พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 660 แกจะต้องถูกกรรมตามสนอง
ตอนที่ 660
แกจะต้องถูกกรรมตามสนอง
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ผู้ช่วยก็ลืมตัวและเผลอหันกลับไปมองผู้จัดการหลี่ จนกระทั่งผู้จัดการหลี่จ้องมองเขา เขาจึงค่อย ๆ พูดขึ้นว่า “ผู้จัดการเชื่อใจผมมากครับ ปล่อยให้ผมจัดการเรื่องนี้ทั้งหมดคนเดียวและไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องเลยครับ”
การกระทำของพวกเขาอยู่ในสายตาของถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาตลอด
ดูเหมือนว่านายจงใจโจมตีขี้ข้าและขี้ข้าก็น้อมรับความทุกข์ทรมาน
เพราะฉะนั้นจะปล่อยใครสักคนไปไม่ได้
“ผู้จัดการหลี่” จู่ ๆ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ร้องเรียก
ผู้จัดการหลี่ลุกขึ้นและยิ้มหน้าสลอน “คุณถง ว่ายังไงครับ?”
“เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในแผนกของคุณ คุณไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยื่นนิ้วออกมาเคาะโต๊ะเบา ๆ
“ผมฝึกปรือผู้จัดการมาเป็นการส่วนตัว ผมก็เสียใจมากที่เขาฉวยโอกาสจากความไว้วางใจของผม ผมไม่มีอะไรจะพูดหรอกครับ ในเมื่อเขาทำผิดก็ปล่อยให้บริษัทจัดการแล้วกัน” ผู้จัดการหลี่พูดจาเด็ดเดี่ยว
หากถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ล่วงหน้า เธอก็คงคิดว่าผู้จัดการหลี่เป็นห่วงบริษัท
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแสดงออกเพื่อปกปิดอาชญากรรมอันชั่วร้ายของเขาต่างหาก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก้มหน้ามองอีกครั้ง “คุณคิดว่าไง?”
“ผมคิดว่าที่ผู้จัดการพูดสมเหตุสมผลแล้วครับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบริษัท จะไล่ผมออกก็ได้ครับ” ดูเหมือนว่าผู้ช่วยจะพร้อมรับแรงกระแทก
“คุณคิดว่าคุณทำขนาดนี้แล้วมันจะจบลงที่ไล่ออกเหรอ? เงินที่คุณไปโกงเขามามันไม่น้อยเลยนะ ห้าหมื่นหยวนต่อหนึ่งคน ถ้าสิบคนก็ปาไปห้าแสนหยวนแล้ว ฉันคิดว่าคุณน่าจะได้รับเงินมามากกว่านั้นใช่มั้ย? ถึงบริษัทจะไม่ดำเนินคดี แต่คุณคิดว่าครอบครัวของผู้เสียหายจะไม่ดำเนินคดีเหรอ? เงินห้าแสนนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ คุณน่าจะได้รับโทษจำคุกประมาณสิบปีหรือแปดปีมั้ย? อีกอย่างยังมีความผิดฐานหมิ่นประมาทบริษัทด้วย” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจงใจพูดให้สถานการณ์ดูรุนแรงขึ้น เพื่อให้เขาเปิดโปงผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง
“อะไรนะ?” ใบหน้าของผู้ช่วยเปลี่ยนเป็นสีซีดเผือดเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาหันไปมองผู้จัดการหลี่ที่บอกว่าเขาแค่จะถูกไล่ออก
ไม่บอกว่าเขาจะต้องติดคุกสักหน่อย
หากเขาต้องติดคุกจริง ๆ เงินห้าแสนหยวนจะมีประโยชน์อะไร?
พอเข้าไปอยู่ในห้องขังมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคนพิการไหม?
