พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 658 คนรับแรงกดดันคือเขา
ตอนที่ 658
คนรับแรงกดดันคือเขา
หลังจากถงเหมี่ยวเหมี่ยวอ่านข้อความ เธอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือคืนชายหนุ่ม “ทำไมไม่เห็นมีบันทึกการโอนเงินออกเลยคะ?”
“คืออย่างนี้ครับ คน คนนั้นให้โอนเงินไปบัญชีเขาเลย พวกเราก็เลยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารโดยตรงครับ” ชายหนุ่มพูดกระซิบ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคาดเดาว่าด้วยกรณี หญิงวัยกลางคนจะไม่สามารถโอนเงินจ่ายผ่านบัตรธนาคารได้อย่างแน่นอน ดังนั้นบันทึกการโอนเงินน่าจะอยู่ในมือของชายหนุ่ม
การสื่อสารกับชายหนุ่มเลยน่าจะง่ายกว่า
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงพูดว่า “คุณยังมีบันทึกการโอนเงินอยู่มั้ยคะ? ขอฉันดูหน่อยได้มั้ย?”
“ได้ครับ” ชายหนุ่มเปิดบันทึกการโอนเงินให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวทันที
แน่นอนว่ามีบันทึกการโอนเงินห้าหมื่นหยวนให้กับคนแปลกหน้า
“รอก่อนนะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลองใช้บัตรจากธนาคารสำหรับจ่ายค่าจ้างให้พวกเขา
ดังนั้นมันจึงง่ายต่อการค้นหาว่าเงินถูกโอนเข้าไปยังบัญชีไหน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังมีรายการเงินเดือนที่ทางบริษัทโอนออกด้วย
เพราะทุกครั้งที่จ่ายเงินเดือน ถงเหมี่ยวเหมี่ยว จะตรวจสอบตลอด
เธอมองเปรียบเทียบรายการ และพบว่าบัญชีข้างต้นเป็นบัญชีของผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคล
ตอนนี้เธอค้นหามันเจอหมดแล้ว
นึกไม่ถึงว่าความจริงจะถูกเปิดเผยเร็วขนาดนี้
“คุณบอกว่าเพื่อนร่วมชั้นคุณก็เข้าร่วมกับบริษัทด้วยไม่ใช่เหรอ? พวกเขาน่าจะถูกหลอกเหมือนกัน คุณช่วยติดต่อพวกเขาไปหน่อยได้มั้ย?” หลักฐานเพียงชิ้นเดียวไม่เพียงพอต่อการอธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวต้องการหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อโจมตีให้พวกเขาพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
ในเมื่อกระทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้แล้วก็จะต้องชดใช้ผลที่ตามมา
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทำสิ่งเลวร้ายภายใต้ชื่อเสียงของบริษัท จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยอย่างมาก
คนกระทำผิดก็สมควรถูกลงโทษ
“เดี๋ยวผมติดต่อพวกเขาให้ฮะ” ชายหนุ่มพูดตอบ
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้คุณรวบรวมคนที่ถูกโกงทั้งหมดมาที่บริษัท แต่ถ้าจะไม่มาก็ไม่เป็นไร ขอแค่บันทึกหน้าจอส่งมาให้ฉันก็พอ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูด
“ครับ ผมจะพยายามให้เต็มที่” ชายหนุ่มพูดและเริ่มติดต่อเพื่อนร่วมชั้นของเขาตามคำขอของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ส่วนใหญ่จะเป็นAดึงB BดึงCเข้ามาอีกคน มันจึงง่ายต่อการรวบรวมคน
อันที่จริงแล้วคนใหญ่มีความคิดประมาณนี้
สตีเฟนกรุ๊ปเป็นบริษัทขนาดใหญ่
ดังนั้นจึงไม่ใช่สถานที่ธรรมดาที่พวกเขาจะเข้ามาแข่งขันได้
หากสตีเฟนกรุ๊ปกัดพวกเขากลับจะทำอย่างไร?
