ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 53 หวาดระแวงเพราะความชั่วที่ก่อ
เรือนของซูหว่านเอ้อร์ส่งเสียงโวยวาย ทำให้ซูซืออวี้ตื่นขึ้นมาเช่นกัน
สองวันมานี้เขาเหนื่อยใจมากพอแล้ว เรื่องราวในบ้านถาโถมเข้ามามิหยุดหย่อนเมื่อกลับมายังจวนในวันนี้ก็ได้ยินว่าซูหว่านเอ้อร์ได้ฆ่าบ่าวรับใช้ไปอีกหนึ่งคน คิ้วเขาก้กระตุกขึ้นมาทันใด แต่เมื่อได้ยินมาว่าซูหนานอีจัดการกับเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย แม้ว่าซูหนานอีจะแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก แต่การรับมือกับเรื่องต่างๆก็ทำให้เขาวางใจลงมิน้อย อย่างไรเสียเขาก็อดคิดมิได้ว่าลูกสาวคนโตของเขาเป็นการเป็นงานมากกว่า เดิมทีเขาตั้งใจจะเดินทางไปหาซูหนานอี แต่ก็อดใจเอาไว้
คืนนี้เขามิได้ไปนอนที่เรือนเซี่ยซื่อ กลับนอนอยู่ในห้องหนังสือเพียงลำพัง มินานหลังจากที่เขาล้มตัวลงนอน เด็กชายรับใช้คนหนึ่งก็มาเคาะเรียกที่ประตู เขาได้ยินเด็กรับใช้นั้นกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซูซืออวี้ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันใด เขารีบลุกไปพร้อมกับจุดตะเกียง ยังมิทันได้เข้าไปถึงก็ได้กลิ่นธูปลอยมา อีกทั้งได้ยินซูหว่านเอ้อร์ร้องให้เปลี่ยนเตียง หัวใจของซูซืออวี้ก็เกิดเป็นความโกรธเกิดขึ้นมาทันที จึงรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในเรือน เมื่อแม่บ้านและบ่าวรับใช้เห็นเขาต่างก็พากันนิ่งเงียบ
"เจ้ากำลังทำอะไรอยู่อีก?"
ซูหว่านเอ้อร์เห็นเขาเข้ามาจึงรีบวิ่งไปคว้าแขนไว้ทันที "ท่านพ่อ ท่านพ่อมาแล้ว ช่วยข้าด้วย ไอ้คนใช้บ้านั่นมันกลายเป็นผีมาหลอกให้ข้ากลัว! ท่านพ่อ ช่วยขับไล่มันออกไป ขับไล่มันออกไปที!"
ด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ใบหน้าขาวซีด มีเพียงแก้มของนางเท่านั้นที่แดงอย่างผิดปกติ ดวงตาของนางเบิกกว้างจ้องมองมาด้วยความตื่นตระหนก
ซูซืออวี้มองไปที่ท่าทางของนาง หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างอธิบายมิถูก "เจ้ากำลังกล่าวเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?"
"ท่านพ่อ มันอยู่ตรงนั้น อยู่ข้างหลังท่านพ่อ เมื่อครู่มันยังโยนผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดมายังเตียงข้าด้วย"
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ลมหายใจหนักแน่นมาก นางพูดพร้อมพ่นลมมายังข้างหูของซูซืออวี้ ทำให้หัวใจของซูซืออวี้กระวนกระวายมากขึ้นจนมิกล้าหันศีรษะกลับไปมอง เมื่อส่งสายตาไปที่ข้างเตียงของนางพบว่ายังคงมีคราบเลือดเล็กน้อย หัวใจเขาก็เต้นเร็วขึ้นทันใด เขากลืนน้ำลายอึกหนึ่งแล้วกล่าวว่า "ไร้สาระ! หว่านเอ้อร์……เมื่อไหร่เจ้าจะมีสติมากขึ้นสักที? เรื่องกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร!"
"ข้าเป็นคนมีเหตุเสมอท่านพ่อ" ซูหว่านเอ้อร์ทำท่าทางเสียใจ "ซูหนานอีต้องการ ต้องการทำร้ายข้าชัดๆ นางใส่ร้ายข้า!"
ซูซืออวี้ขมวดคิ้วมองดูนาง "เจ้าเป็นน้องสาวของนาง เจ้ากล่าวแบบนั้นกับนางได้อย่างไร? นางทำร้ายเจ้างั้นรึ? นางทำร้ายเจ้าอย่างไร? นางฆ่าเด็กรับใช้ผู้นั้นของเจ้าหรือ? นางเป็นคนจัดการสิ่งที่เจ้าก่อไว้ต่างหากเล่า!"
"กรี๊ด!" ซูหว่านเอ้อร์กรีดร้องแล้วเอามือขึ้นปิดหูของนางทันที "ไม่ ไม่ใช่! นางผู้หญิงเลวซูหนานอีนั่นมันทำร้ายข้า ท่านพ่อ ท่านถูกนางทำของใส่หรือ!"