ผู้จัดการหลี่มองดูท่าทางของผู้ช่วยแล้วรู้สึกว่า มีบางอย่างไม่ถูก
ผู้จัดการหลี่กลัวว่าบางอย่างจะผิดพลาดไปจากแผนการจึงหันไปคุยกับถงเหมี่ยวเหมี่ยว “คุณถง รีบเอาบุคคลอันตรายออกไปจากบริษัทเถอะครับ แกคิดว่าฉันจะทำอะไรได้? แกทำผิดเองก็สมควรถูกลงโทษแล้ว”
เขาพูดพร้อมกับผลักไสผู้ช่วยออกไป
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นว่าผู้ช่วยไม่ยอม ปริปากพูด
เธอตบรอยยับบนเสื้อผ้าและค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น…”
“เดี๋ยวก่อน” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถูกผู้ช่วยพูดขัดจังหวะทั้งที่ยังไม่ทันพูดจบ
เมื่อเห็นว่าเขาพูดได้ทันเวลา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็นั่งลงอีกครั้ง “มีอะไร?”
“เรื่องนี้น่ะ ผมแค่มีส่วนรับรู้เฉย ๆ ครับ หลังจากที่ผมรู้ ผู้จัดการก็เอาเงินให้ผมบอกผมว่าอย่าเที่ยวไปพูดแพร่งพรายที่ไหน ส่วนเรื่องอื่นว่าเขาทำอะไรบ้าง ผมไม่รู้เรื่องเลยครับ” สิ่งที่ผู้ช่วยพูดเป็นความจริงทุกอย่าง
ผู้จัดการหลี่ที่ได้ยินเช่นนั้นโกรธมาก “ผมอุตส่าห์ทำดีกับคุณ คุณมาใส่ร้ายผมแบบนี้ได้ยังไง? คุณถง เขาน่าจะกลัวมากเลยพูดแบบนั้นออกมา เขาแค่อยากจะใส่ร้ายผม”
ผู้จัดการหลี่นึกไม่ถึงว่าผู้ช่วยจะเปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้
“ผู้จัดการบอกว่าคุณใส่ร้ายเขา คุณพอจะมีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์คำกล่าวหามั้ยคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถาม
ผู้ช่วยเหลือบมองผู้จัดการหลี่และพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ผมบันทึกเสียงพูดคุยระหว่างผมกับผู้จัดการหลี่เอาไว้ครับ คุณถง คุณลองเปิดฟังดูครับ”
ผู้ช่วยหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาจากเสื้อซับในชุดสูทแล้วส่งมอบให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกดเปิดปากกาบันทึกเสียง
เครื่องบันทึกเสียงบ่งบอกว่าผู้ช่วยค้นพบการกระทำต่าง ๆ ของผู้จัดการหลี่ และข่มขู่ว่าเขาจะตกงานอย่างไรบ้าง จากนั้นจึงมอบเงินให้เขา
ต่อมาหลังจากความลับถูกเปิดเผย ผู้ช่วยก็ขอให้ผู้จัดการหลี่หาทางแก้ไข
จากนั้นบทสนทนานี้ก็เกิดขึ้น
แผนการของผู้จัดการหลี่ยอดเยี่ยมมาก พอตบหัวแล้วลูบหลังก็ไม่อาจมีใครปฏิเสธได้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงยหน้ามองผู้จัดการหลี่ “ผู้จัดการหลี่? อยากพูดอะไรอีกมั้ยคะ?”
“เขาจงใจทำมันขึ้นมา เขาบันทึกเสียงและเตรียมตัวมาอย่างดี จะต้องวางแผนมานานแล้วแน่ ๆ ผมไม่เคยพูดแบบนั้น เขาจะต้องปลอมแปลงมันขึ้นมา” ผู้จัดการหลี่ปฏิเสธที่จะยอมรับ
ใครจะรู้ว่าไอหมอนี้จะเจ้าเล่ห์มากถึงขนาดอัดเสียงเขาไว้ด้วย?
