ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 688 ทดสอบ
ตอนที่ 688 ทดสอบ
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “งั้นเราก็ไปเดินตลาดด้วยกันนี่แหละ”
หลินต้ากั๋วรู้สึกผิด คนในตระกูลหลินทั้งหมดต่างก็ไปสร้างอนาคตกันในเทียนจิง มีแต่หลินต้าเหว่ย น้องคนสุดท้องที่ต้องทนอาศัยอยู่ในบ้านเกิดที่เจี้ยนหยาง เพื่อรักษาบ้านเก่าเอาไว้ ในฐานะพี่ชาย เขาแทบไม่ได้โตมากับน้องชายของเขาเลย
“วันนี้ฉันจะใช้เวลาอยู่กับนายและอี้ถิง ! ” หลินต้ากั๋วกล่าว
“ครับพี่ ! ” หลินต้าเหว่ยยิ้มและตอบตกลง
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ลุงรอง ลุงเข้าไปดูอะไรในร้านนี้เหรอครับ ? ”
หลินต้ากั๋วกล่าวว่า “ไม่มีอะไร ฉันแค่เข้าไปสอบถามเจ้าของร้านดูเฉย ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ลุงรอง คืนนี้ไม่ต้องคิดเรื่องงาน ลองทำตัวเป็นคนธรรมดาที่มาเดินตลาดดู อยากกินอะไรก็กิน อยากดื่มอะไรก็ดื่ม ! ”
หลินต้ากั๋วยิ้ม “เอาล่ะ ฉันก็ไม่อยากกังวลเรื่องงานอีกต่อไปแล้ว ไปเดินเล่นหาของกินกันเถอะ”
เขาหันหน้าไปมองหลินเจียหง แล้วพูดว่า “ลูกนี่นะ ทำงานแล้ว แต่ก็หนีมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน ! ”
หลินเจียหงแลบลิ้นออกมา “แต่หนูลางานแล้วนะ ! ”
หลินต้ากั๋วทำเสียงไม่พอใจ “พ่อรู้ว่าลูกต้องขอลางาน ไม่งั้นพ่อคงโทรบอกให้เสี่ยวไป๋ส่งลูกกลับบ้านแล้ว”
หลินเจียหงยิ้ม “เอาล่ะค่ะ อย่าโหดร้ายนักเลย หนูจะเลี้ยงขนมพ่อเอง หนูรู้ว่าพ่อไม่มีเงิน”
หลินต้ากั๋วชี้ไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วเม้มริมฝีปาก “ตราบใดที่มีเขาอยู่ที่นี่ พ่อยังต้องให้ลูกเลี้ยงอยู่ไหม ? ”
ในเวลานี้ เกาเทียนเยว่และเมิ่งเหว่ยก็เดินเข้ามาพร้อมกับถือปิ้งย่างหม่าล่ามาจำนวนหนึ่ง
“เฮ้ ต้าเหว่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย ! ”
พวกเขาเดินเข้ามารวมกลุ่ม “เอานี่ ลองชิมดูสิ ! ”
เขาทักทายหลิวอี้ถิงอีกครั้ง และยื่นปิ้งย่างหม่าล่าให้ลองชิม
หลินต้าเหว่ยและหลิวอี้ถิงรับมันไปคนละไม้ และกล่าวขอบคุณพวกเขา เกาเทียนเยว่ยิ้มและพูดว่า “มันเป็นเงินของลูกเขยคุณ คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณพวกฉันหรอก”
เมื่อพูดเช่นนั้นเขา ก็ยื่นปิ้งย่างหม่าล่าให้กับหลินต้ากั๋ว เจียงไห่หยาง หวังซิ่วจวี๋ และคนอื่นต่อ
ตอนแรกทั้งสองซื้อปิ้งย่างหม่าล่ามาหลายไม้ แต่เนื่องจากมีคนเยอะเกินไป พอแบ่งแล้วจึงได้กินเพียงคนละไม้สองไม้เท่านั้น
เจียงเสี่ยวเฟิงกล่าวขอโทษ “ผมต้องขอโทษด้วย ปิ้งย่างหม่าล่ามันมาหมดที่ผมพอดีเลย แล้วพวกคุณจะกินอะไรล่ะ ? ”
เกาเทียนเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร แบ่งกันกินแบบนี้สนุกดี หมดแล้วค่อยไปซื้อใหม่ได้”
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน หมูสามชั้นผัดก็เสร็จพอดี เจ้าของร้านจึงเรียกเจียงเสี่ยวไป๋ “ลูกค้า หมูสามชั้นผัดของคุณได้แล้วครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น “พ่อค้า ในอนาคต คุณจะตะโกนแบบนี้ไม่ได้ คุณต้องตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า หมูสามชั้นผัดเสร็จแล้วครับ…..!”
