พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - ตอนที่ 1621 จัดการกับหมาป่า
พอได้ยินคำของรพีพงษ์ สีหน้าของนันท์ธรก็ดีขึ้นมาก แล้วก็พูดว่า “คุณหมายความว่าพวกพี่น้องทั้งหลายสามารถพักผ่อนกันสักพักใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว ผมหมายถึงแบบนั้นแหละ เพราะถึงอย่างไรทุกคนก็ไม่ได้พักผ่อนกันมาทั้งคืนแล้ว ตอนทำสงคราม ไม่ได้นอนทั้งคืนไม่เป็นไร แต่ว่าตอนนี้มันจบลงแล้ว ถึงแม้จะต้องสู้กันอีก ก็ไม่ใช่เวลานี้ ทุกคนควรจะพักผ่อนกันเสียหน่อยก่อน”
นันท์ธรยิ้มอย่างพอใจ รพีพงษ์พูดถูกต้อง ตัวเขาเองก็ยังทนไม่ไหว จากนั้นก็นำพี่น้องทุกคนตั้งค่ายกันที่นั่น ให้พวกเขาได้พักผ่อนให้เต็มที่
พอเห็นว่าทุกคนพักผ่อนกันแล้ว รพีพงษ์ก็หันไปมองผลินที่อยู่ข้างๆ แล้วถามว่า “คุณก็พักเสียหน่อยไหม ผมว่าคุณก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะ ผู้หญิงนั้นห้ามเหนื่อยมาก เดี๋ยวจะขาดพลังงาน พอนานเข้าจะทำให้ไม่สวย”
“ฉันรู้ แต่คุณไม่พัก ฉันจะพักได้ไงล่ะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ” ตอนที่ผลินพูด ก็ทำตาหยีไปด้วย รพีพงษ์อยากจะพูดอย่างอื่นมาก็พูดไม่ได้
ผู้หญิงเขาได้พูดออกมาแบบนี้แล้ว ตนเองก็จะต้องพักเสียหน่อยแล้ว ตอนนี้พวกของบวรวิทย์และปริตรล้วนอยู่ที่นี่ ต่อให้ตนเองจะกังวลมากแค่ไหน ก็คงใช้การไม่ได้ตอนนี้
บวรวิทย์เข้ามาพูดว่า “คุณต้องพักผ่อนให้ดี ผมทนได้ไม่นานมาก พอถึงตอนนั้นต้องให้คุณมาช่วย”
รพีพงษ์ยิ้มพูดว่า “คุณนี่ก็ทำเป็นพูดเล่นไป โอเค พอถึงตอนนั้นถ้าคุณไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวผมมาเปลี่ยนเวรให้”
เมื่อคืนบวรวิทย์พักผ่อนเป็นอย่างดี ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องของนรเทพมา เมื่อคืนเป็นคืนที่นอนหลับดีที่สุด วันนี้ก็เลยมีสติมากหน่อย
ในหัวของปริตรก็กำลังนึกถึงภาพด้านในของป่านั้น แล้วเดินเข้ามาพูดข้างๆ รพีพงษ์ว่า “คุณจะนอนไม่ได้”
รพีพงษ์ก็แปลกใจ พวกเขาเองก็ล้วนอยู่ที่นี่กันหมด แล้วทำไมตนเองถึงจะนอนไม่ได้?
ปริตรยิ้ม “ผมอยากเข้าไปดูในป่านั้นหน่อย รับมือกับคนของนรเทพ จะต้องเร็ว ช้าไม่ได้ ห้ามยื้อเวลาเด็ดขาด”
รพีพงษ์ก็คิดว่ามีเหตุผล ตนเองจะมามัวสนใจแต่เรื่องพักผ่อนของตนเองไม่ได้ จากนั้นก็มองกิเลน แล้วพูดว่า “เจ้ายังไหวไหม?”
