ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ - ตอนที่ 19 เปลี่ยนจากเดิมยิ่ง
ซูซืออวี้เองก็ประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเซี่ยซื่อ ช่างน่าสมเพชนัก จนทำให้เขาใจอ่อน
เมื่อเขากำลังจะอ้าปากเอ่ย ซูหนานอีก็กล่าวเบาๆว่า "ท่านพ่อ ท่านป้าเซี่ยและซูหว่านเอ้อร์ใส่ร้ายข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องก่อนหน้านั้นข้ามิอยากจะกล่าวถึงมันอีก แต่ในวันนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกและแตกต่างไปจากเดิม เนื่องจากครั้งนี้เสียหายต่อจวนอ๋องเป่ยลี้ด้วย บอกตามตรงว่าการที่จะเนรเทศท่านป้าไปยังชนบทก็มิใช่ว่าทำมิได้"
เหยียนโมโม่กล่าวเสริมว่า "ถูกต้องแล้ว คุณหนูซูกล่าวได้ดียิ่ง หากเป็นจวนอ๋องเป่ยลี้ละก็ จะมีหรือมิมีคนเช่นนี้ก็มิต่างกัน การเนรเทศภรรยาน้อยเช่นนี้นับได้ว่าลงโทษสถานเบาแล้วเสียด้วยซ้ำ!"
ใบหน้าของเซี่ยซื่อซีดขาวราวกับกระดาษ ขาของนางสั่น ซูหว่านเอ้อร์ตกใจเสียจนมิกล้าจะหายใจ
ลำคอของนายท่านซูกลืนน้ำลายลงไป จากนั้นก็ยิ้มทื่อๆกล่าวว่า "โมโม่กล่าวได้มีเหตุผลยิ่งนัก"
เขาใจแข็งมิมองไปทางเซี่ยซื่อ "เจ้าจงกลับไปที่เรือนและอยู่ในนั้นเพื่อไตร่ตรองตนเอง! หากมิได้รับคำสั่งจากข้า เจ้าจะมิได้รับอนุญาตให้ก้าวออกจากเรือนแม้แต่ก้าวเดียว!"
"นายท่าน……!"
"ไปได้แล้ว!"
ร่างกายของเซี่ยซื่อสั่นคลอน นางน้ำตาไหลนองแต่มิมีทางทำอะไรได้ ดังนั้นซูหว่านเอ้อร์จึงทำได้เพียงช่วยพานางกลับไปยังเรือน
หลังก้าวออกจากประตูไป ซูหว่านเอ้อร์ก็มองกลับไปยังห้องโถงด้านหน้า ดวงตาของนางมีพิษราวกับงูและแมงป่อง
ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน……ซูหนานอีมิใช่คนที่จะปล่อยให้นางรังแกได้ง่ายๆอีกต่อไป แต่เป็นว่าที่พระชายาของจวนอ๋องเป่ยลี้!
แต่ว่าเพราะเหตุใดเล่า? ตำแหน่งนั้นควรเป็นนางที่ได้รับมิใช่หรือ?
จะปล่อยไว้แบบนี้มิได้!
……
ซูหนานอีเดินตามหยุนจิ่งเข้าไปในรถม้าของจวนอ๋องเป่ยลี้ ในรถม้านั้นสะดวกสบายหรูหรา โต๊ะถูกจัดวางอย่างประณีต
หยุนจิ่งส่งติ่มซำจานหนึ่งไปให้กับซูหนานอี"เจ้ากินนี่สิ! มันอร่อยยิ่ง ข้าชื่นชอบมันมากที่สุดเลย!"
ติ่มซำบนจานมีขนาดเล็กประณีต ผิวบางจนเกือบโปร่งใส ด้านในมีไส้สีแดงอ่อนรสหวานหอม
"ขอบใจเจ้ามาก"ซูหนานอียิ้ม "นี่เรียกว่าอะไร?"
"นี่คือหงหลิงเกา ทั้งหอมและหวาน เหนียงจื่อลองกินเร็วๆสิ!" หยุนจิ่งเอ่ยกระตุ้นนางอีกครั้ง
เหยียนโมโม่มองจากด้านข้างแล้วยิ้ม "คุณหนูซูรู้อาจมิทราบว่า หงหลิงเกานี้เป็นของโปรดของท่านอ๋องเรา ท่านอ๋องมิเคยแบ้งให้ผู้ใดมาก่อน นอกจากพระชายาแล้ว บ่าวยังมิเคยเห็นท่านอ๋องแบ่งให้ผู้ใดอีกเลย"
"อืม เช่นนั้นข้าคงต้องชิมแล้วละ" ซูหนานอีหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากของนาง ก่อนหรี่ตามองอย่างละเอียด
"เป็นอย่างไรบ้าง?" หยุนจิ่งตั้งตารอ
"อืม รสชาติมัน หวาน กลมกล่อม อร่อยยิ่งนัก!" ซูหนานอีเอ่ยคำชมออกมา
หยุนจิ่งปรบมืออย่างมีความสุขและหัวเราะขึ้น "เหนียงจื่อกินเยอะๆ กินเยอะๆ"
ซูหนานอีพยักหน้า นางหลับตาลงแล้วกินอย่างช้าๆ หัวใจของนางก็พลอยอบอุ่นไปด้วย นอกจากท่านพ่อท่านแม่ของนางแล้ว มีเพียงมิกี่คนที่ปกป้องและห่วงใยนางเช่นนี้
รถม้ามุ่งไปจนถึงจวนอ๋องเป่ยลี้ เหยียนโมโม่ลงจากรถก่อนจากนั้นกำชับกับคนใช้ที่ประตูว่า "ไปรายงานไท่เฟยว่าท่านอ๋องรับคุณหนูซูมาแล้ว"
"ขอรับ!"