"บัดซบ!" ซูซืออวี้โกรธมากและมิต้องกล่าวเรื่องไร้สาระเช่นนี้กับนางอีกต่อไป จึงหันหลังกลับและเดินออกไป
"ท่านพ่อ!" ซูหว่านเอ้อร์รีบคว้าตัวเขาไว้ "ท่านมิสนใจข้าแล้วหรือ?"
ซูซืออวี้ปัดมือของนางออก "เจ้าควรไตร่ตรองตัวเองดูสักหน่อย วันๆเอาแต่ก่อเรื่องแล้วผลักมันให้คนอื่น เรื่องน่าอายครั้งที่แล้วที่เจ้าก่อขึ้นทำให้จวนซูถูกลากลงน้ำไปด้วยช่างขายหน้ายิ่งนัก หากมิใช่เพราะไท่เฟยมิประสงค์เอาเรื่องพวกเรา หากมิใช่เพราะหนานอีก้าวขึ้นมาออกหน้าให้ บัดนี้พวกเราคงจะเข้าไปนอนในคุกกันสิ้นแล้ว"
"ข้าพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะระงับเรื่องอันน่าเกลียดนี้เพื่อเจ้า เจ้ามิเพียงจะมิกลับใจ แต่ยังทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า!" ซูซืออวี้ดูโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เขามองดูบ่าวรอบตัวนางและกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า "จับตามองนางให้ดี!"
"เจ้าค่ะ"
ซูซืออวี้เดินออกจากเรือนไปด้วยความโกรธ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เมื่อกลับไปแล้วมิว่าจะทำอย่างไรก็นอนมิหลับ ดังนั้นเขาจึงไปที่เรือนเซี่ยซื่อ
เซี่ยซื่อได้เรื่องซูหว่านเอ้อร์มาแล้วและกำลังจะเดินทางไปดู เมื่อแต่งตัวเสร็จก็ได้ยินว่าซูซืออวี้ได้เดินทางไปแล้ว
หยางโมโม่จึงเกลี้ยกล่อมว่า "คุณหยิงเจ้าคะ อย่าได้ไปที่นั่นเลย นายท่านเดินทางไปแล้ว เขารักคุณหนูรองยิ่งนัก เสียงร้องไห้ของคุณหนูรองทำให้หัวใจของนายท่านอ่อนลงได้ มิแน่ว่าหลังจากปลอบโยนคุณหนูรองเรียบร้อยแล้วอาจจะเดินทางมาพบคุณหญิงก็เป็นได้"
"บัดนี้ท่านนับว่าถูกกักขังบริเวณ หากออกไปดื้อๆเช่นนี้คงมิงาม รออยู่ที่นี่ดีกว่าเจ้าค่ะ เมื่อนายท่านเดินทางมาอาจจะเห็นอกเห็นใจมากกว่เดิม"
เซี่ยซื่อคิดว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง นางจึงถอดเสื้อคลุมออกแล้วปล่อยผมหลวมๆ ทาแป้งบางๆลงบนใบหน้าเพื่อทำให้ผิวพรรณของนางดูซีดเซียวลง
หยางโมโม่ส่งคนออกไปดู มินานก็ได้รับรายงานว่านายท่านเดินทางมาจริงๆ
หัวใจของเซี่ยซื่อรู้สึกเบิกบาน นางรีบนั่งลงที่ข้างเตียงหรี่แสงลง สาดน้ำเล็กน้อยบนใบหน้าของนางทำให้ดูนุ่มนวลและมีน้ำตา
หยางโมโม่ยืนอยู่ข้างประตู ทันทีที่นายท่านเข้ามานางก็ให้ความคำนับ ซูซืออวี้ผลักนางออกไปจนเซเกือบจะล้มลง เหตุใดกัน……มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ? หยางโมโม่ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว อืม อย่าเข้าไปดูดีกว่า
ซูซืออวี้เปิดม่านออกและเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นเซี่ยซื่อเอนกายอยู่บนเตียง นางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาที่ตรงหางตา ท่าทางอันน่าเศร้านั้นหากเป็นในยามปกติเขาจะใจอ่อนแน่ แต่บัดนี้เขารู้สึกได้เพียงความโกรธที่เพิ่มขึ้น หมอนถูกเขาโยนทิ้งไปทันที "เจ้าเลี้ยงลูกสาวได้ดีนัก!"
เซี่ยตกใจตกตะลึง "นายท่านเจ้าคะ เป็นอะไรไป?"
"เป็นอะไร เป็นอะไรไปงั้นหรือ! เจ้ามิอายหรือไรที่เอ่ยถามข้าว่าเป็นอะไร? ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้ารู้เรื่องเด็กรับใช้ที่ถูกหว่านเอ้อร์ฆ่าหรือไม่?"
เซี่ยซื่อพยักหน้า "รู้เจ้าค่ะ จัดการเรียบร้อยแล้วมิใช่หรือ?"
