ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5723 ปล่อยวาง(1)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5723
เผชิญหน้ากับคำถามของคุณท่าน เย่เฉินก็ไม่ได้ปิดบัง พูดอย่างสง่า : “รู้ว่าสุขภาพของคุณยังไม่ได้ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมทั้งหมด โดยเฉพาะสถานการณ์ของโรคอัลไซเมอร์ก็ไม่สู้ดีนัก ดังนั้นก่อนหน้าที่คุณกับคุณยายมา ผมเลยทิ้งค่ายกลกับยาอายุวัฒนะเม็ดหนึ่งไว้ที่คฤหาสน์ล่วงหน้า ค่ายกลจะค่อย ๆ ปล่อยฤทธิ์ยาอายุวัฒนะ ทำให้คนที่พักอยู่ในนั้น มีร่างกายที่ดีขึ้น และคนที่ร่างกายไม่ดี ก็จะยิ่งได้ฤทธิ์ยามากขึ้น”
คนตระกูลอานตกใจจนพูดไม่ออกมา คุณท่านอ้าปากอยากจะพูดอะไร แต่เส้นเสียงราวกับแข็งทื่อไป ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ครู่ใหญ่
แม้ว่าคุณท่านไม่ได้พูดจา แต่น้ำตากลับไหลออกมาแล้ว
นายหญิงใหญ่ด้านข้าง ในเวลานี้ก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ราคาสูงลิ่วของยาอายุวัฒนะสามแสนล้านดอลลาร์สหรัฐในตอนแรก ก็คือเงินที่คนตระกูลอานเสนอ แต่ต่อให้อานโฉงชิวยอมออกสามแสนล้าน ก็ไม่สามารถซื้อหนึ่งเม็ดได้ กลับยังถูกเย่เฉินให้คนไล่ออกมาด้วยซ้ำ
แต่ใครจะไปนึกได้ เย่เฉินได้เอายาอายุวัฒนะมูลค่าสามแสนล้าดอลลาร์สหรัฐ วางไว้ในคฤหาสน์ของโฮมสเตย์ว่านหลิ่วไว้ล่วงหน้าตั้งนานแล้ว เพื่อร่างกายของคู่สามีภรรยาสูงอายุ !
ไม่เพียงเท่านี้ ตอนนี้เย่เฉินหยิบยาอายุวัฒนะออกมาสองเม็ดอีก นี่ก็เป็นยาอายุวัฒนะสามเม็ดแล้ว ! หากว่าขายให้สุดยอดมหาเศรษฐีจริง เป็นเงินก้อนจำนวนมหาศาลปริมาณสูงลิ่วอย่างแน่นอน !
แต่ว่าเย่เฉินกลับให้ยาอายุวัฒนะสามเม็ดแก่ตระกูลอานไปเลย การกระทำนี้ ทำให้ทั้งตระกูลอานรู้สึกตื้นตันใจเหลือเกิน
หลังจากผ่านไปเวลานาน คุณท่านจึงจะพูดพึมพำ : “เฉินเอ๋อ เธอไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก ใช้ชีวิตอยู่เมืองจินหลิงอยู่ตัวคนเดียว ตากับยายไม่เคยทำอะไรเพื่อเธอเลยมายี่สิบปี แต่เธอกลับทำเพื่อเรามากขนาดนี้ และเธอไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของตระกูลอานอีก บุญคุณนี้จะให้เราตอบแทนยังไงดี……”
เย่เฉินพูดเอาจริงเอาจัง : “คุณตาครับ แม้ว่าในอดีตผมรู้สึกโทษพวกคุณ และโทษครอบครัวคุณปู่ของผมด้วย แต่ว่ากันจนถึงแก่นแท้แล้ว พวกคุณก็เป็นญาติพี่น้องของผม ระหว่างญาติพี่น้อง สามารถโทษกันได้ แต่ไม่ควรมีความแค้น ผมมีความสามารถที่จะช่วยคุณกับตระกูลอาน และไม่มีทางที่จะนิ่งดูดายอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นละก็ วิญญาณของคุณพ่อคุณแม่ผมบนสวรรค์ ก็ไม่มีทางให้อภัยผมหรอกครับ”
คุณท่านได้ยินคำพูดนี้ ก็น้ำตาไหลเหมือนฝนตกไปแล้ว
ส่วนนายหญิงใหญ่ที่อยู่ด้านข้างก็ดึงมือของเย่เฉินอย่างอดไว้ไม่ไหว พูดพร้อมกับร้องไห้ : “เฉินเอ๋อ เธอพูดได้ถูกต้อง เราเป็นญาติพี่น้องกัน เธอสามารถคิดแบบนี้ได้ ยายก็นอนตายตาหลับแล้ว”
เย่เฉินพูดอมยิ้ม : “คุณยายพูดเกินไปแล้วครับ”
ว่าแล้ว เขาก็ยื่นยาอายุวัฒนะสองเม็ดให้ผู้สูงอายุทั้งสองอีกครั้ง แล้วพูดเอาจริงเอาจัง : “คุณตาคุณยายครับ พูดมาเยอะขนาดนี้ เพียงแค่อยากบอกพวกคุณทั้งสองว่า ถึงแม้ยาอายุวัฒนะจะล้ำค่ามากก็ตาม แต่ไม่นับว่ามากอะไรสำหรับความอายุยืนและความแข็งแรงของคุณทั้งสองครับ พวกคุณทั้งสองสนเพียงทานไปอย่างวางใจ ไม่ต้องมีความรู้สึกผิดในใจมากนักไปหรอกครับ”
