ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 61 เข้าจวนอ๋องในตอนกลางคืน
“เรื่องวาสนาแต่งงาน”พอคำนี้พูดออกมา ในลานก็ล้วนเงียบกริบ
ซูหนานอีมิได้แปลกใจเลย หัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง ซูซืออวี้จะต้องรับหลิ่วซือเป็นเมียน้อยแน่นอน นี่ก็อยู่ในการคาดเดาของนาง ถึงแม้เมื่อวานซูหว่านเอ้อร์จะก่อความวุ่นวายขึ้นมา เขาก็ยังคงใจร้อนเช่นนี้อีก นี่ทำให้นางรู้สึกน่าขำ
นักพรตจินมองไปที่ซูหนานอีตาหนึ่ง เห็นว่านางมิได้ตกใจ ก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจเข้าไปอีก!เขาดูดวงเป็นที่ไหนล่ะ เขามิกล้าพูดมั่วซั่วหรอก ต้องถามซูหนานอีก่อน
ซูหนานอีพูดอย่างราบเรียบ”เจ้าก็พูดกับเขาว่า คนนี้ดวงชะตาดีมาก สามารถทำให้สามีเจริญได้ และยังสามารถทำให้บ้านเรือนและทรัพย์สินของตระกูลซูมีคนคุ้มครอง”
นักพรตจินรู้สึกแปลกใจ บ้านเรือนและทรัพย์สินมีคนคุ้มครอง……นี่ก็เท่ากับว่าจะคลอดลูกชายออกมาไม่ใช่หรือ?
เขาครุ่นคิดสักพักหนึ่ง ก้มหน้าและกระซิบว่า”คุณหนูซู ผินเด้าคิดว่า นายท่านซูตัดสินใจที่จะรับเมียน้อยเข้าเรือนแล้ว ส่วนคุณหนูรองก็เป็นเช่นนี้แล้ว คงมิสามารถพลิกร่างได้อีก และคุณหนูซูก็จะกลายเป็นพระชายา สูงศักดิ์ยิ่งนัก พอถึงเวลานั้นจวนซูก็อยู่ในมือของ……”
ซูหนานอีหัวเราะสั้นๆออกมาเสียงหนึ่ง”นักพรตตอนมิต้องคิดเผื่อให้ข้าแล้ว ให้เจ้าพูดอะไรเจ้าก็ไปพูดอย่างงั้น หลังจากเรื่องนี้ทำเสร็จสิ้น เจ้าก็หาเหตุผลแล้วจากไปเถอะ”
นักพรตจินรู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็ดีใจมากกว่า เขาไม่อยากอยู่ที่นี่มานานแล้ว ต้องกังวลหวาดกลัวไปวันๆ นี่มันไม่ใช่ชีวิตที่ควรมีหรอก
“แล้ว……คุณหนูซูยอมปล่อยข้าไปหรือ?”
“อดีตของนักพรตจินข้ามิได้ยุ่งเกี่ยว อนาคตก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย หวังว่าเจ้าจะสามารถไปให้ไกล อนาคตเราไม่มีวันเจอกันอีก”
ซูหนานอีมีความหมายโดยนัยอยู่ แต่เสียดายที่นักพรตจินไม่ได้รู้ความหมาย เขาสะบัดที่ปัดฝุ่นออก”อย่างนี้ก็ขอบพระคุณคุณหนูซู แต่ว่า คุณหนูคืนหลักฐานให้ข้าหน่อยได้ไหม?”
ซูหนานอีรู้สึกงง”หลักฐานอะไร?”
“……”นักพรตจินหายใจเข้าลึกๆ”วันนั้น คุณหนูซูบอกว่า ในมือมีหลักฐานอยู่ไม่ใช่หรือ?*
หากไม่ใช่เป็นเพราะว่ามีหลักฐานอยู่ ข้าก็คงไม่ฟังคำสั่งของเจ้าหรอก!
“อ้อ ลืมแล้ว”ซูหนานอีพูดอย่างใจเย็น”ข้าหลอกเจ้า มิมีหลักฐานอะไรหรอก”
“!!”นักพรตจินรู้สึกโกรธมาก เขาขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ซูหนานอี ซูหนานอีมองเขาอย่างใจเย็น ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่นิด ในตรงกันข้ามยังมีความมั่นใจบางอย่างอยู่ด้วย
นักพรตจินพยายามระงับความโกรธลง ช่างเถอะ ตอนนี้ออกจากที่นี่สำคัญกว่า พอดีเวลาตัวเองก็รีบออกเมือง ถึงแม้ไอ้หญิงนี่มีอะไรในมือก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว พอตัดสินใจแบบนี้แล้ว เขาก็สะบัดที่ปัดฝุ่นออก”ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นถ้าเป็นเช่นนี้ ผินเต้าก็ขอตัวก่อนแล้ว”
ซูหนานอีมิได้พูดอะไร แค่พยักหน้าเล็กน้อย
เขาเพิ่งไป เสี่ยวชีก็ออกจากจวนซูอย่างรวดเร็วในตอนฟ้ามืด
เสี่ยวเถาพูดอยู่ข้างๆอย่างโกรธ”คุณหนูเจ้าคะ จะปล่อยให้เขาไปง่ายๆแบบนี้หรือเจ้าคะ?ไอ้คนชั่วคนนี้!”