จากนั้น เจ้าของร้านก็ตระหนักได้และรีบขอโทษทันที
เกาเทียนเยว่และคนอื่น ๆ หัวเราะหลังจากได้ยินสิ่งนี้
เจียงเสี่ยวไป๋จ่ายเงินและยื่นชามหนึ่งให้หลินต้ากั๋ว ส่วนอีกชามให้หลินเจียอิน แต่เมื่อเห็นคนอื่นมองไปที่หมูสามชั้นผัด เขาจึงพูดว่า “ถ้าอยากกินก็สั่งเองได้เลยครับ ผมรับผิดชอบแค่จ่ายเงินเท่านั้น ไม่ได้สั่งเผื่อใคร”
หลินเจียหงรีบวิ่งไปหาหลินต้ากั๋วทันที เธอหยิบชามหมูสามชั้นผัดออกมาจากมือของเขา แล้วพูดว่า “พ่อคะ หนูจะถือให้เอง ด้วยสถานะของพ่อ มันจะเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเอาได้ หากมีใครมาเห็นพ่อถือของกินเต็มมือแบบนี้”
หลินต้ากั๋วไม่คุ้นเคยกับการถือชามอาหารท่ามกลางฝูงชนจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธลูกสาว
แต่ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่หลินเจียหงหยิบชามในมือของเขาไป เธอก็หยิบตะเกียบแล้วใส่เข้าไปในปากของเธอ
“หืม มันอร่อยมาก ! ”
ตอนนั้นเองที่เธอคิดจะคีบมันให้หลินต้ากั๋ว เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาทันทีและคีบหมูเข้าปากของหลินต้ากั๋ว
หลินต้ากั๋วอดไม่ได้ที่จะดุออกมาว่า “พ่อคีบเองก็ได้นี่ ? ”
“แล้วมันน่ารังเกียจตรงไหนที่หนูจะคีบอาหารป้อนให้พ่อ ? ”
“กินไปเถอะค่ะ อย่าเรื่องมาก ! ”
หลินต้ากั๋วไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องอ้าปากแล้วงับเอาหมูสามชั้นผัดเข้าไป: อืม มันอร่อยมาก !
“หม่าม๊า หนูก็อยากกินเหมือนกัน ! ”
เมื่อเห็นว่าหลินต้ากั๋วและหลินเจียหงกำลังเพลิดเพลินอยู่กับอาหาร เจียงชานจึงวิ่งไปหาหลินเจียอินและพูดด้วยท่าทางน่าเอ็นดู
“ได้สิ แม่จะให้ชานชานกินก่อน ! ”
หลินเจียอินพูดด้วยรอยยิ้ม และคีบหมูสามชั้นให้กับลูกสาวของเธอ
เด็กน้อยกัดเข้าไปแล้วหรี่ตา ก่อนจะพูดออกมาว่า “หืมม มันอร่อยมากเลยค่ะ ! ”
หลินเจียอินจึงชิมเข้าไปคำหนึ่งแล้วรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเล็กน้อย เธอจึงยื่นชามคืนให้เจียงเสี่ยวไป๋
“รสชาติอร่อยจริง ๆ แต่อาจเป็นเพราะฉันท้องด้วย เลยรู้สึกว่ามันคาวนิดหน่อย”
ก่อนที่เจียงเสี่ยวไป๋จะรับมันไป เจียงชานก็รับมา “หม่าม๊า งั้นหนูจะรับหน้าที่ในการกินให้เองค่ะ ! ”
เธอถือชามพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งอยู่ในมือ อีกข้างถือตะเกียบแล้วคีบหมูเข้าปากก่อน จากนั้นจึงคีบอีกชิ้นยื่นให้เจียงเสี่ยวไป๋ “ป่าป๊าลองชิมดูสิ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋จึงกินอย่างเอร็ดอร่อย
ก่อนหน้านี้เขาคิดอิจฉาหลินต้ากั๋วที่มีลูกสาวป้อนอาหารให้ แต่เขาไม่คิดว่าจะถึงคราวของเขาเร็วขนาดนี้
ลูกสาวช่างเป็นเหมือนใยนุ่นติดตัวจริง ๆ
“คุณปู่ ลองชิมดูสิคะ ! ”
“คุณย่า ชิมดูค่ะ ! ”
“คุณตา ชิมนี่สิคะ ! ”
“คุณยาย ถึงคราวคุณยายชิมแล้วค่ะ ! ”
เจ้าตัวน้อยถือชามและป้อนหมูสามชั้นผัดให้ทีละคน ในขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋มองดูด้วยความงุนงง
เด็กดี พ่อก็คิดว่าลูกจะป้อนให้พ่อกินแค่คนเดียวซะอีก ไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กจะเอาแบ่งให้คนอื่นชิมด้วย