ขณะนี้ไท่เฟยกำลังเหม่อลอยอยู่ที่ระเบียง นางปลูกต้นมุกไว้ตรงหน้าต่าง กลีบดอกสีขาวราวกับหิมะ ช่างเหมือนกับความคิดของนางในบัดนี้เสียจริง
ชั่วพริบตา หยุนจิ่งมีอาการป่วยด้านสติปัญญามาห้าปีแล้ว ปีนี้เป็นปีที่สำคัญที่สุดปีหนึ่ง มิรู้ว่าเขาจะผ่านมันไปได้หรือไม่
"ไท่เฟยเพคะ ดื่มชาสมุนไพรเพื่อบรรเทาความมิสบายใจหน่อยไหม" เสียงหนึ่งที่อ่อนโยนดังขึ้น
ไท่เฟยจึงได้สติกลับคืนมาและรับชาจากมือของแม่นางผู้นั้นมาจิบ "หลิวเอ๋อร์ ทักษะการชงชาของเจ้าพัฒนาขึ้นอีกแล้วนะ"
หยุนหลิ่วยิ้มขึ้น "เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเพคะ"
ทันใดนั้น บ่าวรับใช้ที่ห้องโถงด้านนอกก็เปิดผ้าม่านเดินเข้ามา "ทูลไท่เฟย เหยียนโมโม่ให้คนส่งข่าวมาว่า ท่านอ๋องกลับมาแล้วและพาคุณหนูซูมาด้วยเพคะ"
"อืม?" ไท่เฟยวางถ้วยชากลับไปในมือของหยุนหลิ่ว "พวกเขาอยู่ที่ใด?"
"ท่านอ๋องพาคุณหนูซูไปที่สวนดอกไม้เล็กแล้ว ส่วนเหยียนโมโม่กล่าวว่าจะตามไปที่นั่นทีหลังเพคะ"
"อืม อืม" ไท่เฟยพยักหน้าติดต่อกัน "แม่นางผู้นี้ดูจะทำให้จิ่งเอ้อร์ถูกใจมากจริงๆ มิใช่ทุกคนที่เขาจะพาไปที่สวนดอกไม้นั้น"
มีสมบัติหายากมากมายในจวนอ๋องเป่ยลี้ แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดนั้นคือสวนดอกไม้เล็กของหยุนจิ่ง
แม้จะเรียกว่าสวนดอกไม้เล็ก แต่ที่จริงแล้วมิเล็กเลย เป็นสวนส่วนตัวของหยุนจิ่ง ในนั้นปลูกไม้ดอกและพรรณไม้ล้ำค่าทุกชนิด ซึ่งเบ่งบานตลอดทั้งปี
ซูหนานอีชะงักลงเล็กน้อยเมื่อนางก้าวเข้าไปในสวนดอกไม้เล็กนี่ นางมีจมูกซึ่งค่อนข้างไวกว่าปกติ สำหรับนางแล้วดอกไม้และพืชยังเป็นยาสมุนไพรจีนอีกด้วย
"เหนียงจื่อ มานี่สิ ดอกบัวสีม่วงเบ่งบานแต่เช้าเลย ข้าอยากให้เจ้ามาดูมันบาน!" หยุนจิ่งคว้าข้อมือของซูหนานอีและพานางเดินเข้าไป
ซูหนานอีถูกดอกไม้สีม่วงเหล่านั้นดึงดูด พวกมันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบดอกสีม่วงเป็นธรรมชาติ
"เหนียงจื่อรู้หรือไม่ เมื่อเช้ามันยังเป็นสีม่วงอ่อนอยู่เลย! แต่ตอนนี้เป็นสีเข้มขึ้นแล้ว"
"อืม ข้ารู้" ซูหนานอีพยักหน้า "ดอกไม้นี้จะเข้มขึ้นตามเวลา"
"โอ้โห! เหนียงจื่อรู้ด้วยหรือ?" หยุนจิ่งแววตาเป็นประกาย "เหนียงจื่อของข้าช่างฉลาดจริงๆด้วย ข้าเพิ่งเข้าใจมันหลังจากคิดเรื่องนี้มาเนิ่นนาน!"
