ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 118 สู้กับเหยียนจี
ปัง!
เมื่อสิ้นเสียงของสะพานสวรรค์น้อย ประตูบ้านมุงฟางก็ถูกเหยียนจีปิดจากข้างในอีกครั้ง พวกเยี่ยเว่ยหมิงยืนอยู่ด้านนนอก ไม่มีทางมองเห็นสภาพภายในห้องได้เลย
ขณะเดียวกัน เสียงอันลำพองใจของเหยียนจีก็ดังมาจากในบ้าน “ฝีมือแม่นางน้อยก็ไม่เลว นับว่าเจ้าเด็กนั่นดวงแข็ง ข้ายังยืนยันคำเดินก่อนหน้านี้ ยินดีต้อนรับพวกเจ้าเข้ามาดื่มชาทุกเมื่อ ฮ่าๆ…”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันกำเริบเสิบสานของเหยียนจี สีหน้าเฟยอวี๋ย่ำแย่ไร้ที่เปรียบ นี่คือสิ่งที่แสดงออกมาภายนอกหลังจากถูกพิษ
ถังซานไฉ่ใช้สองมือประคองไหล่เฟยอวี๋ เหมือนกลัวว่าสหายรักของตัวเองจะล้มลงกะทันหัน จากนั้นหันมาถามเยี่ยเว่ยหมิงว่า “สหายเยี่ย เจ้ามีความคิดมากมาย มีวิธีแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้านี้หรือเปล่า”
“วิธีแก้ปัญหาหรือ” สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงไปหยุดอยู่บนกองฟืนข้างเรือน แล้วตอบพร้อมยิ้มบางๆ “มันก็ชัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
“พี่ใหญ่เยี่ย ท่านหมายความว่าอย่างไร” สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วอยากรู้มาก
“สาเหตุที่ทุกคนถูกบ้านมุงฟางเล็กๆ หลังนี้ทำให้ลำบาก ที่จริงก็เป็นเพราะความเคยชินในเกมทำให้เข้าใจผิด คิดว่าไม่มีทางทำลายฉากในเกมได้”
ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็เดินเข้ามาในเขตลานบ้านแล้ว เขากวักมือเรียกกระบี่ชิงจู๋มาไว้ในฝ่ามือ จากนั้นโบกและตวัดอย่างละหนึ่งที ฟืนมัดใหญ่ถูกเขาใช้กระบี่ตวัดจนกระเด็นขึ้นไปตกกระทบผนังของบ้านมุงฟาง ทั้งให้บ้านมุงฟางสั่นสะเทือนทั้งหลัง
จากนั้นก็หมุนคมกระบี่ ฟืนมัดที่สองถูกตวัดขึ้นมาอีก “แต่เกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ไม่เหมือนเกมออนไลน์ทั่วไป ต่อให้เป็น NPC ก็ต้องกินต้องดื่มหมือนกัน พวกเราแค่ต้องใช้ฟืนกลบบ้านหลังนี้ไว้ ให้เขาออกมาไม่ได้ ก็จะทำให้เจ้าคนที่เชี่ยวชาญพิษคนนี้หิวตายแล้ว ไม่น่าดีใจหรอกหรือ!”
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดอย่างนี้ ถังซานไฉ่กับสะพานสวรรค์น้อยก็เผยสีหน้าเหมือนกำลังด่าว่า ‘มารดาเจ้าเถอะ ล้อเล่นอะไรกัน’ แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร สนใจแต่พูดเร่ง “อย่ามัวแต่ยืนดูเอาสนุก รีบมาช่วยกัน!”
หลังจากทั้งสองสบตากัน สะพานสวรรค์น้อยก็ก้าวขึ้นมาช่วยทันที ส่วนถังซานไฉ่ก็อยากประคองเฟยอวี๋ไปนั่งพักข้างๆ ก่อน แต่เจ้าตัวห้ามด้วยสีหน้าคร่ำเครียด “ข้าก็แค่ออกแรงไม่ไหวหลังจากถูกพิษ ยังไม่ถึงขั้นยืนไม่ไหวหรอก เมื่อครู่ตอนเข้าบ้านไป นั่นคือปฏิกิริยาตามธรรมชาติของคนเพิ่งถูกพิษ ครั้งนั้นไม่นับ”
“ก็ได้!”
