ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 684 ล็อตเตอรี่แห่งความหวัง
ตอนที่ 684 ล็อตเตอรี่แห่งความหวัง
หลังจากที่หลินต้ากั๋วและคนอื่นจากไปแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ให้หยางมี่พาเจิงเหลียงหยู เกาเทียนเยว่ และเมิ่งเหว่ยไปที่ห้อง 888
ตอนนี้เหลือแขกเพียงสองคนที่ลานหน้าบ้านคือฉีเย่ผิงและจางอี้เต๋อ
จางอี้เต๋อจึงกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ อย่าลืมคุยกับท่านผู้นำเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมล็อตเตอรี่ระยะยาวนะ”
ฉีเย่ผิงยังกล่าวอีกว่า “ขอเถอะ นี่เป็นเรื่องใหญ่ หากทำสำเร็จ ฉันจะให้เครดิตคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ไม่ต้องกังวลผู้นำทั้งสอง ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับลุงรองเขาด้วยนะครับ”
จางอี้เต๋อกล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งที่ดี ด้วยความสัมพันธ์ที่เขามีกับคุณ ท่านผู้นำควรจะเห็นด้วย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “เรื่องความสัมพันธ์อาจเป็นแค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าลุงรองของผมจะมีความตั้งใจนี้ แต่ก็อาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าจะเริ่มนำไปปฏิบัติได้”
ฉีเย่ผิงและจางอี้เต๋อต่างก็พยักหน้า
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก ขอแค่ท่านผู้นำอนุญาต นานแค่ไหนเราก็รอได้” จางอี้เต๋อกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เอาล่ะ ผมจะลองไปคุยกับลุงรองดูก่อน”
หลังจากพูดจบ เขาก็พูดกับจางอี้เต๋อว่า “พวกคุณเลือกพนักงานนวดเองได้เลยนะครับ ผมจะไปหาลุงรองก่อน”
จางอี้เต๋อยิ้ม “เอาล่ะ ไปทำหน้าที่ของคุณเถอะ ฉันจะดูแลเหล่าฉีให้เอง”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋จากไปแล้ว ฉีเย่ผิงก็เหลือบมองจางอี้เต๋อด้วยความประหลาดใจ “คุณเคยมาที่นี่แล้วหรือ ? ”
จางอี้เต๋อหัวเราะ “เจียงเสี่ยวไป๋มาหาผมเมื่อไม่กี่วันก่อน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับพิธีก่อตั้งเจียงเจียกรุ๊ป และเขาก็ได้พาผมมาที่นี่ตอนพูดคุยเรื่องงานกัน”
ฉีเย่ผิงพยักหน้ารับแล้วถามต่อ “การนวดเท้ามันเป็นอย่างไรงั้นเหรอ รู้สึกอย่างไรบ้าง……”
จางอี้เต๋อยิ้มแล้วพูดว่า “เหล่าฉี ไม่ต้องถาม แค่สนุกไปกับมันก็พอ”
เมื่อพูดแบบนั้น เขาก็เลือกพนักงานนวดที่เหลือสองคน และนำทางไปที่สวนหลังบ้าน
ฉีเย่ผิงเห็นแบบนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเดินตามเขาไป
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เข้าไปในห้อง 999 หลินต้ากั๋วก็นอนอยู่บนโซฟานวดทางด้านซ้าย ส่วนหลินเจียอินก็นอนอยู่บนโซฟานวดทางด้านขวา ทั้งสองคนแช่เท้าแล้ว ส่วนโซฟานวดตรงกลางว่างเปล่า เฉินเจียกำลังถือถังไม้สำหรับแช่เท้าเข้ามา
“ลุงรอง รู้สึกอย่างไรบ้างครับ ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถามขณะถอดเสื้อคลุมของเขาออกด้วยรอยยิ้ม และยื่นให้เฉินเจีย