“ไม่ต้องรีบหรอก สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ”ซูหนานอีกหันไปและเดินเข้าไปในห้อง
จุดไฟให้ห้องสว่างแล้ว ซูหนานอีก็หยิบถุงหอมที่หยุนจิ่งให้นางออกมา เทของข้างในออกมาหมดและดูอย่างละเอียด ตั้งแต่ที่ได้ถุงหอมนี้แล้ว ก่อนนอนทุกครั้งนางล้วนต้องเทออกมาดูหน่อย
“คุณหนูเจ้าคะ ยิ้มขึ้นมา”ตอนนี้อากาศกำลังร้อนอยู่ แมลงทุกอย่างก็กระฉับกระเฉงขึ้นแล้ว พกถุงหอมที่กันแมลงก็ดีเจ้าค่ะ”
คำพูดของเสี่ยวเถาทำให้ซูหนานอีใจสั่นเล็กน้อย นางมัสแตงมองว่าพวกนี้มีพิษหรือเปล่า แต่กลับลืมไปแล้วว่าสมุนไพรพวกนี้ยังมีประโยชน์ในการดึงดูดแมลงมีพิษ เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ นางก็รู้สึกตกใจ
เสี่ยวเถาเห็นว่าสีหน้าของนางมาดี จึงมีความเป็นห่วง”คุณหนูเจ้าคะ มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่าเจ้าคะ?บ่าวรับใช้ท่านอาบน้ำและรีบๆพักผ่อนเถอะ”
ซูหนานอีพยักหน้า เสี่ยวเถาก็รีบเตรียมให้เสร็จ ข้างหนึ่งอาบน้ำให้นาง อีกข้างหนึ่งกระซิบถามว่า”คุณหนูเจ้าคะ นายท่านจะรับเมียน้อยเข้าจวนจริงหรือเจ้าคะ?”
“น่าจะใช่แล้ว วันนี้ให้ข้าไปกินมื้อเย็น คงคิดจะพูดสิ่งนี้ แต่ถูกซูหว่านเอ้อร์ทำลายไปหมด”
“คุณหนูรองหวังอยู่ตลอดว่าคุณนายเซี่ยจะได้ขึ้นเป็นภรรยาเอก แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า……ก็มิน่าทำไมนางถึงรับมิได้”เสี่ยวเถาแอบมองสีหน้าของซูหนานอี”คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่โกรธหรือเจ้าคะ?”
“การโกรธแก้ไขปัญหาไม่ได้ทั้งนั้น แถมความคิดนี้เซี่ยเถาเป็นคนเสนอออกมา เซี่ยซื่ออาจจะก็รู้ล่วงหน้าแล้ว มีแต่คนอย่างซูหว่านเอ้อร์ที่ถูกกระตุ้นรับไม่ไหว จึงออกมาก่อความวุ่นวายหรอก”
“คุณนายเซี่ยรู้หรือ?นี่มันหมายความว่าอะไร?”
“เซี่ยเถาก็ไม่โง่ คงไม่ไปเอาผู้หญิงคนหนึ่งมาแย่งความรักของน้องสาวตัวเองหรอก แค่เป็นเพราะว่าเขาเห็นเซี่ยซื่อทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากจะแต่งเข้าไปในตระกูลหรูหราก็ไม่มีโอกาสแล้ว จึงจะคิดทางออกอย่างอื่น”
“การที่ให้นายท่านรับเมียน้อยเข้าจวนถึงว่าเป็นทางออกอะไร?”เสี่ยวเถาไม่เข้าใจ
“เสี่ยวเถาเอ๋ย แทนที่จะรอบิดาหาคนใหม่ในอนาคต ส่งคนมาตอนนี้ยังดีกว่าเยอะเลย เป็นคนที่พวกเขาเลือก แน่นอนต้องได้ตรวจสอบหรือมีจุดอ่อนในมือของพวกเขาแล้ว เข้าจวนแล้วก็ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก ดูเหมือนเป็นการรับเมียน้อยใหม่เข้าจวน แต่ตามจริงก็ยังคงเป็นคนของคุณนายเซี่ยอยู่ดี”
ซูหนานอีแตะหน้าผากของเสี่ยวเถา”พอเถอะ อย่าสนใจพวกนี้แล้ว รอดูการแสดงที่ดีก็พอ*
“เจ้าค่ะ คุณหนูพูดถูกแล้วเจ้าค่ะ”
อาบน้ำเสร็จก็สั่งให้เสี่ยวเถาไปนอนก่อน ส่วนนางนอนยังไงก็ไม่หลับ รู้สึกเป็นห่วงหยุนจิ่ง นางก็เลยลุกขึ้น เปลี่ยนเสื้อชุดหนึ่งแล้วกระโดดออกไปจากหน้าต่างหลัง
เสี่ยวชีปรากฏตัวทันที”คุณหนู ท่านจะไปไหนเจ้าคะ?”
