พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 657 สมรู้ร่วมคิดกับเขา
ตอนที่ 657
สมรู้ร่วมคิดกับเขา
เมื่อถงเหมี่ยวเหมี่ยวมาถึงบริษัทในวันรุ่งขึ้น เธอก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรอยู่ที่แผนกต้อนรับ
หญิงวัยกลางคนกับชายหนุ่มสวมแว่นตากรอบดำกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่
คำพูดคำจาค่อนข้างรุนแรง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรีบเดินเข้าไปหา “เกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรกัน?”
แผนกต้อนรับมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่เดินเข้ามาราวกับผู้ช่วยชีวิต “คุณถง คุณป้าคนนี้บอกว่าเราโกงเงินค่ะ เธอพูดจาไม่มีเหตุผลเลย ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไง”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตบมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปถามเอง”
จากนั้นเธอก็เห็นแผนกต้อนรับเข้าไปพูดอะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนนั้น และผู้หญิงคนนั้นก็หันความสนใจมาที่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูผู้หญิงคนนั้น เธอแต่งตัวสะอาดสะอ้านเรียบร้อย แต่มือที่ด้านบ่งบอกว่าภูมิหลังทางครอบครัวน่าจะไม่ค่อยดีนัก
และคงไม่ได้มาแกล้งสร้างปัญหาหรอก
เมื่อเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นว่า “เธอบอกว่าคุณเป็นผู้จัดการบริษัทเหรอคะ?”
“ค่ะคุณป้า ถ้ามีเรื่องอะไรก็บอกฉันได้เลยนะคะ ฉันจะให้ความยุติธรรมกับคุณป้าเองค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดเกลี้ยกล่อมเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะเห็นว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวมีทัศนคติที่ดี สีหน้าของเธอจึงค่อย ๆ อ่อนยวบลง “ได้ค่ะ ป้าจะยอมเชื่อคุณดู”
“คุณป้า เราเข้าไปในห้องรับแขกและไปคุยกันข้างในดีกว่ามั้ยคะ? ยืนอยู่ตรงนี้มานานคงจะเมื่อยแล้วใช่มั้ยคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวชี้ไปที่ห้องรับแขกด้านใน
ผู้หญิงคนนั้นลังเลเล็กน้อย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้ว่าเธอกังวลว่าถ้าเธอเข้าข้างในแล้วพวกเขาจะข่มขู่เธอ
แต่เธอไม่ได้บีบบังคับ มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้หญิงคนนี้
ไม่ว่าจะพูดอะไร ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะทำอย่างยุติธรรม
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มในแว่นตากรอบดำที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้หญิงคนนั้นก็ดึงชายเสื้อเธอ “แม่ เข้าไปข้างในกันเถอะ?”
หญิงคนนั้นหันไปมองลูกชายของเธอและพยักหน้าเบา ๆ “ก็ได้”
ภายในห้องรับแขก หญิงวัยกลางคนกับชายหนุ่มกำลังนั่งเผชิญหน้ากับถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสั่งให้คนนำชามาเสิร์ฟให้ทั้งสองคน
“คุณป้า คุณป้าบอกว่าคนในบริษัทเราโกงเงินคุณป้าเหรอคะ เรื่องมันเป็นมายังไงคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
หญิงคนนั้นเม้มปากและไม่พูดอะไร ขณะที่ชายหนุ่มก็รีบก้มหน้าลง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดต่อว่า “ถ้าคุณป้าอยากจะได้เงินคืน คุณป้าต้องบอกรายละเอียดเรื่องนี้กับฉันนะคะ คุณก็เห็นว่าแผนกต้อนรับให้ความเคารพกับฉันมาก บ่งบอกได้ว่าตำแหน่งในบริษัทของฉันไม่ได้ต่ำต้อย เพราะฉะนั้นโปรดคิดรอบคอบนะคะว่าจะบอกฉันหรือไม่”
หญิงคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยังไม่ปริปากพูด
จากนั้นหญิงคนนั้นก็หันหน้าไปกระซิบกับลูกชาย
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ผู้หญิงคนนั้นก็ตัดสินใจพูดว่า “ก่อนหน้านี้ลูกชายป้าเห็นคนมาโพสต์ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตค่ะ บอกว่าถ้าจ่ายเงินให้พวกเขาห้าหมื่นหยวนจะสามารถเข้ามาทำงานในบริษัทของคุณได้ ตอนแรกป้าก็ไม่เชื่อคิดว่าน่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพ แต่ต่อมาเพื่อนร่วมชั้นลูกชายดันมาคุยโวเรื่องนี้ให้ฟัง บอกว่าจ่ายไปห้าหมื่นหยวนแล้วเข้ามาทำงานนิด ๆ หน่อย ๆ ปีนึงก็ได้คืนแสนหยวนแล้ว เขาบอกว่าถ้าจ่ายเงินแล้วไม่ต้องกังวลอะไร ป้าก็เลยจ่ายเงินไป ใครจะรู้ว่าลูกชายได้เข้ามาทำงานในบริษัทก็จริงแต่อยู่ในบริษัทได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ ไม่ได้รับเงินเดือน แถมยังถูกไล่ออกโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่สามารถกลับเข้ามาทำงานในบริษัทได้ และก็ไม่มีใครให้คำอธิบายนี้กับป้าเลยค่ะ ป้าถึงได้ต้องเดินทางมาที่นี่เอง กว่าจะได้เงินห้าหมื่นหยวนป้าต้องทำงานหนักถึงสองปีเลยนะคะคุณ บางทีเงินห้าหมื่นหยวนอาจจะไม่มีความหมายอะไรสำหรับคุณ แต่กว่าป้าจะหาเงินจำนวนนี้มาได้มันไม่ง่ายเลยนะคะ”
หญิงคนนั้นพูดขณะที่น้ำตาไหลอาบหน้า
คงจะดีไม่น้อยหากสามารถส่งลูกชายเข้ามาทำงานในบริษัทได้
แต่ตอนนี้เงินที่เธอพากเพียรหามากลับหมดลง ลูกชายไม่มีงานทำ และนี่กำลังฆ่าเธอทั้งเป็น
เธอคิดว่าถ้าลูกชายได้ทำงานในบริษัทใหญ่โต หลังจากนี้เธอจะไม่ต้องกังวลอะไรอีก
แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะคิดดีเกินไป
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ขมวดคิ้ว
เดิมทีเธอคิดว่านักศึกษาจำนวนมากที่เข้ามาฝึกงานในบริษัทล้วนเป็นเครือญาติของผู้บริหารระดับสูงที่เข้ามาขออำนวยความสะดวก
นึกไม่ถึงว่ามันจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด
มีคนเก็บค่าผ่านทางภายใต้ชื่อบริษัทของพวกเขา
ในบริษัท ไม่มีแผนกอื่นใดสามารถรับสมัครพนักงานได้ตามที่ต้องการ นอกจากแผนกทรัพยากรบุคคล
แน่นอนว่าพนักงานคนอื่น ๆ ไม่กล้าทำเรื่องเช่นนี้
เพราะฉะนั้นคงจะมีแต่ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคล
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวโกรธมากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
ผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลยังเป็นตัวแทนของบริษัท
ทำแบบนี้มันแตกต่างจากการใส่ร้ายป้ายสีสตีเฟนกรุ๊ป อย่างไร?
สตีเฟนกรุ๊ปวางตัวยุติธรรมและเป็นกลางมาตลอด
นึกไม่ถึงว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลังพวกเขา
เธอมองดูรายชื่อเด็กฝึกงานในบริษัท มีเด็กฝึกงานสิบกว่าคนและเงินที่จ่ายมาก็เป็นจำนวนหลายแสน
คนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อและคิดว่าสตีเฟนกรุ๊ปฉ้อโกงพวกเขา
แม่ลูกคู่นี้เป็นเพียงหนึ่งในผู้เสียหาย
พวกเขาไม่ได้พูดอธิบายเหตุผลและไล่ออกโดยตรง คนไม่รู้จะคิดว่าบริษัทของพวกเขายอมให้คนเหล่านี้กระทำเช่นนั้น
อันที่จริงถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่รู้เรื่องนี้เลย
ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างปิดบังเรื่องพรรค์นี้ไว้จากพวกเขามากน้อยเท่าไหร่?
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็ยิ่งน่าเกลียดมากเท่านั้น
ผู้หญิงคนนั้นตกใจกลัวเมื่อเห็นสีหน้าของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
เธอพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “ป้าไม่ขออะไรมากหรอกค่ะ ขอแค่พวกคุณคืนเงินจำนวนนั้นให้ป้าได้มั้ยคะ เงินนั้นสำคัญกับป้ามากจริง ๆ ค่ะ”
ในพื้นที่ชนบท เงินจำนวนห้าหมื่นหยวนสามารถนำไปเป็นของขวัญแต่งงานได้ด้วย
เธออยากจะเก็บเงินก้อนนั้นไว้ให้ลูกชายหาแต่งภรรยา
เธอมีลูกชายเพียงคนเดียว
ที่ต้องทำงานหนักมาทั้งชีวิตก็เพื่อลูกชายไม่ใช่เหรอ?
ตอนนี้ครอบครัวกำลังตกที่นั่งลำบากจึงต้องจัดการมัน
“คุณป้า ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่ต้องกังวล รอฉันตรวจสอบเรื่องนี้ก่อนแล้วจะคืนเงินคุณป้าไม่ให้ขาดแม้แต่หยวนเดียวเลยค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้คำสัญญาอย่างจริงจัง
เธอเห็นว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวดูมีเงินและไม่น่าจะหลอกลวงคนอื่น
ผู้หญิงคนนั้นจึงรู้สึกโล่งใจขึ้น
ขณะเดียวกัน ถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็หันความสนใจไปที่ชายหนุ่ม
ชายคนนี้เพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัย ดูไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกมาก
“คุณบอกว่าเพื่อนร่วมชั้นสองคนของคุณเข้ามาทำงานในนี้ คุณคงได้คุยกับนายหน้าเหมือนกันใช่มั้ย? ยังมีแชตนั้นอยู่มั้ยคะ?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถาม
“ยะ อยู่ครับ” ชายหนุ่มรีบตอบ
“ขอดูหน่อยได้มั้ย?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ครับ ได้ครับ” ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและยื่นให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
โทรศัพท์มือถือยังคงเปิดหน้าบทสนทนาอยู่
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูมันด้วยสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม
ต้องบอกว่าคนคนนี้รู้จักพูดมาก
เขาคอยพูดถึงผลประโยชน์ที่ผู้คนต้องการมากที่สุด
หลังจากพูดล้างสมองแล้ว ความคิดคนก็ต้องทะเยอทะยานไปไกลไหมล่ะ? ใครจะอดใจไหว?
มีคารมคมคายแบบนี้ แทนที่จะไปอยู่ในแผนกขายกลับมาอยู่ในแผนกทรัพยากร มันน่าเสียของจริง ๆ
ตอนนี้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้แล้วว่าผู้จัดการแผนกทรัพยากรบุคคลเป็นคนทำ
แต่ไม่รู้ว่ามีคนในแผนกทรัพยากรสมรู้ร่วมคิดกับเขาอีก กี่คน?