หลินต้ากั๋วกล่าวว่า “เอาเท้าแช่ในฟองสบู่แบบนี้ค่อนข้างสบาย นี่ใช่ไหมที่นายบอกว่าจะพามาดูอะไรน่าสนใจยิ่งกว่าน่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋นอนลงบนโซฟานวด “ไม่ใช่เรื่องนี้แน่นอนครับ” ขณะที่เขาพูด เขาก็แช่เท้าลงในถัง จากนั้น เขาก็พูดต่อ “ลุงรอง สิ่งที่ผมวางแผนจะบอกลุงในวันนี้คือเรื่องการขายล็อตเตอรี่ครับ”
หลินต้ากั๋วพูดด้วยความประหลาดใจ “เรื่องล็อตเตอรี่งั้นเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าไม่ปิดบังอีกต่อไป และบอกโดยตรงถึงแผนการขายล็อตเตอรี่ระยะยาวในอนาคต
หลังจากบรรยายทุกอย่างออกมาแล้ว ในที่สุดหลินต้ากั๋วก็เข้าใจว่าเจียงเสี่ยวไป๋ต้องการขายล็อตเตอรี่ระยะยาว
เพียงแต่ไม่ได้เรียกว่าล็อตเตอรี่อีกต่อ แต่เป็นชื่อใหม่ที่เรียกว่า ‘ล็อตเตอรี่ ! ’
หลินต้ากั๋วครุ่นคิดอยู่นานและกล่าวว่า “การดำเนินการแบบนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างผลกำไรให้กับนายเท่านั้น เป็นการระดมเงินของผู้คนมาไว้ในมือของนาย มันไม่ได้เป็นผลดีต่อทั้งตลาดหรือความเป็นอยู่ของผู้คนเลย”
หลังจากหยุดชั่วขณะหนึ่ง เขาก็พูดอย่างจริงจังว่า “ธุรกิจของนายกำลังไปได้ดีแล้ว ดังนั้นอย่าหาเงินรูปแบบนี้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ลุงรอง หลักการในการหาเงินของผมคือผมยังคงยึดหลักปรัชญาของสุภาพบุรุษผู้รักเงินและรับมันไปในทางที่เหมาะสม ผมไม่มีทางหาเงินแบบผิดกฎหมายหรือไร้สติอย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้”
หลินต้ากั๋วพยักหน้า แต่พูดด้วยความประหลาดใจ “ในเมื่อนายมีความคิดนี้ ทำไมถึงยังพูดถึงเรื่องล็อตเตอรี่ให้ฉันฟังอีก”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ที่ผมหมายถึงคือให้ผลิตออกมาขายไปทั่วทั้งมณฑลตอนกลางของประเทศ และเงินกำไรที่ได้จะเอามาสนับสนุนหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งของมณฑล เช่น สนับสนุนหน่วยงานการศึกษา สนับสนุนด้านการแพทย์ ด้านการคมนาคม หรือด้านอื่น ๆ กล่าวโดยสรุปก็คือเอาเงินกำไรจากล็อตเตอรี่มาสนับสนุนในสาขาใดสาขาหนึ่ง และปล่อยให้สาขานั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด”
หลินต้ากั๋วมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง: นี่หรือคือสิ่งที่เด็กคนนี้คิด ?
ต้องบอกก่อนว่าเมื่อมีการผลิต “ล็อตเตอรี่” ออกมาขาย จะต้องได้กำไรมหาศาลอย่างแน่นอน หากนำเงินกำไรไปสนับสนุนหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หน่วยงานนั้นก็จะต้องมีการพัฒนาอย่างแท้จริง
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “นายคิดว่าหน่วยงานใดเหมาะสมที่สุดที่เราจะสนับสนุน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุขเมื่อได้ยินคำถามนี้ การที่หลินต้ากั๋วถามประโยคนี้ออกมา นั่นหมายความว่าเขารู้สึกประทับใจแล้ว เขาจึงตอบทันทีว่า “การปลูกต้นไม้อาจใช้เวลาเพียงแค่สิบปี แต่การปลูกฝังผู้คนใช้เวลาหนึ่งร้อยปี การศึกษาเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุด และเป็นสิ่งที่รับรองอนาคตของประเทศชาติได้ดีที่สุด ถ้าให้ผมเลือก ผมจะเอากำไรที่ได้ไปสนับสนุนการศึกษา สร้างโรงเรียนประถมศึกษา และฝึกอบรมครูให้มีความรู้ความสามารถยิ่งขึ้น”
หลินต้ากั๋วเชื่ออย่างลึกซึ้งในประเด็นนี้ “นายพูดถูก เด็กคือความหวังของประเทศ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “เราจะเริ่มโครงการแห่งความหวัง และเอากำไรที่ได้จากการขายล็อตเตอรี่นี้มาสร้างโรงเรียนแห่งความหวังขึ้นมา”
