พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 652 ไม่อยากให้เธอทุกข์ทรมาน
ตอนที่ 652
ไม่อยากให้เธอทุกข์ทรมาน
“คุณปู่อินวางแผนจะให้เธอเข้าไปรับช่วงที่บริษัทต่อน่ะ” ลู่ซีจวี๋ถอนหายใจ
หากอินอวี่โหรวเข้าไปบริหารบริษัท เธอคงจะยุ่งมาก
และหลังจากนั้นคงจะได้ใช้เวลากับเขาน้อยลง
“อวี่โหรวจะเข้าไปรับช่วงต่อที่บริษัทได้จริง ๆ เหรอ?” สีหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวดูกังวล
ลู่ซีจวี๋เข้าใจความรู้สึกของอินอวี่โหรวและ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นอย่างดี
ดังนั้นคำพูดของถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้มีความหมาย อื่นเลย เป็นเพียงคำถามง่าย ๆ
“ก็ต้องลองฝีมือดูก่อนถึงจะรู้” ลู่ซีจวี๋พูดตอบอย่างใจเย็น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคิดว่าลู่ซีจวี๋กำลังเข้าใจความหมายของเธอผิดไป เธอจึงรีบอธิบายว่า “ฉันไม่ได้จะดูถูกอวี่โหรวนะ แต่เธอเป็นคนอ่อนโยน ขณะที่บริษัทเป็นสถานที่ที่โหดร้าย ฉันกลัว อวี่โหรวจะไปเจอเรื่องร้าย ๆ”
“ทุกคนต้องมีการเติบโต ฉันเชื่อว่าอวี่โหรวทำได้ ตอนนั้นเธอเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เธอเปราะบางมากและไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้ด้วยซ้ำ” ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงความยากลำบากได้
เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยอินอวี่โหรว ส่วนเรื่องในบริษัท อินอวี่โหรวจะต้องเป็นคนจัดการด้วยตัวเองเท่านั้น
ไม่มีใครสามารถเข้าไปแทรกแซงได้
“ถ้าฉันทำได้ อวี่โหรวก็ทำได้” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเม้มปาก
ทว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้พูดออกไปว่าที่เธอทำงานหนักเพราะเธอกลัวความยากจน
เธอยังมีลูกน้อยที่ต้องดูแล
เธอจึงต้องทำงานหนักและเข้มแข็ง
แต่อินอวี่โหรวนั้นแตกต่างออกไป
อินอวี่โหรวมาจากครอบครัวที่ดีและไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไรมากนัก
อินอวี่โหรวจะไหวไหม?
“เธอน่ะ อย่าคิดมากสิ อวี่โหรวไม่ได้เปราะบางอย่างที่พวกเราคิดกันนะ” เนื่องจากช่วงนี้อินอวี่โหรวตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อมูลมาก ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเธอกำลังมุ่งมั่นจะไปที่บริษัท
เขาจึงทำได้แค่สนับสนุนเธอ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหวังว่าอินอวี่โหรวจะทำได้ดี
มันเป็นเรื่องของเธอจึงไม่มีใครช่วยได้
ดังนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงหุบปากลงอย่างชาญฉลาด
เธอเดินออกมาจากห้องทำงานของลู่ซีจวี๋และเห็นเอกสารหลายแผ่นวางอยู่บนโต๊ะทำงาน
เธอจำได้ว่าวันนี้เธอตรวจสอบเอกสารหมดแล้ว ทำไมยังมีกองพวกนี้หลงเหลืออยู่อีก?
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเรียกหากู้ชิง “กองเอกสารพวกนี้มันอะไร?”
“คุณถง พวกนี้เป็นเอกสารเร่งด่วนที่คุณลู่ต้องการค่ะ” กู้ชิงพูดบอกเสียงแผ่ว
“ในเมื่อคุณลู่อยากได้ก็เอาไปส่งให้เขาที่ออฟฟิศสิ มาส่งให้ฉันทำไม?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสับสน
“พวกผู้จัดการบอกว่าพวกเขาทำงานได้ไม่ดี กลัวว่าส่งเอกสารให้คุณลู่โดยตรงแล้วจะไม่ผ่านการตรวจสอบ เลยขอให้ฉันเอามาให้คุณดูค่ะ” กู้ชิงพูดตอบ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเยาะเย้ยเบา ๆ “ตอนนี้กลัวกันเป็นแล้วสิ ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรกัน?”
“คุณถง คุณว่าพวกเขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกันคะ?” หรือว่าพวกเขาแค่อยากให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอ่านเอกสาร จริง ๆ
“จะหมายความว่าอะไรได้ล่ะ? ฉันเพิ่งเดินเข้าไปในออฟฟิศคุณลู่ คนจะมีคนในเห็นแล้วไปบอกกันสิท่า คนพวกนี้ส่งเอกสารมาเพื่อทดสอบทัศนคติฉัน จะให้ฉันช่วยขอร้องแทนพวกเขาต่อหน้าคุณลู่ล่ะสิ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคาดเดาความคิดของพวกเขาออก
พนักงานของสตีเฟนกรุ๊ปไม่สามารถทำสิ่งอื่นใดได้ และสรรหาทำแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง
“คนพวกนี้หน้าด้านจริง ๆ ตอนนี้รู้จักกลัวแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำงานจริงจังกันยังไง” กู้ชิงเห็นด้วย
ไม่ช้าหรือเร็วบริษัทจะต้องถูกวายร้ายที่มีความคิดชั่วร้ายทำลายล้างอย่างแน่นอน
“วางเอกสารไว้ตรงนั้นแหละ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจ้องมองกองเอกสารและไม่ได้ตั้งใจจะเปิดดูมัน
“ค่ะ” กู้ชิงตอบรับและเดินออกจากห้องทำงานไป
เอกสารทั้งหมดถูกวางกองเอาไว้บนโต๊ะทำงาน จากนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็เก็บข้าวของและเตรียมกลับบ้านหลังเลิกงาน
หลังจากขับรถมาถึงบ้าน เธอก็เห็นมู่อวี้เฉิงที่สวมผ้ากันเปื้อนยืนอยู่ในห้องครัว มีกลิ่นขมฝืดคอบางอย่างที่อธิบายไม่ได้โชยออกมา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินเข้าไปมองดูและเห็นของเหลวบางอย่างที่มีสีดำสนิทกำลังเดือดปุด ๆ อยู่ในหม้อตรงหน้า มู่อวี้เฉิง
มันดูเหมือนกับหม้อดินเผาที่ไหม้เกรียนที่เคยเห็นในโทรทัศน์
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจ้องมองสิ่งของตรงหน้าแล้วขมวดคิ้ว “นี่อะไร?”
มู่อวี้เฉิงเห็นว่ามันเกือบจะได้ที่แล้วจึงใช้ช้อนคนและปิดไฟลง
“แม่บอกว่ามันคือยาที่ขอซื้อจากแพทย์จีนชื่อดังมา เห็นว่าได้ผลดีมาก มาบอกให้ผมทำให้คุณกิน” มู่อวี้เฉิงหยิบถ้วยและเทยาออกมา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเบิกตากว้าง เธอเดินเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นฉุนของยาชัดเจน
เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “แน่ใจนะว่าดื่มได้จริง ๆ ?”
เธอมองดูสีและกลิ่นของมัน ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามันเหมือนยาพิษเลยล่ะ?
“เหมี่ยวเหมี่ยว แม่ไม่ทำร้ายคุณหรอก แต่กลิ่นมันไม่น่ากินนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วง ยาที่ดีต้องมีรสขมถึงจะดีต่อสุขภาพ คุณจะต้องดีขึ้นแน่ ๆ” มู่อวี้เฉิงพูดปลอบใจ
ตอนที่เขาเริ่มปรุงยา มู่อวี้เฉิงก็รู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
แต่เมื่อมู่อวี้เฉิงเห็นส่วนประกอบของยาและลองค้นหาตัวยาดู เขาก็พบว่ายาตัวนี้มีประสิทธิภาพมาก
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าสามารถดื่มได้ เขาก็เริ่มปรุงยาให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
“ก็ได้” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเห็นว่ามู่อวี้เฉิงตั้งใจปรุงยาให้เธอมาก เธอจึงจำใจยกถ้วยยาขึ้นมาดื่ม
เธออยากจะมีสุขภาพที่ดี
ถ้าเธอมีน้องให้เสี่ยวเป่าก็คงจะดี
หลังนี้เสี่ยวเป่าจะได้ไม่เหงา
เธอกำลังนึกถึงสิ่งเหล่านี้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยกถ้วยยาขึ้นมาและหันมันเข้ามาใกล้ปลายจมูก จากนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นฉุนอย่างต่อเนื่อง
แค่ดมก็อยากจะอาเจียนแล้ว ไม่ต้องพูดถึงดื่มเลย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหักห้ามใจ บีบจมูกและเทยากรอกปากโดยตรง
รสขมทำให้ลิ้นของเธอระคายเคืองจนแทบอยากจะบ้วนออกมา
แต่สุดท้ายเธอก็กลืนมันลงไป
มู่อวี้เฉิงเห็นว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวกล้ำกลืนมากจึงจับมือ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาไว้ “เหมี่ยวเหมี่ยว ถ้ากินไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนหรอก”
“ไม่เป็นไร ฉันทนไหว” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวดื่มยาหมดถ้วยแล้ว แต่จู่ ๆ เธอก็รู้สึกคลื่นไส้อย่างมาก เธอจึงรีบเข้าไปนั่งยอง ๆ ในห้องน้ำและอาเจียนออกมา
มู่อวี้เฉิงรีบเดินเข้าไปตบหลังเธอ
กลิ่นมันแย่มาก แต่นึกไม่ถึงว่ารสชาติจะเลวร้ายขนาดนี้
มู่อวี้เฉิงเดินไปรินน้ำอุ่นให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวทันที
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวดื่มน้ำครึ่งแก้วก่อนจะระงับอาการคลื่นไส้ในใจ
“ถ้ารสชาติมันแย่มากก็ไม่ต้องกินหรอก” มู่อวี้เฉิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
เขาไม่อยากทนเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวทุกข์ทรมานขนาดนี้
แม้ว่ามันจะเป็นยา แต่ท่าทางต่อต้านของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวนั้นจริงจังมาก และมันคงไม่ดีที่จะฝืนกิน
“ไม่ แม่อุตส่าห์หวังดี ฉันจะปฏิเสธได้ยังไง?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลังเลแต่กลับส่ายหัว
“มันขมเหรอ?” มู่อวี้เฉิงจ้องมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยความทุกข์ใจ
“หรือคุณลองดื่มดูมั้ย?” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูมู่อวี้เฉิงแล้วพูดด้วยความลังเล
ให้มู่อวี้เฉิงลองดื่มดู เขาจะได้รู้ถึงรสชาติของยานี้
ส่วนเธอไม่ไหวแล้ว
เธอสงสัยว่ามู่อวี้เฉิงจะสามารถดื่มยานี้โดยไม่เปลี่ยนสีหน้าได้หรือเปล่า
มู่อวี้เฉิงเทยาลงในชามเล็กน้อยและจิบเพียงครั้งเดียว จากนั้นเขาก็บ้วนทิ้งทันทีและยกแก้วน้ำที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาดื่ม “ทำไมรสชาติมันน่าขยะแขยงขนาดนี้? ขมมาก ทำไว้ให้คนดื่มจริง ๆ เหรอ?”