ผู้คนที่มาจากครอบครัวเล็ก ๆ คิดว่าเขายอมเสียเงินห้าหมื่นหยวนเพื่อยุติเรื่องนี้ จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียที่มากขึ้นในอนาคต
ต่อมาพวกเขาได้ยินว่าสามารถได้รับเงินคืนได้โดยไม่ต้องเข้าไปยังบริษัท และจะได้เงินคืนเป็นเงินหลายหมื่นหยวน
คนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวยากจน
เงินหลายหมื่นหยวนมีความสำคัญกับพวกเขามาก
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ปล่อยโอกาสเช่นนี้ให้หลุดลอยไป
รีบส่งภาพบันทึกหน้าจอตามที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวร้องขอทันที
เมื่อดูภาพบันทึกหน้าจอและประวัติการสนทนาแล้ว เนื้อหาค่อนข้างเหมือนกัน
อันที่จริงคนคนนี้พูดถูก
หากถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ค้นพบเหตุการณ์นี้ ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลคงจะปล่อยให้พวกเขาทำงานที่นี่ต่อไป
แต่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวดันมารู้เรื่องเข้า พวกเขาจึงต้องเสียเรือเพื่อรักษาขุน กำจัดคนที่จ่ายเงินเข้ามาออกไป
หากให้ข้อแก้ต่างลวก ๆ บ้างก็คงจะดี
แต่นี่พวกเขากลับไล่อีกฝ่ายออกโดยไม่พูดอะไร
การทำแบบนี้ไม่ต่างจากการฉ้อโกงเงินจริง ๆ
หลังจากรวบรวมหลักฐานบทสนทนาเสร็จแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ขอบคุณค่ะคุณป้า และลูกชายคุณป้าด้วย ตอนนี้ฉันรับเรื่องนี้แล้ว คุณป้าจะกลับบ้านก่อนหรือจะรออยู่ที่นี่ก็ได้ค่ะ ถ้าจะรออยู่ที่นี่ อยากได้อะไรเพิ่มเติมก็แจ้งพนักงานต้อนรับนะคะ หลังฉันจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้วฉันจะคืนเงินให้ค่ะ”
หญิงวัยกลางคนกับลูกชายมองหน้าคนและในที่สุดพวกเขาก็เลือกรออยู่ที่นี่
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่คัดค้าน หลังจากพูดอธิบายกับแผนกต้อนรับแล้ว เธอก็ไปหาลู่ซีจวี๋ที่ห้องทำงาน
ขณะเดียวกัน ลู่ซีจวี๋เพิ่งมาถึงบริษัท
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรีบอธิบายเรื่องนี้อย่างรวดเร็วและถามว่า “คุณลู่ จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีคะ?”
“แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ?” สีหน้าของลู่ซีจวี๋เปลี่ยนเป็นเย็นชา
เขาจะไม่มีวันยอมให้คนแบบนี้ฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
“ถ้างั้นปล่อยให้ฉันจัดการเลยใช่มั้ยคะ?” วิธีการของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั้นแตกต่างจากวิธีการของลู่ซีจวี๋
ต้องบอกว่าวิธีการของเธอค่อนข้างโหดเหี้ยมกว่าลู่ซีจวี๋มาก
ลู่ซีจวี๋ยังคงมีความกังวลมากมาย
แต่เธอไม่เลย
“ก็ได้ ถ้าเขาทำอะไรให้ไม่พอใจก็บอกฉันนะ” ลู่ซีจวี๋เชื่อใจถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาโดยตลอด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นคนค้นพบเรื่องนี้ ปล่อยให้เธอจัดการมันคงจะเหมาะสมที่สุด
“ได้ค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยววางโทรศัพท์ลงและเดินจากไป
เธอต้องการจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพราะหญิงวัยกลางคนกับชายหนุ่มคนนั้นยังรอเธออยู่
นอกจากนี้ยังรวมถึงคนที่ส่งหลักฐานมาให้เธอ
เธอต้องสั่งให้ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลคืนเงินก่อนถึงจะอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเขาฟังได้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดและเดินไปที่แผนกทรัพยากรบุคคลทันที
ในด้านของแผนกทรัพยากรบุคคล คนสองคนกำลังนั่งวิตกกัวลอยู่ในห้องทำงานแผนกทรัพยากรบุคคล
“ฉันบอกให้แกไปเกลี้ยกล่อมพวกมันไม่ใช่เหรอ? ปลอบประสาอะไร? ทำไมถึงมีคนบุกเข้ามาทวงเงิน?” ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลชี้นิ้วไปที่ผู้ช่วยด้วยความโกรธจัด
“ผู้จัดการ ผมก็ทำทุกอย่างตามที่ผู้จัดการบอก บอกว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติ ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะบุกมาถึงที่นี่ล่ะ” ผู้ช่วยรู้สึกแย่มากเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าคนที่เป็นหัวหน้าในแผนการนี้คือผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคล แต่ทำไมถึงกลายเป็นเขาที่มารับแรงกดดันล่ะ?
