ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ - ตอนที่ 68
“ขอโทษ…”
มินาโตะก้มหัวให้กับเฟ หลังจากที่ได้รับรายงานจากซอร์ดเธอก็รีบตรงดิ่งเพื่อมาแจ้งให้เฟทราบทันที
“อยู่ที่ไหน…”
“ทางชายป่าด้านตะวันออกที่นั้นจะมีกระท่อมเล็กๆอยู่ ถ้าวิ่งไปก็น่าจะราวๆครึ่งชม.ถึงแล้วละ”
“เข้าใจแล้วละครับ”
เฟเดินจากไปทันทีที่ทราบตำแหน่งที่เขาต้องไป แต่มินาโตะก็จับไหล่ของเขาไว้เพื่อรั้งเขาไว้
“เรายังคุยกันไม่จบนะเฟ”
“ต่อให้คุยกันต่อผมก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์ครับคุณมินาโตะ คุณเองก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะดาดาถูกพาตัวเข้าไปในเขตของพวกมิโนทอรัสที่กำลังมีปัญหากับพวกคุณนะ”
“ก็จริงอยู่ที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ช่วยนายสักหน่อย”
บรรยากาศรอบๆถูกเปลี่ยนกลายเป็นป่าทันทีเมื่อมินาโตะพูดจบ
“แค่นี้ระยะเดินทางของนายก็สั้นลงมากกว่าครึ่งแล้ว จริงๆก็อยากส่งไปให้ถึงที่เลย แต่เผอิญพวกนั้นดันมีสัมผัสเวทมนต์เร็วพอๆกับพวกเรา ฉันเลยมาส่งนายได้แค่นี้นะ”
“……….”
“คนเขาอุส่าพยามชดเชยให้เต็มที่แต่ดูเหมือนนายจะยังไม่พอใจอีกสินะ”
มินาโตะล้วงเข้าไปในร่องอกของตัวเองก่อนจะหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาและยื่นให้กับเฟ
“กระดาษนี้บรรจุเวทมนต์เทเลพอร์ตเอาไว้ แค่นายฉีกมันนายก็จะกลับมาที่หมู่บ้านของพวกเราทันทีฉันให้นาย2แผ่น ส่วนนี้ก็เข็มนำทางที่โซน่าทำไว้ให้แค่วางเอาไว้กลางฝ่ามือเดียวหัวเข็มมันก็จะชี้เองว่าต้องไปทางไหน ที่เหลือก็ระวังตัวไว้ดีๆละ และก็ถ้าโดนจับได้อย่าพูดว่าอย่าโยงมาหาพวกเราเด็ดขาด!! เข้าใจไหม ที่พูดนี้ไม่ใช่ว่ากลัวซวยหรืออะไรหรอกนะ แต่ถ้าพวกนั้นรู้ว่านายมีความเกี่ยวข้องกับพวกเราละก็…จบไม่สวยแน่”
“เข้าใจแล้วละครับ ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือนะครับ”
“ไม่เป็นไรๆ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย ที่ไม่ต่อว่าอะไรพวกเราเลย ทั้งๆที่เป็นความผิดพวกเราแท้ๆ ที่ทำให้คุณหนูถูกลักพาตัวไป แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย ต้องขอโทษด้วย–“
“ไปก่อนนะครับคุณมินาโตะ”
เฟลามินาโตะทันทีและวิ่งไปทางที่เข็มชี้โดยที่ไม่ได้สนใจมินาโตะที่กำลังก้มหัวขอโทษอีกครั้งเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ~ เป็นคนที่ใจร้อนมากกว่าที่คิดเยอะเลยแหะ”
ฟุป!!
หอกเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาทางมินาโตะ แต่ก่อนที่มันจะถึงตัวหอกเล่มนั้นก็หายไปและปักอยู่บนพื้นแทน
“แบบนี้ไม่เล่นกันแรงไปหน่อยเหรอ? ถ้าเป็นคนธรรมดาเมื่อกี้ได้ไปเกิดไปแล้วนะ”
มินาโตะหันไปพูดกับผู้หญิงที่ปรากฏตัวขึ้น ร่างกายของเธอนั้นภายนอกนั้นเหมือนกับคนทั้วไป แต่หากสังเกตุที่แขนของเธอดีๆ มันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่อัดแน่นไว้อยู่ ใส่เพียงเกราะเหล็กๆโทรมๆเอาไว้เป็นเครื่องป้องกัน มีเขาสีดำเด่นสง่าอยู่บนศรีษะและหางสีขาวที่มีหางอยู่ตรงปลาย
มือข้างซ้ายของเธอถือขวานสีเงินอันใหญ่เอาไว้และจ้องไปทางมินาโตะด้วยสายตาที่มองศัตรูคู่อาฆาต
“ตายไปซะได้ก็ดี ไอ้พวกลูกหลานคนทรยศ!!!”