ซูหนานอีเห็นว่ามิมีใครข้างๆ นางจึงวางนิ้วบนข้อมือของเขา ชีพจรเช่นนี้ คิ้วของนางขมวดขึ้นเล็กน้อย
ชีพจรเช่นนี้……
"จิ่งเอ้อร์!" เสียงเรียกดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของซูหนานอี
จิ่งเอ้อร์เบ้ริมฝีปากและตะโกนไปยังประตูด้วยท่าทางมิพอใจว่า "อย่าเพิ่งเข้ามา!"
ผู้ที่อยู่ด้านนอกจึงเงียบเสียงลง จากนั้นก็กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า "เอาละ ข้ามิเข้าไปก็ได้ แต่เจ้าต้องออกมา ไท่เฟยเตรียมน้ำชาเอาไว้ รอให้เจ้าเดินทางไปพบ!"
ซูหนานอีรู้สึกสงสัยว่าแม่นางผู้นี้คือใครกัน? น้ำเสียงที่ได้ยินมิเหมือนกับสาวรับใช้ นางดูสนิทสนมกว่าเล็กน้อย แต่เห็นได้ชัดว่าหยุนจิ่งมิค่อยพอใจนัก
"เหนียงจื่อ อยากดูดอกไม้ที่นี่หรือไปดื่มชา?" หยุนจิ่งเอ่ยถามซูหนานอีว่านางต้องการเลือกอย่างใด
แน่นอนซูหนานอีอยากเดินชมดอกไม้ที่นี่ เมื่อสักครู่นางเหลือบไปเห็นดอกไม้ล้ำค่าซึ่งเป็นยาจีนหลายชนิดเลยทีเดียว แต่หากให้ไท่เฟยต้องรอก็คงจะไร้มารยาท
นางมิมีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกล่าวว่า "ข้าอยากไปดื่มชา อย่าให้ไท่เฟยต้องรอนาน"
"ตกลง ข้าฟังตามที่เหนียงจื่อว่า"
หยุนจิ่งพานางออกจากสวนดอกไม้เล็ก เมื่อซูหนานอีลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางก็เห็นร่างอันงดงามยืนอยู่ที่ประตู
ชุดกระโปรงเดรสสีเขียวอ่อนชายกระโปรงเข้ารูป หุ่นเพรียว ช่างอ่อนโยนราวกับต้นหลิวท่ามกลางสายลม
ในเวลาเดียวกัน หยุนหลิ่วก็มองไปยังซูหนานอี ผิวของนางขาวดุจหิมะ ริมฝีปากสีแดงดูเย้ายวน ผมสีเข้มของนางเงาสลวย มีเพียงเครื่องประดับหยกติดไว้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
แต่ดวงตาของนางแหลม หางมุมตาของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย พร้อมรอยยิ้มที่ที่มิอาจปกปิดสติปัญญาและความเฉียบแหลมของนางเอาไว้ได้
หยุนหลิ่วแปลกใจเล็กน้อย นางคิดว่าบุตรสาวของพ่อค้าผู้ต่ำต้อยจะมิมีรสนิยม เพียงแต่แต่งตัวให้เหมือนดินห่อทองเท่านั้น แทบทนมิได้ที่จะสวมใส่สิ่งมีค่าทั้งหมดลงมาบนตัวนาง
ซูหนานอีผู้นี้ แตกต่างจากผู้อื่นเล็กน้อย
"จิ่งเอ้อร์" สายตาของนางมองไปยังมือของหยุนจิ่งที่จับมือซูหนานอีเอาไว้ นางยิ้มขึ้นอย่างอ่อนหวานให้หยุนจิ่ง "เจ้า……"
นางยังมิทันกล่าวจบ หยุนจิ่งก็พาซูหนานอีเดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยมิสนใจนาง
รอยยิ้มของหยุนหลิ่วชะงักลงทันใด แสงอันเย็นชาจากเครื่องประดับผมสีทองบนศีรษะส่องเข้ามาในดวงตา
ไท่เฟยได้ยินเหยียนโมโม่กล่าวถึงเรื่องราวในวันนี้ จึงได้ตำหนิจวนซูอยู่สองสามคำว่า "เจ้าทำได้ดียิ่ง! คนพวกนั้นดื้อด้านจริงเชียว! หากมิใช่เพราะ……ข้ามิอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านี้ละก็ เอาเถอะ หากว่าจิ่งเอ้อร์ชื่นชอบ สามารถทำให้เขาดีขึ้นมาได้ ข้าก็จะพยายามอดทนเอาไว้"
"ไท่เฟยกล่าวได้ถูกต้องแล้วเพคะ"
หูของซูหนานอีนั้นยอดเยี่ยมกว่าใคร เสียงของพวกนางดังเข้ามาในหูของนางเบาๆ รอยยิ้มอันเป็นธรรมชาติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า