หลินต้าเหว่ยและคนอื่นไม่ได้สนใจเช่นกัน พวกเขาให้ความร่วมมือกับเจ้าตัวเล็กอย่างมีความสุข จนกระทั่งดวงตาของเธอกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวพร้อมกับเสียงหัวเราะ
หมูสามชั้นผัดหมดอย่างรวดเร็ว
“ป่าป๊าคะ เราเดินดูต่อเถอะค่ะว่าจะมีอะไรอร่อยให้กินบ้าง” เจียงชานรีบกล่าวขื้นมา
“ดี ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม จากนั้นคนทั้งกลุ่มจึงเดินหน้าต่อไป
แผงขายของทุกร้านดูมีชีวิตชีวามาก โดยมีอาหารทุกประเภท ซึ่งแต่ละร้านก็เต็มไปด้วยผู้คน
หลินต้ากั๋วและคนอื่นต่างก็ตื่นตาไปกับหอยนางรม บาร์บีคิว เต้าหู้เหม็น เต้าหู้ขน หม้อไฟเสียบไม้ กุ้งอบ บะหมี่เนื้อ บะหมี่แห้ง เกี๊ยวนึ่ง เกี๊ยวน้ำ บะหมี่หม้อไฟ ฮวังโพมุก ปิงเฟิน ก๋วยเตี๋ยว ผัดหมี่ขาว ก๋วยเตี๋ยวหลอด บะหมี่ข้ามสะพาน เค้กข้าวเหนียว ขนมงา แพนเค้ก เผือกทอด เสี่ยวหลงเปา ซาลาเปาทอด ซุปหม้อดิน กระเพาะปลา เกาเหลาเลือดหมู ซุปชาถูเจี่ย เค้กข้าว ข้าวเหนียวหมัก หัวกระต่ายผัดเผ็ด……
ของกินมีให้เลือกมากมายหลายอย่าง
“ป่าป๊า ! ป่าป๊า ! หนูอยากกินเต้าหู้เหม็น ! ” เมื่อเดินผ่านแผงขายเต้าหู้เหม็นทอด เจ้าตัวเล็กก็กระโดดขึ้นด้วยความดีใจ
“ได้สิ ไปซื้อเต้าหู้เหม็นกัน ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวอย่างมีความสุข
เจียงไห่หยางขมวดคิ้วขณะที่เขาได้กลิ่นเต้าหู้เหม็น “ของพวกนี้มีกลิ่นเหม็นรุนแรงมาก กินมันลงได้อย่างไร ? ”
เด็กน้อยน้ำลายไหลและพูดว่า “เพราะคุณปู่ยังไม่รู้ว่าเต้าหู้เหม็นอร่อยแค่ไหน”
เจียงไห่หยางส่ายหัวด้วยความไม่เชื่อ
เจียงชานกล่าวว่า “มีเต้าหู้เหม็นหลายชนิดที่ป่าป๊าเล่าให้หนูฟัง เต้าหู้เหม็นที่ทำในแต่ละแห่งจะแตกต่างกัน ไปตามสภาพอากาศ ทั้งกลิ่นและมีรสชาติจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง”
ขณะที่พูด เจ้าตัวน้อยก็ยกมือขึ้นและพยักหน้า “มีทั้งเต้าหู้เหม็นที่ทำขึ้นในเทียนจิง เซียงหนาน ฮุ่ยโจว เช่าซิง และเฉียนโจว……”
หลินต้ากั๋วตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าเต้าหู้เหม็นนั้นมีแหล่งผลิตมากมาย !
หลินต้าเหว่ยจึงถามว่า “แล้วถนนคนเดินนี้มีเต้าหู้เหม็นที่ผลิตมาจากที่ต่าง ๆ ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “แน่นอนครับ ! ”
เขาชี้ไปที่แผงขายตรงหน้าเขาแล้วพูดว่า “นี่คือเต้าหู้เหม็นของเทียนจิง เต้าหู้เหม็นของเทียนจิงจะเติมซุปลงไป หลังการหมักและกระบวนการอื่น ๆ สามารถรับประทานได้ทันทีหลังแปรรูปเสร็จ และมีลักษณะละเอียด นุ่ม หอม และสด”
เจ้าของแผงที่กำลังทอดเต้าหู้เหม็นอยู่ได้ยินจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เฮ้ ฉันเจอผู้เชี่ยวชาญเรื่องเต้าหู้เหม็นแล้ว ถึงกับรู้ขั้นตอนการทำว่ามีการเติมซุปลงในเต้าหู้เหม็นที่เราทำด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ผมไม่เพียงแต่รู้วิธีทำเต้าหู้เหม็นในเทียนจิงเท่านั้น แต่ยังรู้วิธีทำของที่อื่นด้วยนะครับ”
เจ้าของร้านยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามคุณได้ไหมว่าเต้าหู้เหม็นของจินหลิงมีลักษณะเป็นอย่างไร ? ”
เขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ถ้าคุณพูดถูก ฉันจะให้เต้าหู้เหม็นคุณฟรีชามหนึ่งไปเลย”