ซูหนานอีกระซิบพูดว่า”เจ้ามาได้พอดีเลย ข้าจะไปฝั่งเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
“ทุกอย่างราบรื่น คุณหนูไว้ใจได้เจ้าค่ะ บ่าวไปที่จวนอ๋องกับท่านเถอะ บ่าวคุ้นทางเจ้าค่ะ”
“ได้”
สองคนซ่อนตัวเข้าไปในท่ามกลางของความมืด ดวงจันทร์ส่องแสง เงาของต้นไม้สั่นไหว และลมพัดผ่าน แต่ซูหนานอีกลับไม่มีใจที่จะชมดูทิวทัศน์ อยากเจอหยุนจิ่งเท่านั้น
ทั้งสองคนมาถึงหลังประตูของจวนอ๋อง เสี่ยวชีไม่เข้าใจ”คุณหนู ทำไมไม่เข้าผ่านหน้าประตูล่ะเจ้าคะ พวกเขาได้เห็นคุณหนู ให้เข้าอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่อยากทำให้คนอื่นต้องวุ่นวาย แค่อยากจะจะคุยกับท่านอ๋องสักพักหนึ่งเท่านนั้น”ซูหนานอีมองไปดูกำแพงสูงในหลังประตูของจวนอ๋อง กำลังคิดอยู่ว่าตัวเองจะสามารถผ่านไปได้หรือเปล่า
เสี่ยวชีกระซิบพูดว่า”จวนอ๋องป้องกันอย่างเข้มงวด หากถูกค้นพบ……ไม่อย่างงั้นคุณหนูรอที่นี่ บ่าวไปเชิญท่านอ๋องออกมา?”
ซูหนานอีส่ายหน้า”ไม่ต้อง เจ้าแค่ต้องนำทางให้ข้าก็พอ ข้าทำได้”
เสี่ยวชีเห็นว่านางยืนกรานเช่นนี้ก็ไม่ได้พูดเยอะอีก บินข้ามกำแพง แล้วเปิดประตูให้มีช่องว่างเล็กน้อย จากนั้นซูหนานอีก็เข้าไปอย่างรวดเร็ว เวลานี้จวนอ๋องเงียบมาก มีไฟเคลื่อนที่อยู่ไกลๆ น่าจะเป็นผู้อารักขาที่ลาดตระเวน แม้ว่าซูหนานอีเคยมาอยู่สองครั้ง แต่จวนอ๋องใหญ่เช่นนี้ แถมยังเป็นเวลากลางคืน นางแยกแยะทางไม่ได้เลย และยังต้องคอยระวังไม่ให้ถูกคนค้นพบ โชคดีว่ามีเสี่ยวชีอยู่ นางเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมานำทางอยู่ข้างหน้า หลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
เดินเลี้ยวไปเลี้ยวมา ถึงประตูรูปพระจันทร์แห่งหนึ่ง เสี่ยวชีกระซิบพูดว่า”คุณหนูเจ้าคะ พอผ่านเรือนนี้ไป เดินอีกนิดนึงก็จะถึงสวนของท่านอ๋องแล้วเจ้าค่ะ”
ซูหนานอีถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงสวนนางก็คุ้นเคยแล้ว และก็สามารถได้เห็นหยุนจิ่งด้วย
เสี่ยวชีเดินอยู่ข้างหน้า ซูหนานอีเดินตามอยู่ข้างหลัง รอบข้างมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แต่นางรู้สึกว่าทางที่อยู่ใต้ขานี้มันก็ข่างแห้งแล้งเกิน วัชพืชข้างทางล้วนกวาดขาของนาง นางจึงรู้สึกแปลกประหลาด ในจวนอ๋องเป่ยลี้แม้กระทั่งมีเรือนที่ลับตาคน แต่ทำไมถึงปล่อยให้วัชพืชเกิดเช่นนี้ล่ะ?
ความคิดนี้ของนางเพิ่งโผล่ขึ้นมา เสี่ยวชีก็มาถึงหน้าประตูแล้ว”คุณหนูถึงแล้วเจ้าค่ะ ระวังหน่อย”
ซูหนานอีพยักหน้า เดืนเข้าเรือนตามหลังของเสี่ยวชี สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกแปลกใจก็คือที่นี่ยังจุดไฟอยู่ ไม่เพียงแต่ห้องทางทิศเหนือ ห้องทางทิศตะวันตกก็ได้จุดไฟ แสงไฟสลัว มองขึ้นไปแล้วแปลกประหลาดจริง เพิ่งคิดจะเดินหน้าขึ้นไป แต่จู่ๆหน้าทางตะวันตกก็เปิด มีหญิงแก่คนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน เสี่ยวชีรีบห้ามซูหนานอีเอาไว้ และหลบไปที่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง
หญิงแก่นั้นบิดขี้เกียจขึ้นมา มองไปที่ทิศทางของห้องหลัก ไม่รู้ว่าพูดอะไรอยู่ในปาก
ซูหนานอียังแยกแยะไม่ได้ว่านางพูดอะไรอยู่ แต่จู่ๆก็ได้ยินห้องหลักมีเสียงหัวเราะดัวขึ้น