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มว่า: "ทนรับมันได้ ใช้ได้เลยหนิ"
ฉินเฉิงไม่พอใจเล็กน้อย แต่เค้าก็ไม่ได้ทำอะไร
"หัวหน้าฟาง ไม่ต้องตกใจไป ผมแต่ทดลองทักษะของเค้าก็เท่านั้น" เฉียวไท่กูก็หัวเราะขึ้นมา
ฟางจิ้งเหยาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เค้าหัวเราะแล้วพูดว่า "คุณเฉียว ผมมีเรื่องจะรบกวนคุณ"
"หัวหน้าฝาง บอกมาเลยครับ" เฉียวไท่กูก็พยักหน้าขึ้นมา
ฟางจิ้งเหยาก็พูดขึ้นมาอย่างช้าๆ: "คุณน่าจะเคยได้ยินเรื่องความคับข้องใจระหว่างฉินเฉิงกับตระกูลซู ทุกวันนี้มีเพียงแค่ไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับตระกูลซูได้ หนึ่งในนั้นก็คือตระกูลชู"
"แล้วยังไง?" เฉียวไท่กูก็ถามขึ้นมา
"เนื่องจากคุณเป็นแขกของตระกูลชู คุณทำจะให้ฉินเฉิงเจ้าร่วมตระกูลชูด้วยได้ไหม ด้วยวิธีนี้ ตระกูลซูน่าจะไม่กล้าทำอะไรที่บ้าบิ่น" ฟางจิ้งเหยาก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ในตอนที่เค้ากำลังจะปฎิเสธนี้เอง เค้าก็ได้ยินเฉียวไท่กูที่หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
"หัวหน้าฝาง คุณล้อเล่นกับฉันหรือเปล่า" เฉียวไท่กูหัวเราะเยาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า "เด็กคนนี้เค้ามีพรสวรรค์ที่ดีจริงๆ ดูจากเมืองจิงตูแล้วมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สู้เค้าได้ ตระกูลชูแล้วยังไง ดูเค้าสิ ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลชูจะไปหาตระกูลซูเพื่อถลกหนังพวกเค้าอย่างงั้นเหรอ?"
ฟางจิ้งเหยาก็ยิ้มอย่างขมขื่น: "ฉันรู้ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันจะรบกวนคุณเพื่อขอความช่วยเหลือ … "
เมื่อเฉียวไท่กูได้ยินแบบนี้ การเยาะเย้ยบนสีหน้าของเค้ามันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
"หัวหน้าฝาง ผมเองก็ตอบแทนที่ผมติดคุณไว้แล้ว คุณคิดว่าการทำแบบนี้แล้วมันจะมารบกวนผมอยู่เรื่อยๆอย่างงั้นเหรอ?" เฉียวไท่กูก็ถอนหายใจออกมา "ฉันจะช่วยอะไรได้บ้าง?"
ฟางจิ้งเหยาก็กลายเป็นใบ้ สีหน้าของเค้าดูกระอักกระอ่วมเป็นอย่างมาก
"ฉันไม่เคยคิดที่จะเข้าร่วมกับตระกูลชูเลย" ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา
"สำหรับจอมยุทธ์แล้ว ในความคิดของฉัน มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย มันไม่มีอะไรน่าภูมิใจเลย" ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาอีกประโยชน์ในทันที
จากนั้นสีหน้าของเฉียวไท่กูก็ดูมืดมนลง
เค้าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: "คุณรู้หรือไม่ว่าบนโลกนี้มันไม่มีใครสามารถดูถูกจอมยุทธ์ได้? ด้วยการพูดของคุณ ฉันสามารถฆ่าคุณได้เลยนะ!"