“ความหวัง ! ”
“โครงการแห่งความหวัง ! ”
“ล็อตเตอรี่แห่งความหวัง ! ”
หลินต้ากั๋วพึมพำกับตัวเอง หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของเขาก็มั่นคงและเขาพูดอย่างเด็ดขาด “เสี่ยวไป๋ ข้อเสนอของนายดีมาก โดยหลักการแล้วฉันเห็นด้วยและสนับสนุน แต่การดำเนินการยังคงต้องเป็นไปตามขั้นตอนและถูกต้องตามกฎระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการจัดการกับเงินกำไรที่ได้ วิธีเก็บและใช้เงินทุนเหล่านี้ และวิธีควบคุมการใช้เงินทุน ล้วนจำเป็นจะต้องมีการวางแผนอย่างรอบครอบ ไม่เช่นนั้นก็จะนำไปสู่การทุจริตได้”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ง่าย ผมจะกลับไปคิดแผนการมาให้ลุงได้ลองศึกษาและตัดสินใจดูครับ”
หลินต้ากั๋วรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินประโยคนี้ “เยี่ยมมาก ฉันหวังว่านายจะทำมันเสร็จโดยเร็วที่สุด”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ลุงรอง แผนการไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่ผมต้องการสื่อสารกับลุงคือเรื่องที่ว่าโครงการแห่งความหวังจะขยายตัวได้ใหญ่แค่ไหน”
หลินต้ากั๋วถามด้วยความประหลาดใจว่า “นายหมายถึงอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ในตอนแรก ฉีเย่ผิงและจางอี้เต๋อเป็นผู้เสนอให้เมืองชิงโจวสนับสนุนกิจกรรมการขายล็อตเตอรี่ระยะยาวของผม”
หลินต้ากั๋วตกตะลึงและพูดว่า “ฉันไม่คาดคิดว่าทั้งสองคนจะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเช่นนี้ ไม่เลวเลย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะมีวิสัยทัศน์ที่ดี แต่พวกเขากลับเพิกเฉยต่อประเด็นสำคัญ ซึ่งก็คือเรื่องขนาดขององค์กร”
“สำหรับการขายล็อตเตอรี่ระยะสั้นนั้น หากคุณมีเงินเพียงพอที่จะลองมาซื้อดูสักครั้งสองครั้งก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าต้องการขายล็อตเตอรี่ระยะยาว คงไม่มีใครมีเงินมากขนาดนั้น เมืองชิงโจวนั้นเล็กเกินไปที่จะสนับสนุนเรื่องนี้แบบในระยะยาว ในอนาคตจะไม่มีใครสนใจ และกิจกรรมนี้ก็จะยุติไปในที่สุด”
หลินต้ากั๋วคิดอย่างรวดเร็ว และพยักหน้าเห็นด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แม้แต่ในภาคกลางของจีน หากต้องการดำเนินเรื่องนี้ในระยะยาวก็ยังเสี่ยงอยู่เล็กน้อย ในตอนแรกอาจได้รับความนิยมมาก แต่หลังจากความกระตือรือร้นในช่วงแรกผ่านไป มันก็จะจืดจางลง”
หลินต้ากั๋วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ แล้วพูดว่า “นายหมายถึง……นายอยากทำทั่วประเทศเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ทั้งประเทศจีนของเรามีประชากรมากกว่า 800 ล้านคน ผมหวังว่าประชากรเท่านี้คงเพียงพอที่จะสนับสนุนกิจกรรมนี้ต่อไปในระยะยาวได้”
หลินต้ากั๋วพยักหน้า แต่ถ้าเริ่มใช้โครงการนี้ในภาคกลางของจีน เขาก็จะมีผลงานที่ใช้ในการเลื่อนตำแหน่งได้ แต่ถ้ามีการดำเนินการทั่วประเทศ ผลงานนี้ก็จะไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
แต่เขาไม่อยากยอมแพ้กับโครงการคุณภาพสูงเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลึกซึ้ง