แม้จะมองออกว่าเฟยอวี๋รักศักดิ์ศรีหน้าตามาก แต่ถังซานไฉ่ก็ยังปล่อยเขาอย่างให้ความร่วมมือมาก แล้วนำกระบี่ลมสนออกมา เข้าร่วมการตวัดฟืนด้วยเช่นกัน
ชั่วขณะนั้น แสงสะท้อนคมกระบี่วิบวับ ฟืนกระเด็นเต็มท้องฟ้าท่ามกลางแสงกระบี่ ไม่นานก็ล้อมบ้านมุงฟางของเหยียนจีเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้ว
ฟิ้ว…ตุ้บ!
หลังจากโยนฟืนแห้งกองสุดท้ายไว้ข้างบ้านมุงฟาง เยี่ยเว่ยหมิงก็แบมือยักไหล่ “เรียบร้อย ภารกิจเสร็จสิ้น ตอนนี้พวกเราเฝ้าอยู่ตรงนี้ก็พอ หาอะไรกินไปพลาง นั่งรอให้เหยียนจีหิวตายไปพลาง”
“หึ! เจ้าคนจอมปลอม…” เสียงฮึดฮัดแสดงความเหยียดหยามดังขึ้น เฟยอวี๋ก้าวออกมาข้างหน้าแล้ว นำตะบันไฟกับคบเพลิงออกจากห่อสัมภาระ พร้อมบอกว่า “ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ข้าจะเป็นคนเลวคนนั้นเองก็แล้วกัน!”
ขณะที่พูด เขาก็ใช้ตะบันไฟจุดคบเพลิงแล้ว จากนั้นออกแรงโยนคบเพลิงให้ไปตกบนฟืนแห้งรอบบ้านมุงฟาง ไฟเริ่มลามเร็วมาก
หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ เฟยอวี๋ก็หันกลับมามองเยี่ยเว่ยหมิง แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็นมากว่า “เมื่อครู่เพิ่งได้รับข้อความเตือนจากระบบ ว่าข้าถูกหักค่าวีรบุรุษ 20 แต้มเพราะวางเพลิง ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นบ้าน ข้างในยังมีเจ้าไข่เน่าที่น่ารังเกียจอยู่ด้วย ดังนั้นการลงโทษของระบบก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเงียบไปสองวินาที “ที่จริงความคิดเดิมของข้าก็คือ แค่แสร้งว่าจะวางเพลิงเผาบ้าน เหยียนจีจะต้องกระโดดออกมาเองแน่นอน ค่าวีรบุรุษอะไรนั่น ไม่ต้องหักเลยสักนิด”
“ข้าขอใช้ภาษาไร้อารยธรรมมาด่าเจ้าได้หรือเปล่า” เฟยอวี๋ถาม
“ระบบจะปิดกั้นภาษาไร้อารยธรรมของเจ้าโดยอัตโนมัติ แล้วจะถือโอกาสหักค่าวีรบุรุษของเจ้าด้วย เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย” เยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกว่าไม่ถือสา
เฟยอวี๋ [凸(艹皿艹)]
ตอนที่ผู้เล่นทั้งสองของสำนักมือปราบเทพเริ่มบทสนทนาอย่างเป็นมิตร ไฟก็ลามเป็นบริเวณกว้างแล้ว มุมหนึ่งของบ้านมุงฟางถูกไฟเผาแล้ว
จนกระทั่งตอนนี้ เหยียนจีที่อยู่ในบ้านถึงได้ทนไม่ไหว เปิดประตูบ้านออกมา จากนั้นก็ใช้เท้าเตะฟืนหลายมัดที่อุดประตูอยู่จนกระเด็นออกไป
“ไอ้พวกเด็กเปรตนี่ บังอาจมาวางเพลิงเผาบ้านข้า พ่อจะเล่นงานให้ตายกันไปข้าง!” เมื่อเสียงคำรามดังขึ้น เหยียนจีก็พุ่งตัวออกจากบ้านที่กำลังถูกวางเพลิงแล้ว ใช้ดาบหัวผีในมือโจมตีแสกหน้ามาทางตัวการวางเพลิงอย่างเฟยอวี๋
ออกมาแล้วจริงๆ ด้วย!
“หน้าบุปผาใต้แสงจันทร์!”
