ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย - ตอนที่ 336 เขากำลังยั่วยุฉัน!
โม่ถิงเซียวจ้องมองเธอด้วยความเพลิดเพลินและถามว่า:“ซือเย่บอกเธอหรอ?”
ขณะที่มู่นวลนวลกำลังจะพูด เธอก็ได้ยินโม่ถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา:“เขามีเบอร์เธอหรอ?กูจื่อหยานก็มีเบอร์เธอด้วย?”
“……” ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่ใช่เวลาที่จะคุยเรื่องนี้
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปากแล้วพูดอย่างจนปัญญา:“โอเค ถ้าคุณไม่เต็มใจพูดก็ช่างมันเถอะ”
เมื่อเธอพูดอย่างนั้น ซึ่งในคำพูดของเธอเหมือนจะมีความโกรธเล็กน้อย และโม่ถิงเซียวก็ตอบตรงๆว่า:“อืม”
มู่นวลนวลโยนไดร์เป่าผมลงบนโซฟาด้วยความโกรธ:“คุณเป่าผมเองก็แล้วกัน!”
โม่ถิงเซียวลืมตาขึ้นแล้วคว้ามู่นวลนวลไว้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง:“เธอจะทำครึ่งๆกลางๆได้ยังไง”
“ อย่ามายุ่งกับฉัน?” มู่นวลนวลจ้องมองเขา
โม่ถิงเซียวดึงเธอเข้ามากอด:“ไม่ยุ่งก็ได้ แต่ต้องหายก่อน”
มู่นวลนวลเชิดคางขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
วินาทีต่อมาจู่ๆเขาก็วางเธอลงบนโซฟา และยื่นมือออกไปจั๊กจี้เธอ
“อ่า——”
มู่นวลนวลไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกโม่ถิงเซียวจั๊กจี้จนกรีดร้องด้วยความตกใจ และเมื่อเธอเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี เธอพลิกตัวแล้วจะหนีไป
แต่เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวยื่นมือมาดึงเธอกลับไป
โม่ถิงเซียวรู้ดีกว่าตัวเธอเองอีกว่าเธอความรู้สึกไว เมื่อเขายื่นมือออกมามู่นวลนวลก็หัวเราะไม่หยุด
“โม่ถิงเซียว ปล่อยนะ……ฮ่าฮ่าฮ่า……”
ในตอนแรกมู่นวลนวลอดทนไว้ แต่จากนั้นเขาก็เริ่มร้องขอความเมตตา
เธอหัวเราะจนน้ำตาไหล ในที่สุดโม่ถิงเซียวก็ยอมปล่อยและพยุงเธอขึ้นมา
โม่ถิงเซียวช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอและถามเธอว่า:“หายยัง?”
มู่นวลนวลสะบัดมือเขาออก:“คุณไม่ต้องมาพูดกับฉัน!หน่อมแน้ม!”
“ฉันหน่อมแน้มหรอ?” โม่ถิงเซียวเลิกคิ้วขึ้น:“งั้นอีกสักรอบ”
เมื่อมู่นวลนวลเห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เธอจึงลุกขึ้นวิ่งหนีเขาไปในห้องแล้วล็อกประตู:“คืนนี้คุณก็นอนข้างนอกไปเถอะ!”
โม่ถิงเซียวสีหน้าเข้ม:“มู่นวลนวล!”
เมื่อยินเสียงที่เก็บกดความโกรธของโม่ถิงเซียวแล้ว มู่นวลนวลก็รู้สึกสุขใจมาก
แต่มู่นวลนวลไม่สามารถปล่อยให้โม่ถิงเซียวนอนข้างนอกได้จริงๆ สุดท้ายเธอก็ปล่อยให้เขาเข้าไป
อย่างไรก็ตามตอนที่กำลังจะหลับ มู่นวลนวลก็จำได้เลือนรางว่า ดูเหมือนโม่ถิงเซียวจะยังไม่ตอบคำถามของเธอ
ความสามารถในการเปลี่ยนเรื่องของโม่ถิงเซียว ยิ่งนานก็ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อย ๆ
……
วันต่อมา
เมื่อมู่นวลนวลตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นโม่ถิงเซียวอยู่ข้างๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มู่นวลนวลก็เป็นห่วงโม่ถิงเซียว
เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วโทรหาโม่ถิงเซียว
ในขณะที่รอเขารับสาย เธอก็รู้สึกไม่บายใจนิดหน่อย แต่ไม่นานโม่ถิงเซียวก็รับสาย ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของเขา และไม่มีเสียงใดๆอีก
มู่นวลนวลถามเขาว่า:“คุณอยู่ที่ทำงาน?”
“อื้ม” โม่ถิงเซียวตอบ จากนั้นก็ได้ยินเสียงของการพลิกดูเอกสาร
“งั้นคุณทำงานเถอะ ฉันไม่กวนคุณแล้ว”
มู่นวลนวลเป็นคนวางสายก่อน
……
หลังจากที่โม่ถิงเซียววางโทรศัพท์ลง สายตาของเขาก็จดจ่อกับรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอที่เพิ่งดูไปได้ครึ่งหนึ่ง
เสียงที่มู่นวลนวลได้ยินเขาพลิกดูเอกสารเมื่อตะกี้ อันที่จริงแล้วมันเป็นเสียงที่เขาพลิกดูรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอ
เขาค่อยๆดูอย่างช้าๆ และเมื่อดูถึงตอนสุดท้าย จู่ๆเขาก็หัวเราะเยาะเย้ย
เมื่อซือเย่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงานเห็นโม่ถิงเซียวพลิกดูเอกสารแล้วหัวเราะๆ เขาก็ขนลุกขนพองไปทั้งตัว
เขาลดสายตาลงและไม่กล้าที่จะชะโงกไปดูรายงานการผลตรวจดีเอ็นเอที่อยู่ตรงหน้าโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวสั่งให้เขาไปรับรายงานการผลตรวจดีเอ็นเอมาเมื่อเช้านี้
เขาไม่กล้าเปิดดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน และเดาไม่ออกว่าเป็นรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอของใคร แต่เขาเดาได้ว่ามันเกี่ยวข้องกับตระกูลโม่
ซือเย่พยักหน้าเล้กน้อยและพูดว่า:“คุณชาย ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ผมออกไปก่อนนะ”
โม่ถิงเซียวโยนรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอลงตรงหน้าเขา:“ส่งสิ่งนี้ไปให้ถึงบ้านเก่า”
ซือเย่ยื่นมือไปหยินมันขึ้นมา:“ให้เขียนว่าใครเป็นผู้รับครับ?”