ตูม!!!
เธอพุ่งไปหามินาโตะอย่างรวดเร็วและสับขวานลงไปด้วยหมายจะผ่าร่างของมินาโตะให้เป็น2ท่อน
“เฮ้อ..ช้าแบบนั้นเธอไม่มีวันได้–ชิบ!!”
มินาโตะที่วาปไปด้านหลังของเธอรีบยกกระบองและดาบขึ้นมาป้องกันทันที หลังจากที่หอกที่ควรจะปักอยู่ที่พื้นพุ่งมาหาเธอโดยหมายจะแทงทะลุหัวใจของเธอ
“สมกับที่เป็นลูกหลานของยัยนั้นจริงๆ ตายยากเหมือนกันไม่มีผิด”
เธอกระโดดถอยห่างเพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้ทันทีที่พูดจบ
“นี้..รู้ตัวรึเปล่า ว่าทางนั้นกำลังล้ำอาณาเขตเข้ามาทางนี้แล้วนะ”
“ใครสนกันละ ทางนั้นเองก็จงใจปล่อยหนูเข้าไปในเขตพวกเราไม่ใช่รึไง”
“จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยไปหรอกนะ แต่ในตอนนี้หมู่บ้านของพวกเธอมันมีพวกจอมป่วนไปแอบอยู่ แล้วดันเผอิญลักพาตัวเพื่อนของเขาไป ก็เลยปล่อยให้เขาเข้าไปตามเพื่อนกลับมาเฉยๆเท่านั้นเอง”
“แต่ถึงอย่างงั้นมันก็เปลี่ยนความจริงที่จงใจปล่อยมนุษย์คนนั้นเข้ามาในอาณาเขตของพวกเราไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละ”
“ไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพยามจะสื่อรึไง พวกเรานะอยากจะสันติกับพวกเธอนะ แทนที่จะหันอาวุธมาทางนี้สู้เอาเวลามาคุยกันดีกว่า”
“ไร้สาระ ก็เพราะพวกแกเลือกสันตินี้ไง พวกข้าถึงต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้”
“นั้นเพราะพวกเธอทำตัวเองต่างหาก ตอนนั้นพวกเธอเป็นคนขัดคำสั้งราชาเองไม่ใช่รึไง คุณทวดเองก็ไม่อยากให้มันจบลงแบบนั้นเหมือนกันหรอกน่า”
“หุบปากเน่าๆของแกไปซะ!!! เด็กอย่างแกที่เกิดมาไม่ถึง1ปี จะไปรู้เรื่องอะไร!!”
เธอตะโกนใส่มินาโตะด้วยความโกรธจนหอกและขวานที่อยู่ในมือสั่น
“พวกเรายอมเข้าร่วมศึกโดยรู้อยู่แกใจว่าไม่มีทางที่จะชนะ พวกเราสิ้นหวังทุกครั้งที่เสียงกรีดร้องของพี่น้องดังขึ้น… แต่เราก็ยอมทำเพื่อปกป้องแผ่นดินแห่งนี้ร่วมกับยัยนั้น โดยที่ไม่ได้หวังอะไรเลยแม้แต่ชื่อเสียงก็ตาม…..แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือการที่โดนขับไล่ให้มาอยู่ที่นี้ร่วมกับพวกสัตว์ร้ายที่จ้องจะทำลายพวกเรา..ที่สำคัญยัยนั้นยังฆ่าท่านปู่ของข้าที่เป็นผู้นำของพวกเราอย่างโหดร้ายโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด!! แถมยังเอาหัวไปเสียบประจานเพียงเพราะอยากจะข่มขวัญพวกเราให้หวาดกลัว!!! นี้คือสิ่งที่พวกแกเรียกว่าสันติรึเปล่า!!! ในฐานะที่แกเป็นลูกหลานของมันไหนลองตอบข้ามาหน่อยสิ!!!”
