ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 437 เรื่องราวที่เป็นความจริง
ตอนที่ 437 เรื่องราวที่เป็นความจริง
ในช่วงเวลาสำคัญนี้ คนที่เป็นฝ่ายออกมายืนคุมเชิงกับ BOSS เลเวลเก้าสิบหกอย่างเยี่ยเอ้อร์เหนียงไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่ไม่ถนัดการลงไม้ลงมือนั่นเอง ตอนนี้กลายเป็นหลวงจีนหลิวอวิ๋นที่ถือศีลงดฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั่นเอง
จู่ๆ ก็มีหลวงจีนหนุ่มกระโดดออกมาขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง เยี่ยเอ้อร์เหนียงที่เดิมทีเกิดจิตสังหารก็ขมวดคิ้วทันที นางยกดาบค้างไว้กลางอากาศ จากนั้นเก็บดาบแล้วถอยหลังก้าวหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นว่า “หลวงจีนกระจอกจากที่ไหน กล้ามาเผชิญหน้ากับข้า”
หลิวอวิ๋นยิ้มบางๆ ตอบว่า “ผู้น้อยหลิวอวิ๋นศิษย์สำนักเส้าหลิน ขอบังอาจเชิญให้ผู้อาวุโสวางดาบฆ่าคน”
เยี่ยเอ้อร์เหนียงได้ยินแล้วหัวเราะลั่น จากนั้นกล่าวด้วยสายตาดุร้าย “ช่างบังอาจจริงๆ! หลวงจีนน้อย เจ้าอาศัยอะไรถึงคิดว่าข้าจะเชื่อฟังเจ้า” ตอนที่นางพูดก็ชักดาบออกมาตั้งตรงหน้าอกอีกครั้ง ตั้งท่าเหมือนพร้อมฟันตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่ลงมือ
พอหลิวอวิ๋นได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนยิ่งขึ้น “ผู้น้อยได้รับการอบรมจากเจ้าอาวาสหลายครั้ง ลูกศิษย์ชาวพุทธฝึกยุทธ์ไม่ใช่เพื่อใช้กำลังเอาชนะกัน แต่ต้องใช้ทักษะยุทธหยุดการต่อสู้ต่างหาก…
…เจ้าอาวาสกล่าวไว้ว่า ทักษะยุทธ์ใช้สังหารคนได้ แต่ก็ใช้ช่วยชีวิตคนได้เช่นกัน…
…เจ้าอาวาสยังบอกอีกว่า ช่วยชีวิตคนเพียงหนึ่งคน ได้กุศลยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น …
…ผู้อาวุโสดูแล้วเหมือนไม่ใช่คนเลวร้าย หากลงมือกับสหายของผู้น้อยจริงๆ จะต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน ไม่ว่าจะบาดเจ็บที่ผู้อาวุโส หรือเป็นฝั่งสหายของผู้น้อยก็ไม่ดีทั้งนั้น…
…ผู้อาวุโสได้โปรดฟังผู้น้อยสักครั้ง หากวางดาบฆ่าคนได้ ไม่ติดกรรม…
…หากผู้อาวุโสดึงดันจะคิดว่าให้ดาบเจอเลือดถึงจะคลายความแค้นในใจได้ อาตมาก็ยินดีไม่หลบไม่ต่อต้าน รับสามดาบของผู้อาวุโสเพื่อคลายปมความแค้นครั้งนี้เป็นอย่างไร”
“หึหึ…ฮ่าๆๆๆ…” เมื่อเห็นท่าทางพลีชีพเพื่อสัจธรรมและพูดจาเด็ดขาดชอบธรรมของหลิวอวิ๋น เยี่ยเอ้อร์เหนียงก็พลันหัวเราะลั่นอย่างคลุมเครืออยู่พักหนึ่ง หัวเราะจบแล้วก็ฟันดาบทันที ฟันตรงลงมากลางศีรษะหลิวอวิ๋น “เจ้าคิดว่าเจ้าอ้างชื่อหลวงจีนเสวียนฉือของวัดเส้าหลินแล้วข้าจะกลัวเจ้าอย่างนั้นหรือ น่าขำจริงๆ!”
ดูจากท่าทางนี้ คงจะต้องการฟันให้หลวงจีนจิตแพทย์ศีรษะแยกเป็นชิ้นๆ แน่นอน!
พวกเยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างหลังหลิวอวิ๋น พอเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็จะลงมือช่วย แต่ฉุกละหุกขนาดนั้นจะช่วยทันได้อย่างไร
ดังนั้น พวกเขาจึงได้แต่มองดาบในมือเยี่ยเอ้อร์เหนียงฟันไปบนศีรษะโล้นของหลิวอวิ๋นตาปริบๆ ทำอะไรไม่ได้แล้วเช่นกัน
“อามิตตาพุทธ!” ส่วนหลิวอวิ๋นที่เป็นหนังหน้าไฟ กลับมองดูท่าไม้ตายที่มาเยือน แล้วหลับตาลงโดยไม่หลบหลีก เพียงประนมมือพร้อมเอ่ยนามพระพุทธเจ้าออกมาเท่านั้น
วินาทีต่อมา ดาบในมือของเยี่ยเอ้อร์เหนียงที่อยู่ห่างจากหนังศีรษะหลิวอวิ๋นไม่เกินหนึ่งชุ่นก็หยุดชะงัก เป็นการเปลี่ยนแปลงระหว่างความวู่วามและความสงบ กะทันหันจนมองไม่ออกเลยสักนิด
เยี่ยเอ้อร์เหนียงรักษาท่าฟันดาบเอาไว้แบบเดิม พลันเผยรอยยิ้มที่สื่อความหมายล้ำลึก “นึกไม่ถึงว่าหลวงจีนน้อยอย่างเจ้าก็มีความกล้าหาญอยู่บ้างเหมือนกัน ช่างเถอะ วันนี้เห็นแก่หน้าของเจ้า ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่…ถ้าเย่ว์เหล่าซานไม่ยอมเลิกรา ข้าก็นิ่งดูดายตอนเห็นพวกเจ้าสังหารเขาไม่ได้
…ดังนั้น ถ้าเจ้าอยากจะยกเลิกการต่อสู้สนามนี้ ก็ต้องหาทางโน้มน้าวเย่ว์เหล่าซานให้ได้” เยี่ยเอ้อร์เหนียงอมยิ้มขณะมองหลิวอวิ๋น “แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน เจ้านั่นเป็นคนโง่ คำพูดโน้มน้าวของเจ้าใช้ไม่ได้ผลกับเขาหรอก”
“ข้าคือเย่ว์เหล่าเอ้อร์!” ตอนนี้กลับเห็นเย่ว์เหล่าซานหยิบกรรไกรปากจระเข้ที่หน้าตาดุร้ายออกมา แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เย่ซานเหนียง ถ้าเจ้าจะเป็นฝ่ายทิ้งการต่อสู้ครั้งนี้ก่อน นั่นก็เรื่องของเจ้า แต่เดิมพันของพวกเราก่อนหน้านี้ยังเหมือนเดิม ดังนั้น หึหึ…ตั้งแต่วันนี้ไป ทุกคนในยุทธภพจะต้องยอมรับว่าข้าคือเย่ว์เหล่าเอ้อร์ ส่วนเจ้าก็คือเย่ซานเหนียง!”
“เย่ว์เหล่าซาน!” ตอนที่เย่ว์เหล่าซานเตรียมจะเปิดฉากสังหารอย่างตื่นเต้น ซานเย่ว์ที่เลี้ยวกลับมาแล้วก็ขวางอยู่ตรงหน้าเขา “เจ้าอยากจะเป็นไอ้ตะพาบน้ำสารเลวที่ทรยศอาจารย์ตัวเองอย่างนั้นหรือ”
“ข้า!…” เมื่อเห็นอาจารย์จอมเอาเปรียบอย่างซานเย่ว์ปรากฏตัว เย่ว์เหล่าซานก็รู้สึกแย่ไปทั้งตัว
แม้จะเคยพูดไปในภารกิจแล้ว ซานเย่ว์ทำได้เพียงเรียกเย่ว์เหล่าซานเลเวลเจ็ดสิบมาช่วยต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกศิษย์จอมเอาเปรียบคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับร่างแท้ของเย่ว์เหล่าซาน
ที่จริงแล้ว ขอเพียงร่างแท้ของเย่ว์เหล่าซานมาอยู่ต่อหน้า เมื่อเจอซานเย่ว์ก็จะต้องเรียกนางว่าอาจารย์แต่โดยดีแน่นอน
แต่เย่ว์เหล่าซานไม่อยากเรียกแม่นางน้อยคนนี้ว่าอาจารย์จริงๆ เจ้าหมอนี่จึงกลอกตา หันหน้าหนีแล้ววิ่งไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา อย่างไรเสียซานเย่ว์ก็ไม่ได้สั่งให้เขาทำอะไร ถ้าหนีไปตอนนี้ ก็ไม่ต้องเรียกนางว่าอาจารย์แล้วไม่ใช่หรอกหรือ
ข้านี่ช่างมีไหวพริบจริงๆ!