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็เรียกสะพานสวรรค์น้อยทันที แล้วทั้งสองก็ใช้กระบี่โจมตีเหยียนจีพร้อมกัน
กระบี่วิเศษของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยยามใช้กระบวนท่านี้ เล่มหนึ่งโจมตีอย่างดุดันจากมุมสูง อีกเล่มหนึ่งกำลังแกว่งไกวเพื่อหาโอกาสโจมตี ทำเอาเหยียนจีตาลายหมดแล้ว
แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ BOSS แท้ในโหมดภารกิจ เมื่อเทียบกับ BOSS ประเภทเดียวกันในโหมดภารกิจ BOSS ไม่เพียงแค่ค่าสเตตัสในด้านต่างๆ สูงกว่ามาก แต่ในด้านสติปัญญาก็สูงกว่าด้วยเหมือนกัน
เมื่อเห็นการโจมตีอันดุดันของทั้งสอง เหยียนจีก็หยุดการโจมตีแบบเดิมอย่างไม่ลังเล พอหมุนคมกระบี่ในมือ กลับป้องกันจุดสำคัญบนตัวไว้ได้อย่างแน่นหนา ไม่น่าเชื่อว่าจะอาศัยความสามารถของตัวเองต้านการโจมตีจากเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยได้แล้ว!
ท่านี้ชื่อว่า ‘ดาบเร้นแปดทิศ’ เดิมทีเป็นกระบวนอันท่าร้ายกาจของ ‘เคล็ดดาบตระกูลหู’ ซึ่งทำได้ทั้งโจมตีและป้องกัน ตอนนี้เหยียนจีหยุดการรุกโจมตีโดยสมบูรณ์แล้ว แต่แสดงประสิทธิภาพการป้องกันออกมาอย่างเต็มที่!
เสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้นสองครั้งอย่างชัดเจน กระบี่ยาวของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยทยอยกันกระแทกบนดาบหัวผีของเหยียนจี
ความจริงได้พิสูจน์แล้ว กระบี่คู่ผนึกรวมก็ยังคงเป็นกระบี่คู่ผนึกรวม ต่อให้มีจุดอ่อนต่างๆ ที่ทำให้เกิดช่องโหว่ชัดเจน แต่ประสิทธิภาพกลับไม่ใช่สิ่งที่ทักษะยุทธ์ทั่วไปจะเทียบติด เมื่อทั้งสองโจมตีสุดพลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้เหยียนจีจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ร่างกายที่ผอมแห้งกลับสะเทือนจนถอยหลังต่อเนื่องสิบกว่าก้าว
เขาที่เพิ่งพุ่งออกจากบ้านมุงฟาง ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกสองคนนี้โจมตีจนต้องถอยกลับทางเดิม!
และหลังจากการโจมตีนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ลอยลงมาเหยียบพื้นแล้ว สะพานสวรรค์น้อยกลับทะยานตัวขึ้นมาโดยอาศัยแรงสะท้อนกลับของดาบกับกระบี่ที่ชนปะทะกันก่อนหน้านี้ แล้วเหยียบบนบ่าซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิง
คนหนึ่งองอาจผึ่งผาย อีกคนล่องลอยราวกับเทพเซียน กระบี่ยาวในมือทั้งสองชี้ไปยังเหยียนจีที่อยู่ในบ้านมุงฟางพร้อมกัน ราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ลงมาร่วมมือกับวีรบุรุษบนดินเพื่อต่อต้านมารร้ายจากนรก!
ฉากที่ดูเหมือนละครยอดยุทธ์คุณธรรมถูกยกระดับให้เป็นฉากละครเทพเซียนทันที เฟยอวี๋กับถังซานไฉ่ที่ดูอยู่ข้างๆ กลุ้มใจมาก เฟยอวี๋ถามถังซานไฉ่อย่างหมดแรงว่า “เจ้ารู้สึกอย่างไร”
“รู้สึกเหมือนโดนป้อนอาหาร[1]สุนัข ทั้งยังป้อนแบบบังคับยัดเข้าปากด้วย” ถังซานไฉ่ตอบด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ทั้งยังเป็นอาหารสุนัขรสมะนาวด้วย มารดาเจ้าเถอะ” เฟยอวี๋พยักหน้า
ไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมของทั้งคู่ สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงจ้องค่าสเตตัสของเหยียนจีที่เพิ่งปรากฎขึ้นมาเหนือศีรษะ
[เหยียนจี]
หมอพิษใจดำ มีความรู้เคล็ดวิชาดาบลึกซึ้ง
เลเวล: 32
พลังชีวิต: 21200/21200
กำลังภายใน: 9750/10000
BOSS เลเวลสามสิบสองคนหนึ่ง แต่ค่าสเตตัสกลับสูงกว่าหลินจื้อเพ่ยเลเวลสามสิบห้าที่มาจากสำนักฉวนเจินเสียอีก และ BOSS เลเวลสามสิบสองคนนี้ก็ถึงขั้นต้านการโจมตีจากกระบี่คู่ผนึกรวมที่แม้แต่ BOSS เลเวลสี่สิบอย่างอวี๋ชางไห่ก็ยังต้านไม่ไหว!