หญิงสาวชี้หอกสีแดงสดในมือไปทางมินาโตะพร้อมกับจิตสังหาร มินาโตะไม่ได้พูดตอบโต้อะไร เธอเพียงนั้งลงตรงต้นไม้ใกล้ๆ และก็วางดาบกับกระบองที่พกมาด้วยวางไว้ที่พื้น
“จะให้ตอบได้ยังไงกันละ ก็เรื่องในตอนนั้นที่เธอเจอมันเกิดขึ้นก่อนที่ฉันเกิดซะอีกนี้น่า ถ้าจะให้ตอบจริงๆ ก็คงจะตอบว่าไม่รู้นั้นแหละ”
“ว่าไงนะ!!”
“แม้เราจะมีความทรงจำที่ได้รับสืบทอดมาบางส่วนก็เถอะ แต่ถึงอย่างงั้นพวกเราเป็นคนละคนกันอยู่ดี ฉันตอบไม่ได้หรอกว่าตอนนั้นท่านย่าคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่ แต่ถ้าให้ตอบจากสิ่งที่ฟังเธอเล่ามา คงตอบได้ว่าท่านย่ากับทวดพวกเราได้ทำเรื่องพวกเราได้ทำเรื่องโหดร้ายกับพวกเธอจริงๆนั้นแหละ แต่ว่านะ….”
มินาโตะเผยหน้าขึ้นจ้องไปที่ตาของเธอ
“พวกเรานะในตอนนี้ต้องการที่จะแค่ต้องการจะเป็นมิตรด้วยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะต่อสู้เลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พวกเธอกลับมารวมที่หมู่บ้านซะด้วยซ้ำไป”
“พูดอะไรตลกซะจริง กลับมารวมกันหลังจากที่พวกแกทำแบบนี้กับเราเนี้ยนะ จะบ้ารึไง!! คิดว่าพวกแกเป็นใครกันถึงมาคิดเองเออเองตามอำเภอใจแบบนี้กันละห๊า!!”
“ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรนี้ เป็นเรื่องที่ดีจะตายไป นี้ก็ใกล้จะหน้าหนาวแล้ว สเบียงของพวกเธอก็ใช่ว่าจะเยอะอะไรนี้ แต่กลับกันเสบียงของพวกเรายังเหลือมากพอที่จะเลี้ยงพวกเธอได้จนจบหน้าหนาวเลยนะ”
“ที่มันเป็นนั้นก็เพราะพวกแกล่าสัตว์แถวนี้จนแทบจะไม่เหลือเลยไม่ใช่รึไง!! แถมยังถ่างป่าที่เป็นที่อยู่ของพวกมอนสเตอร์ที่เป็นของส่วนร่วมทิ้งไปอีก!!”
“มันก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเรานี้ พวกเราก็แค่อยากจะทำให้พื้นที่รอบๆ มันปลอดภัคขึ้นเพื่อให้เหมาะสำหรับทำการเกษตรและปศุสัตว์ในปีหน้าก็เท่านั้นเอง แน่นอนในส่วนของพื้นที่ส่วนร่วมเรายินดีให้พวกเธอมีส่วนร่วมในการเก็บเกี่ยวพืชผลในฤดูร้อนหน้าด้วยนะ”
“พูดง่ายดีนี้ สิ่งที่พวกแกกำลังจะทำมันทำลายวิถีชีวิตของพวกครึ่งสัตว์อย่างเราที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติมาตลอด คิดว่าแค่จะเสนอผลประโยชน์อันเล็กน้อยคิดว่าพวกเราจะยอมจำนนรึไง!!”
“ไม่ได้ขอให้ยอมจำนนซักหน่อยก็แค่อยากจะเป็นมิตรด้วยก็เท่านั้นเอง ลองคิดดูสิถ้าพวกเราอยู่ร่วมกัน ผลประโยชน์ที่จะได้รับมันจะดีมากซักแค่ไหนกัน ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร ยารักษาโรค พวกเราสามารถสร้างมันร่วมกันได้นะ”
“…….”
