ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3731
เฟ่ยเข่อซินส่ายหน้าแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ซานซานเธอจำไว้นะ สถานการณ์ส่วนใหญ่ ยิ่งคนอยู่สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่ชอบโดนคนอื่นเอาเปรียบเท่านั้น เวลาเธอให้น้ำใจเขาทีละเล็กละน้อย เขาต้องหาทางคืนน้ำใจให้เธอในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งแน่นอน”
ขณะที่พูด เฟ่ยเข่อซินก็เอ่ยพูดขึ้นมาอีกว่า “ที่สแตนฟอร์ด มีคลาสพิเศษ สอนเกี่ยวกับผู้บริหารระดับสูงควรที่จะระวังและรับมือกับการติดสินบนยังไง ในนั้นมีเคสตัวอย่างมากมาย ฝ่ายที่กระทำการติดสินบน วิธีการที่เลือกใช้ส่วนใหญ่แทบจะเหมือนๆกันหมด นั่นก็คือการให้น้ำใจกับอีกฝ่ายด้วยสารพัดวิธีแต่ห้ามหลุดปากบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไปเด็ดขาด ในตอนที่ความรู้สึกติดค้างในใจของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นในระดับที่แน่นอน ขอแค่เราออกปาก อีกฝ่ายก็จะยอมเสี่ยงเพื่อเราได้ทั้งนั้น”
เฉินอิ่งซานพยักหน้าเหมือนกำลังคิดตาม สักพักก็เอ่ยถามเฟ่ยเข่อซินขึ้นมาว่า “คุณหนู แล้วคุณจะให้คุณท่านมาทานข้าวกับเขาด้วยไหม?”
“ยังก่อน” ”เฟ่ยเข่อซินเอ่ยขึ้น “ในเมื่อเย่เฉินบอกว่าทำธุระเสร็จแล้วจะเลี้ยงข้าวฉัน งั้นก็ให้คุณปู่ทำตามแผนเดิมไปก่อน ถ้ายังประมูลยาอายุวัฒนะมาไม่ได้ ฉันค่อยพาคุณปู่ไปเจอเย่เฉินอีกที”
……
สองวันต่อมา
ณ สนามบินจินหลิงช่วงเวลาเช้าตรู่ ตั้งแต่ที่ก่อสร้างมาจนถึงทุกวันนี้ นี่เป็นวันที่คนแน่นมากที่สุด
ถ้าเป็นเวลาปกติ จำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินขึ้นลงในแต่ละวันของสนามบินแห่งนี้ พอบวกเข้าด้วยกันมีประมาณแปดร้อยครั้ง ซึ่งจำนวนบินขึ้นบินลงแทบจะมีเท่าๆกัน
แต่ว่าวันนี้ สนามบินจินหลิงมีเที่ยวบินขึ้นลงมากกว่าปกติเกือบจะสามร้อยครั้ง
ตั้งแต่เช้าตรู่ เครื่องบินส่วนตัวจำนวนมากต่างลงจอดที่สนามบินจินหลิงติดๆกัน
เครื่องบินส่วนตัวพวกนี้ ล้วนแล้วแต่มาที่เมืองจินหลิงเพื่อเข้าร่วมงานประมูลทั้งนั้น
ตามข้อกำหนดของทางผู้จัดงาน ผู้เข้าประมูลต้องมาถึงเมืองจินหลิงภายในวันนี้
อีกอย่างเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด ตั้งแต่มาถึงสนามบิน จนถึงงานประมูลเสร็จสิ้น พวกเขาต้องปฏิบัติตามแนวทางของผู้จัด ถ้าหากมีพฤติกรรมละเมิด ให้ถือว่าสละสิทธิ์การประมูลยาอายุวัฒนะ
ดังนั้น หลังจากที่มหาเศรษฐีลงจอดที่สนามบินจินหลิง ก็ทำได้เพียงรอทางผู้จัfเตรียมการอยู่ที่เดิม
เวลาสิบเอ็ดโมง เครื่องบินส่วนตัวที่ลงจอด ณ สนามบินจินหลิงมีเกือบหนึ่งร้อยลำ แทบจะกินพื้นที่ลานจอดไปเกือบหมด
ถึงขั้นมีบางลำต้องไปฝากจอดที่สนามบินใกล้เคียง เพราะไม่มีที่จอดเหลือ
และในตอนนี้เอง ที่ระดับความสูงห่างจากพื้นดินไม่ถึงหนึ่งพันกิโลเมตร มีเครื่องบินส่วนตัวรุ่นดัดแปลงโบอิ้ง กำลังพุ่งตัวมาที่เมืองจินหลิงด้วยความรวดเร็ว
ภายในห้องโดยสารที่กว้างใหญ่ ถูกตกแต่งจนกลายเป็นคฤหาสน์เคลื่อนที่ ภายในห้องรับรองสุดหรูหรามีชายแก่สองคนนั่งอยู่
เส้นผมและหนวดเคราของชายแก่ทั้งสองต่างก็หงอกขาว แต่ว่าหนึ่งในนั้นยังคงดูแข็งแรง ส่วนอีกคน กลับเห็นได้ชัดว่าสภาพร่างกายเริ่มย่ำแย่แล้ว
ทั้งสองคนนี้ ก็คือเฟ้ยเจี้ยนจงกับล่ายชิงหวาที่บินตรงมาจากอเมริกา
เนื่องจากล่ายชิงหวาได้รับคำเชิญให้มาเป็นแขกเข้าร่วมงานประมูลยาอายุวัฒนะจากเย่เฉิน ส่วนเฟ่ยเจี้ยนจงคุณสมบัติตรงจึงได้เข้าร่วมงานประมูล ดังนั้นล่ายชิงหวาจึงขอติดเครืองบินส่วนตัวของเฟ่ยเจี้ยนจงมาที่เมืองจินหลิงด้วย
ในตอนนี้เอง พนักงานก็เดินมาที่ห้องรับรอง เอ่ยพูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณท่าน ท่านล่าย อีกประมาณสิบนาทีเครื่องบินจะลงจอดที่สนามบินจินหลิง”
“โอเค……” เฟ่ยเจี้ยนจงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็หันมามองล่ายชิงหวา เอ่ยถามเขาว่า “พี่ล่าย พอจะช่วยดูดวงให้ผมหน่อยได้ไหมว่าครั้งนี้ผมจะประมูลได้ยาอายุวัฒนะหรือเปล่า?”
ล่ายชิงหวาหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ “เหล่าเฟ่ย อันที่จริงก่อนออกเดินทาง ฉันดูให้นายแล้วล่ะ”
เฟ่ยเจี้ยนจงเอ่ยถาม “พี่ล่าย ดูยังไง? ว่าแต่โชคดีหรือโชคร้าย?!”
ล่ายชิงหวาถอนหายใจออกมาเบาๆ คร่ำครวญออกมาว่า “บางทีอาจเป็นเพราะวิชาของฉันยังไม่ดีพอ ฉันถึงได้เห็นเรื่องนี้ เหมือนชมดอกไม้ในดงหมอก ยลดวงจันทร์ใต้ธารา”