อานโฉงชิวที่อยู่ด้านข้างก็รีบพูดโน้มน้าวเหมือนกัน : “นั่นสิครับคุณพ่อ คุณแม่ คุณทั้งสองคนอายุมากแล้ว ร่างกายของคุณพ่อก็มีปัญหาไม่น้อยเลย ต้องการยาวิเศษแบบนี้มาทำให้ร่างกายคงที่ที่สุดเลย แถมนี่เป็นจิตใจกตัญญูของเฉินเอ๋อด้วยเหมือนกัน คุณทั้งสองอย่าได้บ่ายเบี่ยงอีกเลย”
นายหญิงใหญ่ไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการ เลยใช้สายตาสอบถามมองไปยังคุณท่าน
คุณท่านลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า มองเย่เฉิน แล้วเอ่ยปากบอก : “เฉินเอ๋อ ตารู้ว่ายาอายุวัฒนะนี้เป็นจิตใจกตัญญูของเธอ ตากับยายเธอรับไว้ได้ แต่ทรัพย์สมบัติกับหุ้นของตระกูลอาน เธอก็ต้องรับเอาไว้เหมือนกัน ! ไม่ว่าเธอมีเงินหรือเปล่า ขาดเงินหรือเปล่า นี่ก็เป็นน้ำใจของตากับยาย เรารับจิตใจกตัญญูของเธอเอาไว้ เธอรับน้ำใจของเราเอาไว้ นี่จึงจะเป็นครอบครัวในความหมายที่แท้จริงต่างหาก !”
น้าทั้งสามคนและน้าสาวของเย่เฉินพากันพยักหน้าคล้อยตาม โดยเฉพาะอานข่ายเฟิงน้าชายรอง พูดโดยไม่ต้องคิดเลย : “เฉินเอ๋อ ทรัพย์สมบัติกับแหล่งทรัพยากรของตระกูลอานจากนี้ ให้เธอจัดสรรได้ตามใจชอบทั้งหมด จากนี้น้าชายรองเป็นผู้ช่วยเธอ ไม่ว่าเรื่องใดเธอกำชับน้าชายรองได้เสมอเลย !”
อานโฉงชิวเองก็ยิ้มบอกเหมือนกัน : “นั่นสิเฉินเอ๋อ จากนี้ให้เธอวางแผนให้ตระกูลอาน จะต้องเชื่อถือได้กว่าเราอย่างแน่นอน ! น้ำใจนี้ของตาเธอ เธอจะว่าอะไร ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ !”
สำหรับคนตระกูลอานแล้ว เย่เฉินเคยช่วยพวกเขาหลายครั้ง และเอายาอายุวัฒนะสามเม็ดออกมาให้ติดต่อกันอย่างใจป้ำอีกด้วย เผชิญหน้ากับความรู้สึกนี้ คนตระกูลอานต่างจารึกเอาไว้ขึ้นใจ คนตระกูลอานแต่ก่อนไม่เคยติดค้างน้ำใจ แต่ตอนนี้กลับติดค้างน้ำใจของเย่เฉินที่ไม่ว่าอย่างไรก็คืนไม่หมดซะอย่างนั้น ดังนั้นพวกเขาก็เฝ้าคอยให้เย่เฉินรับทรัพย์สมบัติของตระกูลอานเอาไว้ได้ เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาจะได้รู้สึกสบายใจหน่อย
คราวนี้เย่เฉินเอ่ยปากบอก : “คุณตาครับ เรื่องทรัพย์สมบัติตระกูลอาน ผมรับปากคุณว่ารับเอาไว้ได้ครับ แต่ว่าไม่ได้รับไว้ตอนนี้ อย่างไรซะในสายตาขององค์กรพั่วชิง พวกเขายังไม่รู้การมีอยู่ของผม หากว่าตระกูลอานมอบทรัพย์สมบัติในนามผมทั้งหมดเลย เกรงว่าตัวตนของผม จะถูกเปิดเผยไม่เกินวันนั้นหรอกครับ ดังนั้นทรัพย์สมบัติพวกนี้คุณช่วยถือแทนผมไปก่อน รอผมจัดการองค์กรพั่วชิงแล้วค่อยให้ผมก็ยังไม่สายครับ”
อานฉี่ซานได้ยินดังนั้น แล้วพยักหน้าเบา ๆ
เขาเองก็รู้ ทรัพย์สมบัติพวกนี้ การสัญญาด้วยลมปากไม่มีความหมาย
อยากให้เงิน ก็ต้องให้ในบัญชีของอีกฝ่าย
ให้หุ้น ให้อสังหาริมทรัพย์ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงในนามของอีกฝ่าย
แต่ว่าตัวตนของเย่เฉินไม่เหมาะสมเปิดเผยในตอนนี้จริง ๆ ตระกูลอานย่อมไม่สามารถเปลี่ยนทรัพย์สมบัติไปในนามเขาในตอนนี้ได้ ดังนั้นไม่ว่าเย่เฉินเห็นด้วยจริง ๆ หรือว่าเห็นด้วยหลอก ๆ ทรัพย์สมบัติส่วนนั้นที่ตระกูลอานเตรียมไว้ให้เขา ก็ยังคงทำได้แต่ให้คนตระกูลอานถือแทน