“พวกเด็กๆ สามารถกินเต็มอิ่มได้ทุกวันโดยที่ไม่ต้องทนอดมื้อกินมื้อในช่วงกลางฤดูหนาว พวกผู้ใหญ่เองก็ไม่ต้องออกไปเสี่ยงอันตรายเพื่อออกล่ากักตุนเสบียงด้วย พอป่วยก็ไม่ต้องเดินทางไปถึงเมืองใหญ่หรือตามหาสมุทไพร่ให้วุ่นวาย พวกเรามีหมอยาฝีมือดีอยู่พร้อมให้การรักษาเสมอ สิ่งที่ทำก็แค่ไปหาพวกนั้นที่สถานรักษาก็เท่านั่น นอกจากนี้ยังมีโครงการอีกมากมายที่เราจะทำ–“
ตูม!!!?
หญิงสาวปาขวานอันใหญ่ในมือออกไปเต็มแรงที่ต้นไม้ที่มินาโตะใช้พิงอยู่ ต้นไม้ที่ถูกขวานยักนั้นปาใส่ก็ขาดสะบั้นอย่างง่ายดายราวกับเป็นเพียงแผ่นไม้บางๆ ต้นไม้นั้นโค่นลงมาทางที่มินาโตะพิงอยู่ทำให้เธอต้องหลบก่อนที่จะถูกต้นไม้ทับ
“พล่ามจบรึยัง?”
เธอพูดสั้นๆออกมาและใช้มือรับขวานที่บินกลับ
“งั้นทีนี้แกก็ฟังดีๆให้เต็มหูให้ชัดๆละ ต่อให้พวกเราจะได้รับผลประโยชน์มากขนาดไหนก็ตาม ตราบใดที่ยังมีภูติดำอย่างพวกแกอยู่พวกเราก็จะไม่มีวันร่วมมือกับพวกแกอย่างเด็ดขาด!!”
หญิงสาวประกาศกร้าวและยกหอกและขวานขึ้นมาพร้อมจะต่อสู้ ขวานของเธอนั้นส่องประกายสีทองออกมาส่วนหอกเองก็พลันเปลี่ยนสีจากแดงสดคล้ายเลือดกลายเป็นสีม่วงอ่อนทันที
“เดี๋ยวๆๆ!! ทางนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะสู้ด้วยซักหน่อย ไม่เห็นต้องใช้อาวุธเวทมนต์เลยนี้!!”
“ถ้าแกไม่พร้อมต่อสู้ก็จงตายอยู่ตรงนี้ซะก็พอ!!”
เพล้ง!!!!
ในพริบตาหญิงสาวพุ่งมาพร้อมกับหอกในมือโดยเล็งไปที่ตำแหน่งหัวใจ มินาโตะจึงใช้ในมือเบี่ยงวิถีของมันออกทำให้มันพลาดเป้าแต่ถึงอย่างงั้นหญิงสาวก็สามารถใช้จังหวะนั้นใช้ขวานสับไปที่มินาโตะ
“มุขแบบนี้มันใช่ไม่ได้ผลหรอกน่า!!”
“ชิ!!”
มินาโตะร่างของมินาโตะหายไปในจังหวะที่ขวานกำลังจะสัมผัสร่าง และโพล่มา ข้างๆเพื่อจะโจมตีเธอในจังหวะที่ไร้การป้องกันด้วยกระบองก็ถูกสวนกลับมาด้วยศอก ทำให้มินาโตะต้องทิ้งระยะห่างจากหญิงสาวทันที
“ถ้าคิดจะหนีก็หัดไปให้ไกลกว่านี้หน่อย ยัยเด็กโง่!!”
“!!!!”
มินาโตะถูกหญิงสาวที่ใช้ย่นระยะเข้าข้างหลังและใช้หอกฟาดไปที่กลางหลังจนกระเด็นจนเกือบจะชนกับต้นไม้ โดยที่มีหอกตามมาเพื่อรอปักร่างของเธอ แต่ถึงอย่างงั้นมินาโตะเองก็หายไปอีกครั้ง และพยามสวนกลับหญิงสาวด้วยกระบองในมือ หญิงสาวที่สัมผัสได้ถึงการโจมตีที่จะมาถึงก็หลบมันได้อย่างง่ายดายและใช้มือเปล่าบีบที่คอของมินาตะ
“เหอะ ช่างโง่เง่านัก ถ้าคิดจะออมมือให้ก็หัดดูฝีมือตัวเองกับคู่ต่อสู้หน่อยนะยัยหนู!!”
“อึกกกก!!!”