นอกจากนี้ผู้จัดการยังเป็นคนที่ได้รับเงินมากสุด เขาไม่ได้ขอเงินเลย แล้วเขาจะไปมีเงินมากมายได้อย่างไร?
“ไอพวกนั้นมันบ้านนอกจริง ๆ เงินแค่หลายหมื่นหยวนจำเป็นต้องมาสร้างปัญหาด้วย น่าโมโหชะมัด!” ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลย่อมรู้เรื่องนี้ดีสุด
ดังนั้นเขาจึงโมโหคนที่เข้ามาสร้างความเดือดร้อน
ผู้ช่วยที่ได้ยินเช่นนั้นเม้มปาก
ตอนผู้จัดการรับเงินมาไม่เห็นพูดจาแบบนี้เลย
แต่เขาไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่ยืนเงียบ ๆ
ตอนนี้ผู้จัดการกำลังโกรธและไม่ชอบอะไรที่ขว้างหูขว้างตา เมื่อเห็นผู้ช่วยยืนก้มศีรษะอยู่อีกด้านหนึ่ง เขาก็โมโหมากขึ้น “มึงจะยืนเป็นท่อนไม้หรือไง! ทำไมไม่พูดอะไรมั่ง? หัดทำตัวมีประโยชน์บ้างมั้ย?”
“ผู้จัดการ สองคนนั้นมาที่นี่และคุณถงก็ออกมาต้อนรับพวกเขาเอง ถ้าคุณถงจะมาตำหนิ ผม ผมก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ” ผู้ช่วยทำอะไรไม่ถูก
ผู้จัดการก็เป็นแบบนี้
ถ้าใครไม่เห็นด้วยเขาก็จะด่าสาดเสียเทเสีย
ตอนนี้แม้แต่เขาหายใจยังผิดด้วยซ้ำ
“มึงหมายความว่ายังไง? มึงจะไม่รับผิดชอบเรื่องนี้เหรอ? กูไม่ได้ให้ผลประโยชน์อะไรมึงเลยหรือไง? คิดว่ากูเป็นคนเรื่องนี้คนเดียวเหรอ?” ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลเบิกตากว้างและจ้องเขม็งไปทางผู้ช่วย
ผู้ช่วยยอมรับว่าเขาได้รับผลประโยชน์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลแล้วมันก็แค่เศษเล็กเศษน้อย จะไปเทียบกันได้อย่างไร!
ตอนนี้เขาไม่กล้าพูดอะไรเลย “ผู้จัดการ แทนที่จะมานั่งทะเลาะกัน ผมว่าเราหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ดีกว่าครับ คุณถงคงเดาได้แล้วล่ะว่าปัญหามันเกิดจากแผนกทรัพยากรบุคคลของเรา และตอนนี้ก็น่าจะกำลังมาที่นี่”