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ใช่คนโง่ เธอสามารถบอกได้ว่าเสียงบันทึกนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม
“ผู้จัดการหลี่ ถ้าคุณสารภาพผิดตอนนี้ โทษหนักจะกลายเป็นเบา หรือถ้ารอจนกว่าเรื่องคลี่คลายลงมันจะสายเกินไปนะคะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถือเครื่องบันทึกเสียงเอาไว้ในมือว่าเป็นหลักฐาน
“คุณถง ผมทำงานในบริษัทมาหลายปีแล้ว คุณเชื่อใจเขามากกว่าผมที่เป็นพนักงานเก่าแก่ได้ยังไง?” ผู้จัดการหลี่พูด
ทุกครั้งที่มีปัญหาใหญ่โตเกิดขึ้น คนพวกนี้มักจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเสมอ และใช้คำว่าพนักงานเก่าแก่มาปราบปรามผู้คน
พนักงานเก่าดูเหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของ การพึ่งพาความอาวุโสที่สามารถนำมาใช้เป็นเกราะกำบังให้กับทุกสิ่งได้
“ถึงเป็นพนักงานเก่าก็ใช่ว่าจะทำเรื่องพรรค์นี้ได้ ผู้จัดการหลี่ ภาพแชตนี้ดูคุ้น ๆ มั้ยคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวแสดงชื่อบัญชีธนาคารและบันทึกการโอนเงินให้ผู้จัดการหลี่ดู
ผู้จัดการหลี่พยายามเอื้อมมือออกมาคว้าโทรศัพท์ แต่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยกโทรศัพท์ขึ้นสูงและซ่อนไว้ด้านหลังเธอ
เมื่อเห็นท่าทางวิตกกังวลของเขา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็แสยะยิ้ม “ทำไม? ปิดบังไม่ไหวแล้วเหรอ? ทีตอนใช้ชื่อบริษัทเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทำไมไม่นึกถึงตอนนี้บ้าง?”
“มันก็แค่เงินหลักหมื่นหยวน ชาวบ้านพวกนั้นก็เหมือนกบในกะลาแหละน่า” ผู้จัดการหลี่พูดเหยียดหยามเบา ๆ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเห็นว่าผู้จัดการหลี่ยังคงไม่สำนึกผิด เธอจึงเยาะเย้ยว่า “ไม่ว่าพวกเขาจะทุกข์ยากขนาดไหน แต่พวกเขาก็ตรากตรำทำงานหนักเพื่อให้ได้เงินมา ต่างจากคุณที่นั่งครองตำแหน่งสูงแต่กลับหาเงินโดยวิธีการสกปรก น่ารังเกียจจริง ๆ”
“แล้วพวกคุณเก่งกาจมาจากไหน? บางทีคุณอาจจะทำเรื่องสกปรกมามากกว่าผมก็ได้ แค่ผมไม่เห็นเท่านั้นแหละ” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถทำอะไรได้ ผู้จัดการหลี่ก็เริ่มพูดจาเหยียดหยามถงเหมี่ยวเหมี่ยว
“แหง่สิ คนจิตใจสกปรกมองอะไรก็สกปรกหมด” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเย้ยหยันผู้จัดการหลี่
“คุณถง เราก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ต้องไปบอกใครหรอก” ผู้จัดการหลี่ยังคงพูดจากระตุ้นให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวโกรธ
“ใครคุยกับคุณคะ? อวดดีเกินไปแล้ว อีกอย่างตอนนี้เลิกพล่ามเถอะ เก็บแรงเอาไว้อธิบายกับตำรวจดีกว่า ฉันเพิ่งโทรเรียกตำรวจมา ตำรวจน่าจะมาถึงแล้ว ทำตัวเองดี ๆ ล่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดอย่างเย็นชา
“อา ในเมื่อแกทำตัวโหดเหี้ยม หลังจากนี้แกจะต้องถูกกรรมตามสนอง!” ผู้จัดการหลี่กัดฟันพูด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหลือบมองเขาอย่างเกียจคร้าน “ขอบคุณสำหรับคำอวยพร”