หญิงสาวจับมินาโตะกระแทกกับพื้นดินอย่างรุนแรงจนพื้นดินรอบๆแตกกระจายออก
“ยังไม่คิดจะชักดาบที่เป็นอาวุธสุดท้ายออกมารึไง? อย่าคิดว่าตัวเองเหนือกว่าเพียงเพราะใช้เวทมนต์ได้สิ อย่าลืมสิว่าจุดเด่นของเผ่าสัตว์ แต่ละเผ่าคืออะไร ขอบอกไว้ก่อนในตอนสงครามพวกข้าตัดหัวพวกนักดาบเวทมนต์มาเยอะจนนับแทบไม่ถ้วน หนักกว่านี้ข้าก็เจอมาแล้ว!!”
“อึกอ๊อกก”
หญิงสาวออกแรงมือมากขึ้นเพื่อบีบคอของมินาโตะแรงขึ้น มินาโตะนั้นพยามดึงมือของหญิงสาวออกแต่ก็ไม่อาจแกะมือของเธอออกได้ เรี่ยวแรงของเผ่ามิโนทอรัสที่มหาศาลถูกเสริมจากพลังของอาวุธพิเศษทั้ง2 บวกกับแหวนที่ใส่ไว้ที่นิ้วมือที่ทำมาจากหินดำทำให้มินาโตะไม่สามารถใช้เวทมนต์ใดๆได้
“ไม่ต้องห่วงไปข้าไม่ฆ่าแกหรอก ไม่งั้นท่านร็อดนี่คงจะมองหน้ากันไม่ติดแน่… แต่ว่า..ข้าขอแค่แขนเจ้าสักข้างไว้เป็นค่าชดเชยที่แกมาปล่อยหนูเข้ามาในเขตแดนของเราโดยพลการละกัน”
หญิงสาวง้างขวานยังในมือขึ้นอย่างช้าๆ เตรียมจะสับแขนของมินาโตะตามที่ลั้นวาจาเอาไว้ทันทีเมื่อพูดจบ แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ต้องถอยห่างจากมินาโตะทันที ใบมีดมากมายพุ่งผ่านตำแหน่งที่หญิงสาวเคยอยู่
“แกเองก็อยากมีปัญหากับข้าด้วยรึไงยัยลูกหมา”
หญิงสาวหันไปพูดกับทางที่ใบมีดพุ่งมาก็พบกับมิลที่เดินออกมาจากหลังต้นไม้
“แค่กๆๆๆ!!!”
“เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ หนูมินาโตะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ.. ว่าแต่ทำไมคุณมิลถึงมาอยู่ที่นี้ได้ละคะ?”
“ฉันได้ยินมาจากซอร์ดว่าคุณเฟจะเข้าไปในเขตของพวกมิโนทอรัสเพื่อช่วยหนูดาดา ฉันก็เลยกะจะมาช่วยเจรจากับควายป่าหัวรุนแรงตรงให้นะจ๊ะ แต่ดูเหมือนว่าคงไม่จำเป็นต้องมีการเจรจากันแล้วสินะ”
“ว่าใครว่าควายป่าหัวรุนแรงกัน!! พูดให้มันดีๆหน่อย ยัยลูกหมา!!’
มิลไม่ได้สนใจคำทักท้วงของหญิงสาวและก้มลงไปช่วยพยุงมินาโตะที่กำลังบาดเจ็บขึ้นมา ให้ลุกกลับมายืนขึ้นอีกครั้ง แต่มินาโตะเองก็แสดงอาการเหนื่อยหอบออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขาของเธอสั่นราวกับลูกแกะพึ่งเกิดแขนและมีสีหน้าที่ค่อยๆแย่ลงเรื่อยๆ
“ดูท่าทางแล้วจะโดนมาหนักมากเลยสินะจ๊ะ แต่ไม่เป็นไรแล้วละ ทางนี้เดี๋ยวปล่อยให้ฉันจัดการเอง มินาโตะกลับหมู่บ้านไปรักษาตัวก่อนเถอะ”
“คุณมิลระวังตัวด้วยนะคะ…หอกเล่มนั้นมัน…”
“ไม่ต้องพูดหรอกจ๊ะ ฉันรู้อยู่แล้วละว่าอาวุธพวกนั้นมันทำอะไรได้อยู่แล้วละ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงหรอกขอแค่ไม่สัมผัสกับหอกนั้นมันก็ไร้ประโยชน์แล้วละ”
“ถ้างั้นคงต้องขอรบกวนคุณมิลด้วยนะคะ ไว้ครั้งหน้าฉันจะพาพวกลูกน้องไปเลี้ยงฉลองที่ร้านคุณเป็นการตอบแทนในครั้งนี้แน่นอนค่ะ”
“หุๆ ไว้จะรอนะจ๊ะ”
ร่างของมินาโตะหายไปทันทีโดยที่ทิ้งมิลเอาไว้ให้เผชิญหน้ากับหญิงสาวเผ่ามิโนทอรัสตามลำพัง
“ยัยลูกหมาที่แค่ย่างเนื้อยังไหม้เกรียม มาเปิดร้านอาหารงั้นเหรอ น่าสนใจดีนี้ ทำอาหารเป็นแล้วรึไง?”