เย่ว์เหล่าซานผู้ฉลาดปราดเปรื่องหนีไปแล้ว เยี่ยเอ้อร์เหนียงที่วางดาบฆ่าคนก็หัวเราะแล้วใช้ท่าร่างหนีไปไกลแล้วเช่นกัน
แล้วก็ผ่านไปอย่างนี้ ศึกเดือดที่ทำให้ตายยกกลุ่มได้ถูกหลิวอวิ๋นกับซานเย่ว์ทำให้สลายหายไปแล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มชื่นชม เก็บกระบี่แสงทองอีกครั้ง แล้วบอกหลิวอวิ๋นว่า “สหายหลิวอวิ๋น ยินดีกับเจ้าแล้ว”
เกี่ยวกับข้อมูลของเยี่ยเอ้อร์เหนียง ก่อนหน้านี้เจ้าอ้วนชนะฟ้าไม่ได้บอกพวกเขาละเอียด แต่อินปู้คุยก็เขียนไว้ในกลยุทธ์ที่ส่งมาแล้วเช่นกัน
เยี่ยเอ้อร์เหนียงเดิมทีก็เป็นหญิงชู้ของเจ้าอาวาสเสวียนฉืออยู่แล้ว วันนี้หลิวอวิ๋นผูกกรรมดีกับนาง จะต้องได้รับค่าความรู้สึกดีจากเสวียนฉืออย่างราบรื่นแน่นอน รอบนี้ไม่ขาดทุนเลยจริงๆ
ส่วนเจ้าอ้วนชนะฟ้าพอได้ยินก็ยิ้มบอกว่า “นอกจากข้าแล้ว ดูท่าพวกเจ้าสองคนคงมีแหล่งข้อมูลเนื้อเรื่องจากที่อื่นอีกสินะ”
พูดจบทั้งสามก็สบตากันแล้วยิ้ม ไม่มีใครเอ่ยถึงประเด็นนี้อีก
พอลองคำนวณดูแล้ว ในบรรดาสี่คนโฉดต้วนเหยียนชิ่งมีศักยภาพเพียงพอที่จะบดขยี้ผู้เล่นทุกคนในปัจจุบันได้ พวกเยี่ยเว่ยหมิงอยากจะฆ่าเขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี ส่วนอีกสามคนที่เหลือ เยี่ยเอ้อร์เหนียงเป็นหญิงชู้ของเสวียนฉือ เย่ว์เหล่าซานเป็นลูกศิษย์ของซานเย่ว์…
อวิ๋นจงเฮ่อเนื่องจากเสียเปรียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทักษะยุทธ์อ่อนแอที่สุดในบรรดาสี่คนโฉด ประกอบกับไม่มีเบื้องหลัง ดังนั้น…เขาจึงตายแล้ว
นี่ก็คือเรื่องราวที่เป็นความจริง…
……
เมื่อแก้ไขความยุ่งยากทางฝั่งสี่คนโฉดได้แล้ว ทุกคนก็ทำตามที่เยี่ยเว่ยหมิงวางแผนไว้ ให้หลิวอวิ๋นกับเจ้าอ้วนชนะฟ้าคุ้มกันส่งจงหลิง ส่วนคนอื่นก็รีบกลับหุบเขาว่านเจี๋ยเพื่อดูว่าทางนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อพูดถึงการเร่งเดินทาง ย่อมเป็นเยี่ยเว่ยหมิงที่วิ่งเร็วที่สุด ซานเย่ว์เป็นอันดับสอง ส่วนอีกสามคนก็อยู่ข้างหลังซานเย่ว์ เมื่อเทียบกับตอนมา ก็กล่าวได้ว่าตอนนี้ซานเย่ว์มาแทนตำแหน่งของหลิวอวิ๋นก่อนหน้านี้
สาเหตุที่ซานเย่ว์ทำได้ถึงขั้นนี้ ก็ต้องขอบคุณ ‘กระเรียนเหนือฟ้า’ ที่ได้จากอวิ๋นจงเฮ่อ ทำให้ท่าร่างกับค่าตบะเพิ่มขึ้นเยอะมาก…
ช่างเป็นคนดี!
พวกเขารีบวิ่งไปทางหุบเขาว่านเจี๋ยตลอดทาง จู่ๆ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังมา
เยี่ยเว่ยหมิงโคจรพลังไปที่สองตาแล้วจ้องไปตามเสียง ก็เห็น NPC ตัวเตี้ยคนหนึ่งกำลังถูกผู้เล่นสามคนไล่ฆ่า
อีกฝ่ายแม้จะตัวเตี้ย แต่ท่าร่างกลับเร็วสุดๆ เพียงแต่ถูกสามคนข้างหลังพัวพัน ตอนนี้จึงยังหนีจากการต่อสู้ไม่ได้
ดูจากค่าสเตตัสที่ NPC แสดงออกมาก็รู้แล้ว ว่าเขาจะทนได้อีกไม่นาน
[ปาเทียนสือ]
หนึ่งในสามขุนนางแห่งต้าหลี่ ยอดวิชาตัวเบาแห่งยุค
เลเวล: 88
พลังชีวิต: 88465/390000
กำลังภายใน: 266310/280000
……
พลังชีวิตเหลือไม่ถึงหนึ่งในสี่ สำหรับ BOSS คนหนึ่งถือเป็นสภาวะที่อันตรายมาก!