"คุณเฉียว ฉินเฉิงไม่รู้เรื่องอะไร อย่าไปถือสาเค้าเลยนะ…" ฟางจิ้งเหยาก็รีบก้าวเข้ามาแล้วพูด
เจตนาฆ่าที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร่างของเฉียวไท่กู แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่ทำอะไร
"คุณเป็นหนี้ชีวิตผม" เฉียวไท่กูมองไปที่ฟางจิ้งเหยาอย่างเย็นชา
ฟางจิ้งเหยาทำได้เพียงแค่พยักหน้าแล้วตกลงครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากนั้น เฉียวไท่กูก็เดินออกไป
เมื่อเค้าเดินไปถึงประตู เฉียวไท่กูก็ยืนนิ่ง เค้ามองไปที่ฉินเฉิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "ชีวิตนี้ทางที่ดีอย่าเข้าไปที่เมืองจิงตู ไม่อย่างงั้น … "
เค้าไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่การข่มขู่นั้นมันก็เห็นได้อย่างชัดเจน
หลังจากที่เฉียวไท่กูออกไป สีหน้าของฟางจิ้งเหยาก็ดูไม่ได้เลย
"คนๆนี้ มันมากเกินแล้วจริงๆ" ฟางจิ้งเหยากูดูทำอะไม่ถูก
ฉินเฉิงมองไปที่เฉียวไท่กูที่กำลังจะออกไปด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า: "เมื่อฉันก้าวเข้าสู่เมืองจิงตู คุณจะเป็นแรกที่ถูกฆ่า!"
เค้าไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป เค้าก็เลยตัดสินใจว่า: หลังจากจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับนายท่านซูแล้ว เค้าจะเริ่มเก็บตัว
ด้วยจิตแห่งมังกรนี้ ฉินเฉิงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับของยาอะไรเลย จิตแห่งมังกรเพียงตัวเดียวมันก็เพียงพอแล้วสำหรับเค้า
หลังจากที่ออกมาจากนายท่านซูแล้ว ฉินเฉิงก็เข้าเน็ตเพื่อค้นหาองค์กรการกุศล
หลังจากดูแล้วหลายครั้ง ในที่สุดฉินเฉิงก็เลือกองค์กรการกุศลที่ชื่อ "อี้หมิง"
การประเมินองค์กรนี้ในอินเตอร์เน็ตค่อนข้างดี ฉินเฉิงเองก็สนใจ จากนั้นเค้าก็โทรหาอีกฝ่ายในทันที
เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของนายท่านซู เค้าก็รู้สึกตื่นเต้นทันทีแล้วพูดทางโทรศัพท์ว่า "คุณฉิน ไม่ต้องกังวล บริษัทของเราจะจัดการให้คุณเอง! งั้นเดี๋ยวจะส่งคนเข้าไปเซ็นสัญญานะครับ!"
ฉินเฉิงเงียบไปซักพักแล้วพูดว่า "ฉันจะไปที่บริษัทของคุณ จะไปดูซะหน่อย"
"โอเค ไม่มีปัญหา เชิญเข้ามาดูได้เลยครับ!" อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา
หลังจากวางสายแล้วพวกเค้าก็ส่งที่อยู่ให้กับฉินเฉิง
ฉินเฉิงรอช้า เค้าเก็บของแล้วไปที่บริษัทอี้หมิงในทันที
บริษัทนี้ใหญ่กว่าที่คิดไว้ ว่ากันว่าทั้งอาคารนี่มันเป็นที่ของสำนักงาน
ที่ประตูรั้วมีคนเข้าคิวนับไม่ถ้วน คนเหล่านี้พวกเค้าล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ยากจน พวกเค้ามาขอสมัครรับเงินช่วยเหลือ
หลังจากที่ฉินเฉิงเดินไปที่ประตู เค้าก็ถูก รปภ สองคนขวางเอาไว้
พวกเค้ามองไปที่ชุดของฉินเฉิงแล้วพูดว่า "เป็นคนที่มาสมัครขอรับเงินช่วยเหลือสินะ ไปกรอกใบสมัครที่นั่น"
ฉินเฉิงไม่พูดอะไร เค้ายังต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อดูมาตรฐานการบริการของบริษัทแห่งนี้
ดังนั้นฉินเฉิงก็เลยเดินไปที่ด้านข้างเพื่อรับแบบฟอร์มและกรอกข้อมูล
"กรอกแบบฟอร์มแล้ว" ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาว่า "ตอนนี้ต้องไปที่ไหนต่อ?"