“ก็ยังทำไม่เป็นเหมือนเดิมนั้นแหละค่ะคุณเซลซี แต่ว่าสามีของฉันเขาทำเป็นก็เลยตัดสินใจมาเปิดร้านอาหารกันนะคะ”
“สามี? นี้แกแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“เมื่อประมาณ35ปีก่อนเห็นจะได้นะคะ แถมตอนนี้เองก็มีลูกด้วยกัน2คนแล้วด้วย คุณที่ออกไปจากหมู่บ้านเมื่อ50ปีก่อนจะไม่รู้เรื่องก็ไม่แปลกหรอกค่ะ”
“ฟังดูมีความสุขดีนี้ อีกฝ่ายเป็นใครละ?”
“จิมมี่ที่เป็นเผ่าหมาเหมือนกันนะคะ”
“ไอ้หนูนั้นนี้เอง ดูเหมาะสมกันดีนี้ เมื่อก่อนถ้าจำไม่ผิดตอนพวกแกยังเล็กๆ ก็เล่นกันออกจะบ่อย คงจะชอบคอกันมานานแล้วสินะ”
“ไม่หรอกค่ะ จริงๆ เมื่อก่อนจิมมี่ไม่เคยมองฉันเป็นผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขากลับชอบที่จะมองคุณชีน่ามากกว่าฉันอีกนะคะ”
“นั้นก็แค่เป็นการเพียงการหลงในช่วงวัยหนุ่มของเด็กผู้ชายเท่านั้น ตัวจริงของไอ้หนูจิมมี่คือแกต่างหากละ ยัยลูกหมา”
เซลซีพูดแบบสบายๆ และเดินไปดึงหอกสีห่วงที่ปักทะลุต้นไม้ไปกลับคืนมา และเช็ดคราบยางไม้ที่ติดมาด้วยหนังสัตว์เก่าๆ ที่พกติดตัวมาด้วย ก่อนจะควงมันไปมาอย่างชำนาญด้วยมือเพียงข้างเดียว
“แล้วแกมีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ตรงนี้ละ แทนที่จะหนีไปพร้อมกับยัยเด็กนั้นแต่กลับอยู่เพื่อสู้กับข้างั้นรึ ดูใจกล้าไม่สมกับเป็นแกเลยนะ ยัยลูกหมาจอมขี้ขลาด”
“คนที่บ้าการต่อสู้อย่างคุณจนไม่สนใจอะไรเลยอย่างคุณ ถ้าปล่อยให้อารมค้างก็คงไม่พ้นไปไล่สับผู้บุกรุกอย่างคุณเฟต่ออยู่ดี เพราะงั้นจนกว่าทั้งสองจะทำสำเร็จฉันจะอยู่ตรงนี้เพื่อถ่วงเวลาคุณเองค่ะ”
มิลล้วงเข้าไปในกระเป๋าสีแดงเข้มที่พกติดตัวมาและหยิบมีดบินขึ้นมาเตรียมพร้อมต่อสู้ โดยที่ช่องว่างระหว่างนิ้วของเธอเต็มไปด้วยมีดสำหรับปาทั้งสองข้าง
“เฮ้อ~ มันก็แน่อยู่แล้วสิ คนที่มาบุกรุกถิ่นของข้าหากมีความเกี่ยวข้องกับภูติดำอย่างมันข้าไม่มีทางปล่อยให้มันรอดหรอก รวมถึงคนที่พยามจะช่วยมันอย่างแกด้วยนะ ยัยลูกหมา”
เซลซีชี้หอกสีแดงเข้มที่ไร้คราบสกปรกไปทางมิล เพื่อตอบรับคำท้าทายของเธอ อย่างเป็นทางการ
“แน่ใจจริงๆเหรอว่าจะสู้กับข้า ทั้งๆที่แกไม่เคยชนะข้าเลยแม้แต่ครั้งเดียวเนี้ยนะ”
“เกิดนึกใจดีขึ้นมารึไงค่ะคุณเซลซี”
“ใจดี? ไม่หรอก ข้าก็แค่เห็นว่าแกดูแก่ขึ้นมาก เมื่อเทียบกว่าแต่ก่อนเยอะมากก็เท่านั้น ก็เลยกลัวว่ามันจะเหมือนการไปรังแกคนแก่ไร้ทางสู้นะสิ”
“โหดร้าย!! ทั้งๆที่ฉันเป็นคนที่เด็กที่สุดในกลุ่มแล้วแท้ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นซักหน่อย!! ช่วยกรุณาหยุดพูดเหมือนฉันกลายเป็นยายเฒ่าด้วยเถอะคะ!!”