"อืม จัดการแล้ว เจ้าเป็นคนจัดการเองหรือหนานอีจัดการกัน?" ใบหน้าของซูซืออวี้เต็มไปด้วยความโกรธ "อีกอย่าง นี่เป็นคนที่เท่าไหร่แล้ว? ตอนนี้เราย้ายเข้ามาในเมืองซินเยว่แล้ว มิได้เหมือนเมื่อก่อน หากมิชอบคนรับใช้เหล่านั้นขายทิ้งไปเสียก็สิ้นเรื่อง เหตุใดต้องก่อเรื่องจนถึงแก่ชีวิต?"
ดวงตาของเซี่ยซื่อแดงก่ำ "นายท่านเจ้าคะ หว่านเอ้อร์เพียงแค่รู้สึกอึดอัดใจที่ในแต่ละวันต้องทนอยู่ในเรือนนั้น"
"อึดอัด? ใครเป็นต้นเหตุเล่า? นางทำเองมิใข่หรือไร? จะโทษใครได้?" ซูซืออวี้ชี้มาที่นาง "หากเจ้ามิจัดการนาง ปล่อยให้นางทำตัวเกเรอยู่เช่นนี้ ข้าจะส่งนางไปที่ชนบท เมื่อถึงเวลานั้นอย่าหาว่าข้าโหดร้าย!"
ซูซืออวี้หันหลังจากไปหลังจากกล่าวจบ ปล่อยให้เซี่ยยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น นาบงมิเคยเห็นเขาโมโหขนาดนี้มาก่อน นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อที่จะไล่ตามเขาไปและร้องเรียกอยู่สองสามครั้ง แต่ซูซืออวี้มิได้มองกลับมาแต่อย่างใด
หัวใจของเซี่ยซื่ออดที่จะตื่นตระหนกมิได้ นี่มัน……จะทำอย่างไรดี?
เสี่ยวชีตรวจดูสถานการณ์และกลับไปรายงานต่อซูหนานอีที่เรือน
ซูหนานอีมิแปลกใจเลย ซูซืออวี้เป็นคนเย็นชา เรื่องนี้นางสังเกตเห็นมาแต่แรกแล้ว เซี่ยซื่อและซูหว่านเอ้อร์ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะซูหว่านเอ้อร์ความอัปลักษณ์ครั้งก่อนที่เกิดขึ้นก่อน อีกทั้งบัดนี้ลือกันไปว่านางถูกมนต์ดำ จะออกเรือนก็คงยาก
ในมุมมองของซูซืออวี้ การเลี้ยงลูกสาวนั้นเทียบเท่ากับการทำธุรกิจ การลงทุนเพื่อผลกำไรในอนาคต แต่ตอนนี้นับประสาอะไรกับกำไร เพียงได้ต้นทุนคืนมาก็ยากแล้ว ทำให้เขาเย็นชาลงเช่นนี้
ซูหนานอีมองดูตัวเองในกระจกสีทอง หัวใจของนางสั่นคลอนเล็กน้อย เนื่องจากนางครอบครองร่างเดิมของคุณหนูซูเอาไว้ จึงนับว่าเป็นหนี้บุญอย่างมาก นางควรทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อชดใช้บุญคุณนี้
จะปล่อยให้ตระกูลซูตกอยู่ในมือของสองแม่ลูกนั่นมิได้
เสี่ยวเถาตื่นขึ้นและกระซิบเบาๆว่า "คุณหนูเจ้าคะ มีผีจริงหรือ?"
ซูหนานอีหัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ "ผีที่ไหนกันเล่า เป็นเพียงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของนางเอง แม้ว่าจะมีจริงเจ้าก็มิต้องกลัว เอาเถอะไปนอนได้แล้ว"
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเสี่ยวเถากลับมาจากห้องครัวใหญ่และกล่าวกับซูหนานอีว่า "คุณหนูเจ้าคะ นายท่านเชิญนักพรตจินกลับมาอีกแล้ว บัดนี้กำลังทำพิธีอยู่ในห้องของคุณหนูรองเจ้าค่ะ"
ซูหนานอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นักพรตจินเดินทางไปที่จวนหลี่เพียงชั่วคราว เรื่องของที่นี่ยังมิจบแน่นอนว่าเขามิกล้าออกไปไหน แต่มิคิดว่าซูซืออวี้จะเชิญเขากลับมาเร็วเช่นนี้
"จงไปส่งสาส์นว่า หลังเสร็จสิ้นพิธีแล้วให้เขามาพบข้า"
"เจ้าค่ะ"
ซูหนานอีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนจดหมาย ยื่นให้เสี่ยวชี "เสี่ยวชี เจ้าส่งจดหมายนี้ไปยังที่อยู่ด้านบน มิต้องเอ่ยอันใดทั้งสิ้น หากอีกฝ่ายต้องการจะถามเจ้า เจ้าเพียงกล่าวว่าจะรู้ทุกสิ่งหลังจากอ่านจดหมายแล้ว"
"เจ้าค่ะ คุณหนู"
เสี่ยวชีเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ซูหนานอีนำมือขึ้นเท้าคาง สิ่งที่นางพลาดไปเมื่อในชาติก่อน บัดนี้ควรจบลงสักที