เกี่ยวข้องกับตระกูลโม่จริงๆด้วย
โม่ถิงเซียวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ และพูดด้วยน้ำเสียงชอบใจว่า:“แล้วแต่เลย”
แล้วแต่?
ซือเย่ไม่ได้ถามอะไรมาก เขาหันหลังและเดินออกไป
……
ในตอนเย็น ทันทีที่โม่ชิงเฟิงเดินเข้าประตูมา คนรับใช้ที่รอต้อนรับก็รับเสื้อคลุมจากมือของเขาแล้วพูดว่า:“คุณชาย ก่อนหน้านี้มีคนมาส่งพัสดุ หน้าซองไม่ได้เขียนชื่อผู้ส่งและผู้รับ คุณจะเปิดเลยไหม?”
ตอนนี้เจ้าสัวโม่ไม่มีสติสัมปชัญญะ แน่นนอนว่าโม่ชิงเฟิงกลายเป็นคนผู้อาวุโสของตระกูลโม่ และมีอะไรก็ต้องรายงานเข้า
พัสดุ?
โม่ชิงเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า:“เอามา”
เมื่อคนรับใช้ได้ยินอย่างนั้นก็หันกลับไปหยิบพัสดุมา
โม่ชิงเฟิงแกะพัสดุและหยิบซองหระดาษสีน้ำตาลออกมา
เขาสองชั่งน้ำหนักด้วยมือแล้วก็คิดว่าข้างในเป็นเอกสาร
เขาเปิดซองกระดาษสีน้ำตาลแล้วหยิบเอกสารออกมา
เพียงแค่เห็นมุมของเอกสารข้างใน สีหน้าของโม่ถิงเซียวก็ทรุดลง
มือของเขาแข็งอยู่อย่างนั้น และสีหน้าของเขาก็อึมขรึม:“เอาออกไปให้หมด!”
คนรับใช้เดาไม่ออกว่าทำไมสีหน้าของโม่ชิงเฟิงถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนั้น แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมากและรีบเอาออกมาทั้งหมด
ขณะที่คนรับใช้กำลังเอาออกไป โม่ชิงเฟิงก็พูดว่า:“เดี๋ยวก่อน”
“คุณชาย ยังมีเรื่องอะไรหรอ?” คนรับใช้ที่กำลังเดินไปคนสุดท้ายก็หันมา
โม่ถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น:“ไปเรียกคุณหนูมา”
คนรับใช้รู้ว่าคุณหนูที่เขาพูดถึงคือโม่เหลียน
ไม่นานโม่เหลียนก็มา
“พี่มีอะไรหรอ?” โม่เหลียนรู้ว่าปกติถ้าไม่มีเรื่องอะไรโม่ชิงเฟิงก็จะไม่เรียกเธอมา แต่ครั้งนี้เรียกเธอให้มาอย่างเร่งรีบ จะต้องมีเรื่องเร่งด่วนแน่ๆ
โม่ชิงเฟิงยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลให้เธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม:“ลองดูนี่สิ”
โม่เหลียนประหลาดใจ เธอดึงเอกสารออกมาจากซองกระดาษสีน้ำตาล เพียงแค่เห็นแวบเดียว เธอก็ตกใจมาก:“นี่คือ……”
แววตาของงโม่ชิงเฟิงดูมืดมน:“ถิงเซียว เขารู้แล้ว”
โม่เหลียนตัวสั่นจนพูดไม่ออก:“นี่ นี่เป็นไปได้ยังไง!เขา……เขารู้ได้ยังไง?อาจจะเป็นคนอื่น?”
“เขารู้ว่าเฉิงยวี่เป็นลูกนอกสมรสของฉัน นอกจากเขาแล้วจะมีใคร?เขากำลังยั่วยุฉัน!” โม่ชิงเฟิงหัวเราะเยาะ แววตาของเขาดูดุร้าย:“ถึงเขาจะรู้แล้วยังไง?เขาจะทำอะไรฉันได้?”
“พี่……ถิงเซียวเขา……เขาฉลาดมาก พวกเรา……” โม่เหลียนสั่นไปทั้งตัว:“ไม่ได้……”
โม่ชิงเฟิงสงบนิ่งกว่าเธอมาก เขายื่นมือไปจับไหล่ของเธอ:“ไม่ต้องกังวล ลูกสาวเขาอยู่ในมือฉัน ตราบใดที่เขายังต้องการลูกสาวก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้ และไม่กล้าพูดเรื่องนี้ออกไปอย่างแน่นอน”
“ทำไมลูกสาวของถิงเซียวถึงอยู่ในมือของคุณ?” โม่เหลียนกลับไปสหรัฐอเมริกาหลังปีใหม่ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น