“ฮ่าๆ ก็ช่วยไม่ได้ พวกเผ่าหมาอย่างแกมันแก่กันเร็วนี้นะ!!!’
เซลซีเป็นคนลงมือก่อน ในพริบตาหอกก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงและพุ่งไปหาศัตรูของมัน แต่มิลที่เป็นเป้าหมายอย่างมินั้นก็หายไปในพริบตาทำให้หอกของเซลซีนั้นพลาดเป้า
“เร็วใช้ได้เลยนี้ สำหรับแกที่แก่ถึงขนาดนี้แล้วยังเคลื่อนไหวได้ถึงขนาดนี้ข้าขอชมเลย แต่ว่ามันก็ยังช้าเกินไปอยู่ดีนั้นแหละ!!!”
เซลซีปักหอกลงกับพื้นและตีลังกาโดยใช้หอกนั้นเสริมการกระโดดของเธอสูงและเร็วขึ้น เพื่อหลบมีดที่ถูกปาไล่หลังของเธอมา เมื่อหลบสำเร็วร่างที่ลอยอยู่เหนือพื้นของเธอก็ใช้ต้นไม้เป็นฐานเพื่อกระโดดไปอีกตำแหน่งหนึ่ง ก่อนจะปาขวานยักในมือออกไปยังตำแหน่งต้นไม้ที่มิลหลบซ่อนอยู่จนต้นไม้กลายเป็นเศษซากกระจัดกระจายไปทั้ว
“เฮ้ยๆ!! ได้แค่นี้เองเหรอยัยลูกหมา ข้ายังเลือดไม่ออกซักหยดเลยนะ”
ขวานยักที่เปื้อนเลือดบินกลับมาเข้ามือ เซลลีมองดูร่างของมิลที่ถูกผ่าครึ่งอย่างใจเย็น
“จะทำให้ไปสบายเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อพูดจบเซลซีก็ปาหอกในมือออกไปปักเข้าที่หัวใจของมิลเพื่อจบชีวิตของเธอทันที
“เด็กสาวที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรคในตอนนั้นก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกาลเวลาแล้วกลายเป็นยายแก่ธรรมดาสินะ น่าเบื่อเป็นบ้า”
เซลซีกระโดดลงจากบนไม้และบ่นออกด้วยความผิดหวังเล็กน้อยพร้อมกับมองดูร่างของมิลที่แน่นิ่งไปเรียบร้อยแล้ว
“ขอให้วิญญาของบรรพบุรุษนำพาเจ้ากลับสู่พื้นดินด้วยเถิด”(ภาษาสัตว์ดั้งเดิม)
เซลซีสวดให้กับมิลก่อนที่จะดึงหอกออกจากร่างของเธอ
“หืม? นี้มันไม่ใช่เลือดนี้ กลิ่นแบบนี้มัน–“
บึ้ม!!!!