"ไปรอตรงนั้น" พนักงานพูดขึ้นมาอย่างไม่สนใจ
ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เค้ารู้สึกไม่ค่อยพอใจ
"ฉันได้ยินมาว่าวันนี้จะมีคนมาตรวจ แต่ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่"
"ใช่สิ งั้นก็ทนต่อไป แต่มันทำให้ฉันเหนื่อย"
"อย่าไม่ใส่ใจเลย จับตาดูให้ดี ถ้าเค้ามาเราจะเดือดร้อนได้นะ"
หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ในตอนนี้เอง หญิงชาวนาคนหนึ่งก็กอดลูกของเธอแล้ววิ่งเข้าไปอย่างร้อนใจ
เธอคุกเข่าลงไปที่พื้นร้องไห้แล้วพูดว่า "ลูกของฉันต้องการเงินด่วนเพื่อรักษาเค้าผ่าตัด ฉัน…ฉันต้องการขอเงินจำนวนหนึ่ง.. ."
"ไปต่อแถว นี่มันบ้าอะไรกัน?" พนักงานพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
ทันทีที่เค้าพูดจบ เค้าก็เห็นชายวัยกลางคนที่มีพุงใหญ่กับเสื้อผ้าคับๆที่เดินเข้ามา
หลังจากเห็นชายคนนั้นแล้ว พนักงานก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า "พี่ซ้ง พี่มาแล้ว นั่งก่อนสิครับ"
หญิงชาวนาพูดอย่างร้อนใจ "เค้า… เค้าไม่ได้เข้าแถว.."
พนักงานเหลือบมองหญิงชาวนาแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า: "พี่ซ้งเค้านัดไว้แล้ว ไปรอตรงนั้นอย่างเชื่อฟังไป!"
"แต่… ฉันเป็นกังวลนะ!" หญิงชาวนาเหลือบมองเด็กในอ้อมแขนของเธอ เด็กเริ่มหายใจเร็วขึ้น โรงพยาบาลเองก็บอกเธอมาว่ามันจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว อย่างช้าที่สุดการผ่าตัดมันจะต้องทำในคืนนี้
"งั้นก็ช่วยไม่ได้ นี่มันเป็นขั้นตอนของเรา" พนักงานพยายามระงับอารมณ์แล้วพูด
หลังจากนั้น เค้าก็หยุดคุยกับผู้หญิงชาวนาคนนั้นแล้วหันไปคุยกับพี่ซ้งที่อยู่ด้านข้าง
แววตาของหญิงชาวนาคนนั้นก็แดงขึ้นมา เธอร้องไห้ออกมา
ในตอนนี้เอง จู่ๆก็มีมือหนึ่งวางลงบนหน้าผากของเด็ก
ทันทีที่มือวางลงไป การหายใจของเด็กก็ราบรื่นขึ้นมาก การร้องไห้ก็หยุดลงในทันที
"ทำไมลัดคิวเข้ามาอีกแล้ว" พนักงานก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเมื่อมองเห็นฉินเฉิง
ฉินเฉิงพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: "บริษัทของคุณมีการปฎิบัติอย่างงี้เหรอ?"
"การปฎิบัติของฉันมันทำไม?" พนักงานมองไปที่ชุดของฉินเฉิง หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าฉินเฉิงไม่ใช่คนรวย เค้าก็โล่งใจ
ฉินเฉิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา: "เนื่องจากเป็นองค์กรการกุศล การทำงานมันต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการช่วยเหลือคนไม่ใช่เหรอ?"
"มันเกี่ยวอะไรกับแกด้วย?" พนักงานเริ่มหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อยๆ "ถ้าแกยังจะมาพูดจาบ้าบออะไรอีก ก็ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!"