พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 659 คุณกังวลอะไ
ตอนที่ 659
คุณกังวลอะไร
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ช่วย ผู้จัดการก็ยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม “มึงกำลังสอนกูเหรอ?”
“ผู้จัดการ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ” ผู้ช่วยทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ
หลังจากโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลก็ค่อย ๆ สงบลง
เขากระแอมไอเบา ๆ และพูดว่า “ตอนนี้ยังมีอีกวิธีหนึ่ง”
“วิธีไหนครับ?” ดวงตาของผู้ช่วยเป็นประกาย
ตอนนี้เขากับผู้จัดการลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากผู้จัดการล้มลงและแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก แต่เขาจะต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
“แกก็แค่ออกมายอมรับเรื่องนี้ บอกไปว่าฉันไม่รู้เรื่อง รอจนเรื่องมันจบลงก่อนแล้วฉันจะโอนเงินให้แกห้าแสนหยวน” ถึงแม้ว่าผู้จัดการจะไม่เต็มใจจ่ายเงินจำนวนนี้ก็ตาม
ทว่าตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือเก็บงานในตำแหน่งนี้ไว้
เขาไม่ควรหลงผิดไปเลย
เงินเดือนประจำปีของสตีเฟนกรุ๊ปให้เขามาไม่น้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ
เพียงแต่ว่าเขาดันโลภและรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองมียังไม่เพียงพอ ทำให้เขาต้องการมากขึ้น
เขานั่งดำรงตำแหน่งนี้ทั้งที่อายุมากแล้ว หากเขาโดนเฉดหัวออกจากสตีเฟนกรุ๊ปตอนนี้ก็เกรงว่าจะหางานในตำแหน่งผู้จัดการได้ยาก
“ผู้จัดการ ใจร้ายเกินไปแล้วนะครับ คุณเป็นคนสร้างเรื่องนี้เอง ส่วนผมเป็นแค่คนวงในที่นั่งรับเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณอีกที ทำไมคุณต้องเอาเรื่องนี้มากดดันผมด้วยครับ” เงินครึ่งล้านเป็นจำนวนที่ล่อตาล่อใจแต่ผู้ช่วยยังคงลังเลอยู่มาก
เงินจำนวนมากมายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าบริษัทจะจัดการอย่างไร
เขากลัว
“ลองคิดดูว่านั่งตำแหน่งผู้ช่วยต๊อกต๋อยจะต้องใช้เวลากี่ปีกว่าจะได้จับเงินครึ่งล้าน ถ้าเกิดรับเงินครึ่งล้านนี้ไป ชาติหน้าก็หายห่วงได้เลย ลองคิดดูดี ๆ” ผู้ช่วยโยนเหยื่ออันโอชะออกไป
เขาเชื่อว่าไม่มีใครสามารถทนสิ่งล่อตาล่อใจดังกล่าวได้
ผู้ช่วยหวั่นไหวก็จริงแต่เขาไม่ได้ตอบตกลงในทันที
ผู้จัดการพูดต่อ “เกิดโดนจับได้ มากสุดก็คือโดนไล่ออก ถ้าแกไม่เห็นด้วย พวกเราก็จะโดนไล่ออกกันทั้งคู่ ผลลัพธ์เหมือนกันหมด ทำไมไม่รับผลประโยชน์ดี ๆ แบบนี้เอาไว้ล่ะ?”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ผู้ช่วยก็กัดฟันและพยักหน้า “ครับ ผมเอาด้วย”
อันที่จริงสิ่งที่ผู้จัดการพูดนั้นเป็นความจริงอันนองเลือด
หากผู้จัดการถูกจับได้ โดยอุปนิสัยส่วนตัวของผู้จัดการแล้ว อีกฝ่ายจะไม่มีวันปล่อยเขาไปและจะต้องลากเขาลงน้ำด้วยกันแน่ ๆ
จะต้องให้เขาได้รับโทษเหมือนกัน
รับเงินติดไม้ติดมือไปบ้างก็คงจะดี
เงินครึ่งล้านก็ถือว่ามากพอแล้ว
หลังจากคิดคำนวณสถานการณ์แล้ว ผู้ช่วยก็เลือกตกลง
เมื่อทั้งสองคนตกลงกันเสร็จแล้ว เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้น
“ผู้จัดการ คุณถงรออยู่ข้างนอก บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ” พนักงานในแผนกทรัพยากรบุคคลเดินเข้ามาเคาะประตูห้องทำงาน
ผู้จัดการกับผู้ช่วยต่างมองหน้ากัน
ท้ายที่สุด ผู้จัดการจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและเดินออกไปด้วยสีหน้าสงบ
ตอนนี้ผู้ช่วยตอบตกลงแล้วและจะไม่คืนคำ รอจนอีกฝ่ายจัดการเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอีก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั่งอยู่ในห้องรับแขกของแผนกทรัพยากรบุคคล
ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “คุณถง ลมอะไรหอบมาแผนกเล็ก ๆ ของผมครับเนี่ย! มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ฉันว่าผู้จัดการหลี่ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจนะคะว่าฉันมาที่นี่ทำไม!” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงยหน้ามองผู้จัดการหลี่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา
ผู้จัดการหลี่อยู่ในแผนกทรัพยากรบุคคลมาหลายปีแล้ว จะไม่เคยเจออุปสรรคแบบนี้ได้อย่างไร?
เขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับรูปลักษณ์ของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ผู้จัดการหลี่ยิ้มและชะงักไปชั่วขณะ “คุณถง ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายความว่ายังไง”
“ฉันได้ยินมาว่าเด็กฝึกงานที่เพิ่งเข้ามาล็อตล่าสุดได้รับการยินยอมจากแผนกทรัพยากรบุคคลของคุณเหรอคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่อ้อมค้อมและพูดเข้าประเด็น
“ใช่ครับคุณถง” ผู้จัดการหลี่ยอมรับโดยตรง
เขาตอบรับเร็วมากจนทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขมวดคิ้ว
หรือว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเรื่องนี้?
แม้ว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะสับสนแต่ใบหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง “อ๊ะ? คนที่ผ่านการประเมินจากแผนกทรัพยากรบุคคลแล้วจะต้องส่งมาให้ฉันกรองก่อนไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมฉันไม่เห็นข้อมูลพวกนั้นเลยล่ะ?”
“ตอนนั้นคุณถงลาพักร้อนครับ พวกเราจะกล้ารบกวนคุณได้ยังไง? เพราะงั้นพวกเราถึงได้ตัดสินใจกันเอาเองครับ” ผู้จัดการหลี่ตอบทุกอย่างอย่างไม่มีช่องโหว่
“อ๋อ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเม้มปาก ในที่สุดเธอก็สามารถจับช่องโหว่ได้ “ในเมื่อแผนกทรัพยากรบุคคลเป็นคนรับพวกเขาเข้ามาทำงาน ทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงโดนไล่ออกล่ะ?”
คำถามของถงเหมี่ยวเหมี่ยวทำให้ผู้จัดการหลี่เหงื่อแตก
และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก
เขาดึงผู้ช่วยที่อยู่ทางด้านหลังออกมาตอบคำถามแทน “คุณถง ผู้ช่วยผมทำหน้าที่ตรวจสอบพนักงานตลอด ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดตรงนี้หรอกครับ ถ้ามีคำถามอะไรก็เชิญถามเขาเองได้เลยครับ”
ผู้ช่วยถูกผลักไปข้างหน้า
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงยหน้ามองเขาและเห็นว่าเขากำลังตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหัวเราะ “ฉันเพิ่งถามไปสองข้อเอง คุณกังวลอะไร? ไปได้ยินอะไรมาหรือเปล่า?”
“คุณถง ผมไม่เข้าใจที่คุณหมายถึงครับ” ผู้ช่วยแสร้งทำเป็นสับสน
“เมื่อเช้านี้มีแม่ลูกคู่หนึ่งบุกมาที่บริษัทเราบอกว่าบริษัทเราโกงเงินพวกเขา ผู้จัดการของคุณบอกว่าคุณเป็นคนรับสมัครคนพวกนี้เข้ามาทำงาน คุณช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ยว่าเงินห้าหมื่นหยวนของคนพวกนั้นไปอยู่ไหน? มันเป็นการกระทำภายใต้ชื่อบริษัทของเราและคนกลุ่มนั้นก็เป็นกลุ่มเดียวกันที่โดนไล่ออกเมื่อเร็ว ๆ นี้” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดอธิบายอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอจ้องมองผู้ช่วยอย่างใจเย็น อยากรู้ว่าเขาโกหกอะไรอีกบ้าง
นอกจากนี้เธอยังค้นพบว่าชื่อบัญชีของผู้รับเงินเป็นบัญชีของผู้จัดการหลี่ แต่ทำไมผู้ช่วยถึงลุกขึ้นเสนอตัวล่ะ ประเด็นนี้ค่อนข้างน่าสนใจเช่นกัน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของผู้ช่วยก็ซีดเผือดลง ก่อน จะน้อมรับตรง ๆ โดยไม่คิดไตร่ตรอง “คุณถง ผมหลงผิดไปครับ ผมแค่อยากจะหาเงินพิเศษในช่วงที่คุณกับคุณลู่ไม่อยู่ ใครจะคิดว่าคุณถงจะฉลาดจนรู้เรื่องทุกอย่างหมดเปลือก คุณถง ผมหลงผิดไปแล้วจริง ๆ ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยครับ”
“ในเมื่อคุณไม่ได้มีเจตนาอื่น ทำไมคุณไม่คืนเงินที่โกงมาให้คนพวกนั้นล่ะ? หาข้อแก้ตัวไม่ได้เหรอ? ถึงได้ไล่คนออกไปแบบนั้น? คุณรู้มั้ยว่าคุณกำลังใช้ชื่อสตีเฟนหลอกลวงคนอื่นและ สตีเฟนสามารถฟ้องร้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาทได้” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดอย่างใจเย็น
“คุณถง ผมอยากจะคืนเงินเหมือนกันครับแต่ผมเอาเงินก้อนนั้นไปซื้อบ้านหมดแล้ว ตอนนี้ผมไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น คุณถง ได้โปรดให้เวลาผมหน่อยนะครับ” ผู้ช่วยเริ่มแสร้งทำเป็นน่าสงสาร
“คุณใช้เงินที่คนอื่นหามาด้วยความยากลำบากอย่างสบายใจเฉิบ คุณนี่มันเห็นแก่ตัวจริง ๆ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถากถาง
“คุณถง ได้โปรดให้โอกาสผมด้วยนะครับ ภรรยาผมอยากได้บ้านมาก ผมก็เลยทำแบบนั้น ขอโทษจริง ๆ ครับ” ผู้ช่วยเริ่มพูดขายตัวเองอย่างน่าอนาถ
“คุณทำเรื่องนี้คนเดียวเหรอ? ผู้จัดการไม่รู้เรื่องใช่มั้ย? คุณกล้าทำเรื่องพรรค์นี้โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้จัดการได้ยังไง?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจงใจถามขณะจ้องมองผู้จัดการหลี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ราวกับไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง