พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1627 พวกลูกน้องที่ติดตามทำชั่ว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- ตอนที่ 1627 พวกลูกน้องที่ติดตามทำชั่ว
ผลินเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ก็อดที่จะร้องออกมาไม่ได้ ไม่มีรพีพงษ์อยู่ด้วย ทุกอย่างที่ด้านนอกล้วนมีอันตรายรอบด้าน
เธอถามเสียงดังว่า “พวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร?”
นันท์ธรอยูอีกฝั่ง เดิมทีเรื่องนี้ก็จัดการยากอยู่แล้ว เห็นเธอร้อนรนแบบนี้ ก็เลยพูดไปว่า “จะต้องรีบออกไปโดยเร็ว เรื่องที่นี่คิดว่าพวกรพีพงษ์กำลังจัดการอยู่ ปลีกตัวออกมาไม่ได้ พวกเราต้องรีบไปหารพีพงษ์ จะได้รู้ว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่”
นันท์ธรก็รีบพาผลินออกไป ตอนนี้ผลินร้องไห้จนนันท์ธรรำคาญใจ
พวกรพีพงษ์ก็ได้ถอนต้นไม้ที่นั่นไม่น้อยแล้ว ยัยหิมะก็มีพลังเย็นในตัวอยู่แล้ว แล้วก็สร้างสิ่งของจำพวกน้ำแข็งออกมาลอยวนอยู่ในอากาศ เนื่องจากมีความร้อนจากไฟ ก็เลยทำให้น้ำแข็งนั้นละลายหยุดลงมาเป็นน้ำฝน
แล้วไฟไหม้นั้นก็ค่อยๆ ถูกควบคุม รพีพงษ์ก็กังวลทางฝั่งของผลิน ก็เลยถามบวรวิทย์ไปว่า “พวกนันท์ธรอยู่ที่นั่น ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“คุณอานันท์ธรก็ไม่ใช่เด็กแล้ว คงไม่เป็นอะไรหรอก ถึงเขาจะช่วยคนอื่นไม่ได้ แต่ช่วยเหลือตัวเองได้แน่ คุณวางใจเถอะ ยัยผลินนั่นก็ไม่เป็นอะไรหรอก คุณอานันท์ธรไม่ให้เธอเป็นอะไรไปหรอก”
บวรวิทย์รู้จักนันท์ธรเป็นอย่างดี เขานั้นเป็นคนตรง ดีกับตนเอง ดีกับรพีพงษ์ด้วย คนข้างกายของรพีพงษ์ เขาจะปกป้องเป็นอย่างดีแน่นอน
ส่วนในใจของรพีพงษ์ก็คิดว่า ผลินคงจะตกใจแย่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตนเองก็ไม่สะดวกที่จะพาเธอไปไหนต่อไหนด้วย ไม่อย่างนั้นจะเข้าใจผิดกันหลายเรื่อง
ยัยหิมะถามรพีพงษ์ว่า “คุณเป็นห่วงผลินหรือ?”
“ก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา ถ้าผลินเป็นอะไรขึ้นมา ชีวิตนี้ผมคงไม่สบายใจไปตลอดชีวิต”
ยัยหิมะผ่อนหัวไหล่ลง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็ให้รพีพงษ์กลับไป ตอนนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หมดแล้ว ก็ให้รพีพงษ์กลับไปทำในสิ่งที่เขาอยากทำเถอะ
รพีพงษ์ก็รู้สึกเหมือนโดนไล่ ถ้าเขาไปจากที่นี่ จริงๆ แล้วในใจก็ยังกังวลกับเรื่องคนของเดชา ไฟกำลังลุกโหมกลับเข้าไปเผาพวกนั้นอยู่ เกรงว่าคนของเดชาคงจะตายกันไปไม่น้อยแล้ว
พอนึกถึงจุดนี้ ก็รู้สึกว่าเดชาช่างไม่มีคุณธรรมเอาเสียแล้ว ถ้าไม่มีคำสั่งของเดชา เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ทุกคนล้วนเป็นคนฉลาด รู้ว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้มันจะมีผลเป็นอย่างไร
รพีพงษ์ไม่มีเวลามาสนใจอะไรมาก แล้วก็กลับไป ที่นั่นไฟลุกโหมหนัก เมื่อเทียบกันแล้ว มียัยหิมะช่วยเหลือ เมื่อครู่ที่รพีพงษ์ผ่านมา ไฟก็เบาลงแล้ว
ผลินและพวกนันท์ธรเดิมทีจะไปหารพีพงษ์ แต่ว่าไปมันแรงเลยไปไม่ได้ ได้แต่ต่องหาช่องทางที่ไฟยังไม่ไหม้
ผลินถามนันท์ธรด้วยใบหน้าที่กังวลว่า “รพีพงษ์จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“รพีพงษ์เป็นใครกันล่ะ วางใจเถอะ คนอื่นเป็นได้ แต่รพีพงษ์ไม่เป็นอะไรหรอก”
ในใจของนันท์ธรรู้ดี ถ้ารพีพงษ์เป็นอะไรขึ้นมา สภาพของพวกบวรวิทย์ก็ไม่ได้ดีไปเท่ารันกหรอก ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการปกป้องผลินให้ดี ไม่ให้ไฟลุกลามมาถึงที่นี่ได้
ส่วนรพีพงษ์อยู่อีกฝั่ง ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ที่เดิม ก็เลยรีบกลับไปต่อ รู้ได้ว่าพวกผลินคงคิดว่าที่นี่อันตราย ก็เลยย้ายที่ไปแล้ว
รอจัดการกับไฟพวกนี้ให้หมด โดยจะไม่ให้เหลือเชื้อไฟที่สามารถติดไฟขึ้นมาใหม่ได้อีก ถึงจะสามารถกลับไปยังตำหนักอ๋องได้
นอกตำหนักอ๋องแล้ว พวกผลินก็ไม่มีที่อื่นให้ไปหรอก
ท้องฟ้ามีฝนเทลงมา รพีพงษ์อยากจะใช้มนุษย์ทองคำในหัวออกไปสืบสถานการณ์ด้านในป่า แต่กลัวว่าด้านในจะมีแต่ขี้เถ้า ไฟไหม้ครั้งนี้สร้างความเสียหายหนักมาก
หลังจากนั้นไม่นาน มนุษย์ทองคำก็เข้าไปยังในป่า เห็นว่าส่วนกลางของป่า มีสีเขียวขจีเป็นกลุ่ม เหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการถูกไฟไหม้ครั้งนี้เลย
เขาดูไปอย่างตกใจ แล้วก็เอาสิ่งที่ตนเห็นส่งกลับมาให้รพีพงษ์
รพีพงษ์อยู่ด้านนอก พอรู้ว่าสภาพด้านใน ตนเองก็ตกใจเหมือนกัน งั้นก็แสดงว่า พวกเดชาไม่ได้เป็นอะไรเลยงั้นหรือ?
รพีพงษ์แค่เดาไว้ในใจ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ได้เข้าไปดูด้วยตาตนเอง เขาเลยไม่แน่ใจ
มนุษย์ทองคำก็ดูไปรอบๆ มีร่องรอยการต่อสู้กับสัตว์ ที่นี่น่าจะเป็นที่ที่พวกของเดชาเคยอยู่
ตอนนี้กำลังจะกลับออกไปนั้น ก็มีเสียงกังวานดังขึ้น พูดว่า “เจ้าเป็นใคร! มาที่นี่เพื่อสอบข่าวงั้นหรือ?”
มนุษย์ทองคำไม่เข้าใจ สืบข่าวอะไรกัน?
พอนึกถึงความหมายในน้ำเสียงนั้น มนุษย์ทองคำก็รีบยิ้มออกมาว่า “ข้ามาดูว่าไฟไหม้เป็นไงบ้าง ไม่ได้มาทำอย่างอื่น ไฟด้านนอกถูกควบคุมไว้ได้แล้ว แต่ทำที่นี่ยังคงเขียวขจีอยู่ล่ะ?”
รพีพงษ์ที่บรรลุระดับแดนบุณแล้วนั้น มนุษย์ทองคำในหัวก็เริ่มฉลาดขึ้น ในญานะที่เป็นร่างแยกของรพีพงษ์ เขาสามารถเอ่ยปากพูดขึ้นได้แล้ว
เสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ ก็มีเสียงหัวเราะออกมาอีก แล้วพูดว่า “พวกเจ้าจุดไฟ จะไม่ให้คนอื่นได้หลบหนีเลยหรือไง แบบนี้มันอำมหิตเกินไปหรือเปล่า?”
มนุษย์ทองคำไม่รู้ว่าเขากำลังพูดอะไร ได้ขมวดคิ้วพูดว่า “ข้าไม่ได้จุดไฟ คนข้างในนี่แหละที่จุด ถ้าพวกเราจุดไฟ แล้วจะกลับมาดับไฟทำไมล่ะ นี่ไม่ใช่ความคิดของพวกเรา”
มนุษย์ทองคำพยายามอธิบาย ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา ให้ตาสยก็ยอมรับแน่
เจ้าของเสียงนั้นไม่คิดจะปล่อยเขาไป แล้วพูดว่า “ข้าเป็นคนดูแลเขตที่นี่ พวกเจ้าไม่ได้เป็นจุดนี้ เจ้าก็ไม่มีหลักฐาน นอกจากนั้นจะต้องอยู่ท่นี่ก่อน รอให้ข้าหาตัวคนทำได้แล้ว จะคืนความยุติธรรมให้เจ้าเอง”
มนุษย์ทองคำได้ยินแล้ว ก็รู้ว่ามันบ้ามาก เลยตวาดไปว่า “เจ้ายังหาตัวคนทำไม่ได้เลย แล้วจะมาจับข้าขังไว้อีก มันจะเหมาะหรือไง?”
มนุษย์ทองคำไม่ยอม จากน้ำเสียงที่มนุษย์ทองคำพูดแล้ว เสียงนั้นก็หัวเราะลั่นพูดว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าเข้ามาที่นี่ แล้วจะกลับออกไปง่ายๆ งั้นหรือ?”
มนุษย์ทองคำยิ้มเย็น “ได้ยินเจ้าหัวเราะสะใจดี ตอนนี้จะทำให้ข้าอยู่ที่นี่ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้วล่ะ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้นะ”
มนุษย์ทองคำไม่สนใจเจ้านี่หรอก เพราะถึงอย่างไรด้านนอกยังมีรพีพงษ์ ความอึดอัดไม่ยอม จะมากเพียงใด ก็ไม่ต้องอดทน
พอนึกถึงปัจจัยที่ไม่ทำให้รพีพงษ์ลำบากแล้ว ตนเองก็จะกลับออกไป จากเสียงก็เห็นเป็นตัวคนออกมา ในมือถือกระบี่พูดว่า” ไอ้หนู เจ้านายของพวกเราไม่ยอม ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ภายใน3ฝ่ามือ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปเอง”
มนุษย์ทองคำก็มองคนตรงหน้าอย่างดูถูก ก็แค่3ฝ่ามือเอง
มนุษย์ทองคำเงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วพูดกับเสียงนั้นว่า “แล้วเจ้าเป็นใครกันแน่ ตอนนี้เจ้าควรจะออกมาสู้กับข้าถึงจะถูกนะ ใช่ไหม?”
“ลูกน้องของข้ามีความสามารถที่มากพอที่จะเอาชนะเจ้าได้ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก ถ้าให้ข้าไปสู้กับเจ้าเอง ก็ถือว่าต้องลดตัวไปสู้กับงั้นหรือ?”
ตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังไม่ได้เห็นตัวคนพูด มนุษย์ทองคำก็เริ่มแปลกใจ ว่าเป็นใครกันแน่ ที่สามารถรอดมาจากไฟที่ลุกโหมได้ เมื่อนับดูแล้วก็มีไม่กี่คน
คำพูดที่ดูถูกพวกนั้น ทำให้ในใจของมนุษย์ทองคำไม่พอใจมาก คิดว่าจะต้องเห็นตัวจริงให้ได้ถึงจะสบายใจ