“เจ้านายมีเรื่องอะไรสั่งมาได้เลย ข้ายังไหว นอนจำศีลในช่วงฤดูหนาวก็มากพอแล้ว ปกติแล้วจะพักผ่อนหรือไม่ก็แล้วแต่อารมณ์”
“อ๋อ แบบนี้เอง งั้นพวกเราเข้าไปในป่านั้นดู เจ้าคุ้นเคยกับด้านในมากที่สุด มีเจ้าอยู่ ทหารพวกนั้นก็ไม่กล้าทำอะไร” รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่า กิเลนจะจำศีลในช่วงฤดูหนาวเหมือนกัน เวลาอื่นไม่จำเป็นต้องนอนพักผ่อน
แล้วก็ให้กิเลนพาเข้าไปในป่า ส่วนบนหลังของกิเลนก็มี รพีพงษ์ ปริตรและยัยหิมะ
ยัยหิมะบอกว่าด้านในอาจจะเกิดอะไรขึ้นได้ ปริตรจำเป็นต้องมีคนคอยปกป้อง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมารพีพงษ์ก็ต้องรับมือกับศัตรู ตรรกะนี้ชัดเจนมาก
ผลินอยากไปด้วย แต่ก็ถูกบวรวิทย์ห้ามไว้ งอนอยู่ด้านนอก บวรวิทย์เองก็รู้สึกทนดูไม่ได้
“จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้จะห้ามอะไรคุณ แต่คุณต้องรู้ก่อนว่า ถ้าคุณตามเข้าไป คุณไม่มีพลังวิชาอะไรเลย อีกอย่างพวกรพีพงษ์กำลังทำงานสำคัญ ถ้าคุณเก่งเหมือนกับยัยหิมะก็ว่าไปอย่าง คุณก็ตามไปได้ ผมจะไม่ว่าอะไรเลย คุณเองก็รู้ ว่าถ้าเข้าไปก็สร้างปัญหามากกว่า”
พอได้ยินบวรวิทย์พูดแบบนี้ ถึงแม้ผลินจะคิดว่ามีเหตุผล แต่ในใจก็ไม่สบายใจ เขามีศิษย์อะไรมาพูดแบบนี้ นี่มันเป็นเรื่องของตนเอง ให้คนอื่นยื่นมายุ่งได้อย่างไรกัน มันเกินไปจริงๆ
แต่ว่าต่อให้มันเกินไป เธอเองก็บอกไปไม่ได้ ที่นี่มีคนมากมาย ถ้ามีเรื่องว่าตนเองไม่รู้จักกาลเทศะ คงแย่แน่ ภรรยาของรพีพงษ์จะต้องฉลาดหลักแหลม
ใจคิดอยากอยู่ข้างๆ รพีพงษ์นานๆ ก็จะต้องไม่สร้างปัญหาให้กับรพีพงษ์ แบบนั้นไม่เพียงช่วยรพีพงษ์ไม่ได้ แถมยังทำให้รพีพงษ์เบื่อตนเองไปด้วยเปล่าๆ
หนักเบาอย่างไร ในใจของผลินก็ยังสามารถแยกแยะได้
พอเห็นว่าผลินอารมณ์ดีขึ้นแล้ว บวรวิทย์ก็คิดในใจ ผลินนั้นดีหมดทุกอย่าง แต่ว่าอารมณ์ร้อนไปหน่อย รอบๆ มีผู้ชายที่เก่งๆ มากมาย ทำไมมองแต่รพีพงษ์คนเดียว
ถึงแม้ตนเองจะไม่เก่งเหมือนกับรพีพงษ์ แต่ก็ไม่ได้แย่ รพีพงษ์เองก็เป็นคนมีลูกมีภรรยาแล้ว ผลินทำแบบนี้มันไม่เหมาะ
ในใจคิดไปแบบนั้น ผลินก็อารมณ์เสียอยู่ข้างๆ ไม่อยากสนใจเขา ผลินไม่พอใจ คนตั้งมากมาย ไม่มีใครว่าอะไรเลย มีแต่บวรวิทย์คนเดียวที่พูดมาก ปากยังบอกว่าไม่ได้ตั้งใจขัดตนเอง มีแต่ผีเท่านั้นแหละที่เข้าใจว่าใจเขาคิดอะไรอยู่
พอถึงด้านในของผ่า ทุกอย่างราบรื่นดี ส่วนปริตรก็เก็บไปไม่ได้ตลอดทาง ทำเครื่องหมายไว้ แล้วก็วางหุ่นเชิดไว้ตามทางด้วย
ยัยหิมะถามเขาว่า “นี่มันคืออะไร ฉันเห็นคุณวางมันไว้ตลอดทางเลย มันจะเยอะเกินไปหรือเปล่า?”