BOSS ที่อยู่ในโหมดปกติกับโหมดภารกิจเป็นคนละเรื่องกันเลยจริงๆ!
“สองคนนี้ช่างร้ายกาจ!”
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่มีผู้เล่นคนไหนกล้าบุ่มบ่ามเข้าไปในบ้านของเหยียนจี แต่เหยียนจีก็ไม่กล้ารออยู่ข้างในนานเช่นกัน เพราะไฟกำลังลามไปเรื่อยๆ หากเขาไม่อยากถูกเผาตายทั้งเป็น ก็จะต้องหาทางพุ่งออกมาให้ได้
เขามองเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยที่ดักอยู่หน้าประตูใหญ่ คิดว่าหนีออกจากเส้นทางนี้ไม่ได้แน่นอน
เหยียนจีกลอกตามองหาช่องทาง แล้วพลันกระโดดขึ้นมาตรงริมหน้าต่าง ใช้ดาบฟันหน้าต่างจนพังก็กระโดดออกมา จากนั้นก็ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยไล่โจมตี เขาพลิกดาบที่อยู่ในมืออีกครั้ง ใช้ดาบตวัดฟืนที่กำลังเผาไหม้ให้กระเด็นออกไปเสียเลย พอฟืนที่เดิมทีอยู่รวมกันเป็นมัดถูกเขาตวัดขึ้น ก็กระจายตกลงพื้นทันที โปรยลงมาเป็นวงกว้างตรงบริเวณที่เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์อยู่ราวกับเป็นดอกไม้ไฟ
ในขณะเดียวกันนี้เอง เท้าของเหยียนจีก็แสดงประสิทธิภาพความเร็วออกมาอย่างเต็มที่ พุ่งไปหาเฟยอวี๋ที่ไร้แรงต้านทานกับถังซานไฉ่ที่เฝ้าอยู่ข้างกายทันที
ไม่น่าเชื่อว่าเขาคิดจะใช้อีกฝั่งหนึ่งเป็นช่องโหว่เพื่อหนีออกมา ทั้งยังมีความคิดว่า ‘ฆ่าได้คนเดียวไม่ขาด ฆ่าได้สองคนถือเป็นกำไร’ ด้วย
ไม่ว่าเขาจะมีความคิดอย่างไร เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์กลับเคลื่อนไหวพร้อมกันแล้ว
สะพานสวรรค์น้อยพลันหมุนตัวด้วยความเร็ว กระบี่ยาวในมือขวา ผ้าแพรขาวในมือซ้ายม้วนขึ้นมาพร้อมกัน ใช้วิชาพื้นฐานของสำนักสุสานโบราณอย่าง ‘แหฟ้าตาข่ายดิน’ ดีดไม้ติดไฟที่กำลังโจมตีมายังทั้งสองคนจนกระเด็นออกไปหมดได้อย่างง่ายดาย
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงงอนิ้วมือซ้าย ชี้กระบี่ไปยังเหยียนจีพร้อมจะโกนว่า “หันหัวเข้ามา!”
ทว่า สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงนึกไม่ถึงเลยก็คือ เอฟเฟ็กต์ยั่วเย้าที่เขาใช้กับ BOSS ได้อย่างราบรื่นมาตลอด ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้จะใช้ไม่ได้ผลกับเหยียนจี
ชั่วพริบตาที่เหยียนจีเห็นฝ่ายตรงข้ามใช้งาน ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เหงื่อก็แตกไปทั่วตัวทันที จากนั้นก็ไม่เพียงแค่ไม่หยุดฝีเท้าเท่านั้น ทั้งยังพุ่งสังหารไปยังเฟยอวี๋กับถังซานไฉ่เร็วกว่าเดิมด้วย
BOSS ที่อยู่ในโหมดปกติ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเอฟเฟ็กต์ยั่วเย้าของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เคลื่อนไหวทุกอย่างโดยอาศัยการตัดสินใจของตัวเอง
เยี่ยเว่ยหมิงคิดว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือที่มีจำนวนน้อยท่ามกลางผู้เล่น แม้แต่สาวน้อยชุดแดงที่ใช้วิธีการร้ายกาจก็ยังถูกเขาควบคุมได้แน่นหนา ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้จะถูกเหยียนจีกระจอกๆ คนหนึ่งให้บทเรียนอีกแล้ว!
ใครจะไปทนไหว
[1] ป้อนอาหารสุนัข 吃狗粮 ศัพท์แสลงจีน หมายถึงคนโสดที่ได้เห็นคู่รักพลอดรักกัน