พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 256 หน้าด้านหน้าทน
บทที่ 256 หน้าด้านหน้าทน
“ตอนนี้ขอเชิญตัวแทนของหยูโยวคุณลู่เฉินขึ้นเวที”
และในขณะนี้ พิธีกรก็ได้ประกาศ
หลานหลินขมวดคิ้วแล้วตะโกนถาม: “ทำไมเร็วจัง คุณลู่เพิ่งลงมาจากเวที ไม่ให้พักผ่อนบ้างเลยหรือไง?และต้องยอมรับความท้าทายที่ไม่เป็นธรรมติดต่อกันสิบครั้ง?”
“ไม่ยุติธรรม?”
พิธีกรได้มองหน้าหลานหลินอย่างไม่พอใจ แล้วพูด: “นี่เป็นการตัดสินใจของผู้จัดงานของเรา ยังเป็นความหมายของนักอัญมณีที่ให้การสนับสนุนงาน อีกอย่างไม่ใช่คุณที่เข้าร่วมการแข่งขัน คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่ง?”
หลานหลินถูกพิธีกรพูดจนหน้าซีดไปหมด โกรธจนในใจเกรี้ยวขึ้นลงเรื่อย ๆ เมื่อเธอกำลังจะเถียงกลับ ลู่เฉินก็ได้สะบัดศีรษะ เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วนั่งลง
หวงยาวจุนเยาะเย้ย: “นี่เหรอหน้าที่แท้จริงของชิปปิ้งจีน ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเจิ้งซีเหอ”
ในฐานะที่เป็นอาจารย์ เขาเข้าใจความสำคัญของพลังจิตดีกว่าหลานหลิน
แม้ว่าลู่เฉินจะผ่านการท้าทายสิบปรมาจารย์ได้สำเร็จ พลังก็คงหมดลงแล้ว พอถึงเวลาที่เจอกับเจิ้งซีเหอเขาก็คงต้องพ่ายแพ้แน่
“ถ้าพี่ลู่เฉินผ่านการท้าทายของสิบปรมาจารย์จริงๆ ฉันเกรงว่าพวกเขาจะจัดการจัดการแข่งขึ้นอีกย่างไร้ยางอายอีกครั้ง” หวู่จองหัวเยาะเย้ย
“นั้นมันเป็นเรื่องที่แน่นอน ก่อนหน้านี้เจิ้งซีเหอแพ้ให้กับลู่เฉิน ในใจเขาคงต้องอยากเอาชนะลู่เฉินมานานแล้ว ผู้จัดงานไร้ยางอายมาก ช่างรีเฟรชมุมมองของฉันจริงๆ” หวงยาวจุนพูดอย่างโกรธ
เดิมจากกำลังลู่เฉิน ต่อให้ไม่คว้าแชมป์ อย่างน้อยก็สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศได้ เป็นโอกาสที่จะได้ทำให้ยวี่โจวได้นับความรู้จักมากขึ้น
แต่หลังจากผู้จัดทำเช่นนี้ ลู่เฉินจะมีโอกาสได้เข้ารอบแปดคนสุดท้ายหรือไม่ก็ไม่แน่นอน หวงยาวจุนโกรธมาก
ลู่เฉินนวดขมับเบาๆ แล้วยิ้มเบี้ยว
พูดความจริงนะ แม้ว่าหลายตานี้เขาจะชนะได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็เสียแรงจิตไปมาก เขาไม่คาดคิดว่าผู้จัดงานจะไร้ยางอายขนาดนี้
เจิ้งซีเหอไอ่แก่นั่น ช่างไร้ยางอายจริงๆ
“ช่างเถอะ หยุดพูด ที่นี้เป็นถิ่นเขา นอกจากเราจะบ่น ไม่มีใครสนใจการเปลี่ยนแปลงกติกาในการแข่งขันหรอก อีกอย่าง ฉันมั่นใจในการคว้าแชมป์” ลู่เฉินเห็นว่าหวงยางจุนและหลานหลินโกรธมาก ถึงปลอบใจ
แน่นอน เหมือนกับที่ลู่เฉินพูด สำหรับผู้จัดงานที่เปลี่ยนกติกา ไม่มีใครสนใจเลย กลับกัน รู้สึกว่าควรจะเป็นแบบนี้ ไม่เช่นนั้นลู่เฉินที่มีชื่อเสียงอะไร ดันเข้ารอบในแปดคนสุดท้าย
พวกเขาทุกคนไม่เชื่อว่าลู่เฉิน มีความแข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ
หากลู่เฉินสามารถผ่านความท้าทายของปรมาจารย์ทั้งสิบได้จริงๆ พวกเขาก็เชื่อว่าลู่เฉินมีความแข็งแกร่งที่จะเข้ารอบในระดับแปดคนสุดท้ายจริงๆ
“ใครบางคนกลัวจนไม่กลขึ้นเวทีหรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว ไม่มีแรง ก็ใสหัวออกไป อย่ามาทำให้อาจารย์ทั้งสองมาเสียเวลา
“พ่อหนุ่ม ฉันดูนายเข้ารอบแปดคนสุดท้ายได้เพราะโชคดีหรือเปล่า หากไม่กล้ามารับคำท้า ก็เสละสิทธิ์ไป อย่ามาทำให้ทุกคนต้องเสียเวลา ตอนนี้สามทุ่มครึ่งแล้ว ต่อให้นายจะเข้ารอบไปได้ นายก็ไม่ใช่คู่แข่งของท่านเจิ้งอยู่ดี
ฟังดูที่ผู้คนพูด หวงยาวจุนยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ ลู่เฉินเคยชนะเจิ้งซีเหอมาแล้วครั้งหนึ่ง หากจะเอาชนะเขารอบที่สอง ก็เป็นเรื่องชิวๆมาก