“ที่ผมวางมันไว้ ก็มีเหตุผลของผม คุณไม่รู้หรอก ไม่สิ พวกคุณไม่รู้หรอก ตอนนี้คุณเห็นว่ามันเป็นหุ่นไม้ธรรมดา เพียงแต่ ถ้าถึงเวลาที่จำเป็นแล้วนั้น พวกมันจะเป็นเหมือนกับทหารเทพเลยล่ะ คนที่เอาชนะมันได้ มีน้อยมาก”
น้ำไฟดินไม้ทอง เวลาสถานที่อันเหมาะสม ทุกอย่างนี้จะขาดไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้ในป่ามีธาตุไม้มาก งั้นก็ต้องอาศัยข้อดีของในป่านี้แล้วกัน
ตลอดทางเห็นสัตว์เล็กสัตว์น้อยมากมาย lสัตว์พวกนั้นถ้าไม่เห็นว่ามีกิเลนอยู่ คงหรูกันเข้ามามากมายแน่ๆ
ปริตรก็พูดกับรพีพงษ์ว่า “เดี๋ยวคุณไปจับหมาป่าให้ผมสักสองตัวนะ แล้วเอาเลือดมันมาให้ผม ผมต้องการใช้มัน”
รพีพงษ์ยิ้ม “เดี๋ยวผมรีบไปจัดการให้เลย”
เขารีบกระโดดลงมาจากหลังของกิเลน กิเลนก็เตือนรพีพงษ์ว่า “เจ้านาย สัตว์ในป่านี้ไม่เหมือนกับด้านนอกนะ ส่วนมากจะกลายเป็นปีศาจกันหมดแล้ว เจ้านายระวังตัวด้วยล่ะ”
“เจ้าวางใจเถอะ ข้ารู้ดี” รพีพงษ์ชื่นใจ เพิ่งเจอกับสัตว์พาหนะตนเองแค่3วัน ก็รู้จักเป็นห่วงตนเองแบบนี้แล้ว ถ้าจะให้มันกลับถ้ำมันไปจริงๆ คงจะเสียใจแย่
พอไล่คนของนรเทพออกไป นอกจากพวกเขาแล้ว มันจะกลับบ้านถ้ำตนเองหรือไม่ ก็ให้มันเลือกเองก็แล้วกัน เพราะถึงอย่างไรต่างก็มีความคิดของตนเองกันทั้งนั้น
ถ้ามาอยู่ข้างกายรพีพงษ์ รพีพงษ์ก็สามารถให้อะไรดีๆ กับมันได้ เช่นช่วยมันฝึกวิชาให้ได้ร่างมนุษย์ นี่คือสิ่งที่กิเลนต้องการ
แต่ว่าถ้ามาอยู่กับรพีพงษ์คงจะไม่มีอิสระ รพีพงษ์คิดในใจไปแบบนี้ แล้วก็เข้าไปในป่าลึกอีก ขอเพียงรพีพงษ์อยู่คนเดียว เดี๋ยวก็จะมีสัตว์บุกเข้ามาหาเอง
ยังไม่ทันขาดคำ ทางด้านพุ่มไม้นั้น ก็มีหมาป่า3ตัวกำลังจ้องอยู่ รพีพงษ์ก็ใช้พลังทิพย์ปกปิดพลังฝีมือของตนเองไว้ เพื่อไม่ให้พวกมันรู้
เขายื่นหัวออกมา ในตอนนี้ก็มีกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากด้านใน เขาไม่ได้สนใจอะไรแล้วก็เดินออกมา แล้วก็เดินย่องไปข้างหน้า แล้วก็ทำท่าทางกลัวๆ สภาพแวดล้อมโดยรอบ
เป็นจริงอย่างที่คิด หมาป่า3ตัวนั้นก็เข้ามาล้อมรพีพงษ์ไว้สามมุม แล้วก็หอนออกมา………