แต่ว่าตอนนี้ผู้จัดงานได้ใช้วิธีอัปรีย์แบบนี้ ลู่เฉินจะสามารถเข้ารอบแปดคนสุดท้ายได้หรือไม่อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ฉันขอเวลาให้คุณลู่พักครึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นมันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ” หลานหลินลุกยืนขึ้นมาพูดอีกครั้ง
“นี่ คิดว่าตังเองเป็นใครกัน ถึงกล้ามีสิทธิ์มาเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของผู้จัดงานและคนที่สนับสนุน? หากพวกคุณไม่กล้าแข่ง ก็ใสหัวกลับไปยวี่โจวไป”ผู้ชายคนหนึ่งได้ตะโกนขึ้นมา และผู้ชายคนนี้ก็คือคนของประธานสมาคมหินธรรมชาติจงไห่จูโปหง
ที่จริงแล้วคนที่คอยเยาะเย้ยลู่เฉินเมื่อกี้นี้ เป็นคนของจูโปหงทั้งหมด
“หากพวกคุณรู้สึกมันยากเย็นนักเกินไป ก็สละสิทธิ์ไปซะ เพราะนี่มันคือคำชี้แจงมาจากฝ่ายสนับสนุนต่างๆ พวกเราเองก็ไม่กล้ามีปัญหากับผู้สนับสนุนหรอก”
และในขณะนี้รองรองประธานสมาคมหินธรรมชาติจงไห่ได้เดินหน้าขึ้นมา ใบหน้าราวกับรู้สึกขอโทษ แต่คำพูดกลับมีคงามแข็งแกร่งซ้อนทับ
“ผู้ท่าน เรื่องนี้ถึงแม้งว่าทางเราจะไม่ค่อยยุติธรรมนัก แต่ที่ทำแบบนี้ก็เพราะเพื่อรับผิดชอบต่อผู้สนับสนุน หากทำให้ทุกท่านรู้สึกไม่สะดวกใดๆ ก็ขออภัยด้วย”
จากนั้นจูโปหงหันหน้าเข้าหาผู้ชมพร้อมกับชูกำปั้นแล้วพูดอย่างรู้สึกผิด
“ประธานจู ท่านพูดอะไรหละ ผู้ให้การสนับสนุนก็คือเจ้าของเงิน จะต้องมีความรับผิดชอบต่อพวกเขาสิ”
“ใช่ เจ้านี่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก กลับเข้าในรอบ8คนสุดท้าย ในนั้นมันต้องมีไรแน่ๆ หากจะพูดออกไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายสนับสนุนจะมีข้อสงสัยนี้”
“ประธานจู คนชาวยวี่โจวนี่มันไม่ยอม ไล่ออกเลยทีเดียวก็จบเรื่อง ไม่ต้องเสียเวลาพูดมาก”
จูโปหงเพิ่งพูดจบ พวกผู้คนก็ได้โวยวายกันขึ้นมา แต่ละคนแทบอยากจะถุยน้ำลายทับถมลู่เฉินและคนอื่นๆ
คนอื่นไม่รู้ว่าพวกเขาคือคนที่ถูกจูโปหงซื้อ แต่ส่วนใหญ่ก็ถูกพวกเขาชักชวนกันไปหมด ทำเอาแต่ละคนเริ่มสงสัยกันขึ้นมา
ไอ่นี่มีปัญญาเข้ารอบแปดคนสุดท้าย?
ในเวลานี้ผู้คนที่อยู่ห่างไกลในยวี่โจว เกิดมีอารมณ์อยากทุบโทรศัพท์เมื่อได้ดูผ่ายรายการทีวีแล้วถ่ายทดสด
นี่มันหน้าด้านจริงๆ
“จะได้ได้อย่างไร คุณลู่เคยเข้าแข่งขันหลายรอบแล้ว มีสิทธิ์อะไรที่จะให้คุณลู่สละสิทธิ์ออก” จูโปหงรีบพูดด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขาม
“คุณลู่ ผมรู้ว่าพวกคุณที่แข่งต่างมีนิสัยที่ไม่ยอมใคร อย่างงี้มั้ย หากคุณผ่านการทดสอบนี้ เราจะไม่เพียง แต่ออกใบเกียรติบัตรสิบอันดับแรกให้คุณ แต่ยังให้เจิ้งซีเหอ จาก สมาคมหินธรรมชาติจงไห่ แข่งขันกับคุณด้วย? ว่ายังไง?” จูโปหงมองไปยังลู่เฉิน แล้วพูดอย่างมีเจตนา
มาจริงซะด้วย หน้าไม่อายเลยจริงๆ!
หวงยาวจุนและคนอื่นได้ยิน ในใจเกิดดูถูกอย่างไร้เสียงขึ้นมา
เมื่อกี้พวกเขายังพูดเรื่องนี้อีก หากลู่เฉินผ่านการท้าทายของปรมาจารย์สิบคนจริงๆ ผู้จัดจะจัดให้คเจิ้งซีเหอและลู่เฉินแข่งขันเป็นกลุ่มอย่างแน่นอน ไม่คิดเลยว่าจูโปหงไม่แม้แต่จะแอบอ้างเลยสักนิด ได้ระบุประกาศวัตถุประสงค์โดยตรง
“เจิ้งซีเหอมันก็แค่คนขี้แพ้ในมือผม ตราบใดที่เขากล้าอยู่กลุ่มเดียวกันกับผม ผมจะทำให้เขาไม่สามารถเข้ารอบสีคนสุดท้ายได้เลย” ลู่เฉินมองจูโปหง และได้พูดอย่างไม่แกรงใจ
ทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนในงานก็แตกตื่นกันไปหมด