ก่อนที่เซลซีจะพูดจบร่างของมิลที่นอนแน่นิ่งอยู่ก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงจนซัดร่างของเธอจนปลิวกระเด็น
“แม้จะไม่ใช่เด็กสาวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ตอนนี้ฉันเองก็ยังอยู่ในวัยสาวอยู่นะคะ คุณเซลซี”
มิลปรากฏตัวขึ้นและปามีดใส่เซลซีที่กำลังถูกแรงระเบิดซัดจนลอย แต่ถึงอย่างงั้นเซลซีเองก็ไม่ได้หมดสติ เธอเหวี่ยงขวานยักเพื่อเปลี่ยนทิศทางที่และใช้หอกที่อยู่ในมือปัดมีดเหล่านั้นออกไปคนละทิศคนละทาง
เซลซีกลับมายืนที่พื้นอีกครั้งในสภาพทรุดโทรม เกราะเก่าๆของเธอนั้นเสียหายจนใช้งานไม่ได้ทำให้เธอตัดสินใจที่จะถอดมันทิ้งไปอย่างไม่เสียดาย
“ใช้กระเป๋านั้นได้เก่งขึ้นนี้ยัยลูกหมา ข้าก็นึกว่าแกจะสู้สังขารตัวเองไม่ไหวจนอ่อนซ้อมไปแล้วซะอีก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สินะ”
“แน่นอนคะ ตลอดเวลาที่คุณไม่อยู่ ฉันเองก็หาเวลามาฝึกวิธีใช้มันให้ชำนาญและคิดลูกเล่นใหม่ๆ ตามที่คุณเคยบอกฉันเสมอนั้นแหละคะ”
“แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของแกไปมาก แต่เนื้อในก็ยังคงเป็นยัยลูกหมาขี้ขลาดตัวแสบตามเดิมสินะ…”
เซลซีไม่ได้แสดงความโกรธออกมาที่มิลใช้กลลวงกับเธอ กลับกันเธอกลับฉีกยิ้มกว้างออกมาเหมือนกับเด็กที่เจอของเล่นใหม่ แม้ในตอนนี้เธอจะเจ็บหนักจากการโดนแรงระเบิดเต็มๆก็ตาม
“แต่ก็ดี!!!! มันต้องอย่างงี้แหละ ถึงจะสนุกขึ้นมาหน่อย!!!”
ขวานยักนั้นปกคลุมไปด้วยสายฟ้าสีเหลืองที่พร้อมจะเผาไหม้ศัตรูของเจ้าของมันส่วนหอกเองก็กลายเป็นสีม่วงที่เข้มยิ่งกว่าเดิม
“เอาละ ทีนี้มีลูกเล่นอะไรอีกก็งัดออกมาให้หมดเลยยัยลูกหมา!!! ไม่งั้นแกได้กลายเป็นขี้เถ้าในป่านี้แน่!!”
“ไม่ต้องบอกฉันก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้วละคะ คุณเซลซี”
เซลซีพุ่งเข้าไปใบมีดมิลปามาอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
.
.
.
.
.
“งืมมมมมๆๆๆ งือออออออ!!!!”
ดาดาพยามดิ้นไปมาเพื่อให้เชือกคลายออก หลังที่ตื่นมาเธอก็พบว่าในตอนนี้เธออยู่ในที่ที่ไม่คุ้นชินเรียบร้อยพร้อมกับถูกมัดแขนและขาเอาไว้แถมยังผูกติดไว้กับต้นไม้เอาไว้เพื่อกันเหนี่ยวอีกชั้นอีก
“หุบปากซะ!!! ถ้าเจ้ายังโวยวายแบบนี้อีกพวกมันจะเจอเราได้!!'(ภาษาต่างแดน)
ชายสวมหน้ากากพยามบอกให้ดาดาเงียบหลังลงจากที่เขาโดนพวกมิโนทอรัสไล่ล่าอยู่ ทำให้เขาจำเป็นต้องหลบซ่อนเพื่อรอขนย้ายดาดาหลบหนีไปตอนกลางคืนอีกที
“งือ!!!งืออออ!!!”
“หุบปากซะ!!!”(ภาษาต่างแดน)
ด้วยความโกรธที่ไม่ว่าจะทำยังไงดาดาก็ไม่ยอมเงียบซักที ทำให้เขาตบไปที่หน้าของดาดาเพื่อทำให้เธอเงียบลง
“……..”
“ถ้าเจ้าร้องออกมาอีกข้าจะไม่ใช่แค่ตบสั้งสอนแน่!!”
เมื่อเห็นว่าดาดาเงียบลงเขาก็เริ่มลงมือเตรียมข้าวของที่หยิบติดตัวมาจากฐานเพื่อใช้เตรียมพร้อมในคืนนี้
‘ไอ้โรคจิตนั้นมันลักพาตัวฉันมาทำไม? ไม่ได้ขโมยข้าวของหรือพยามทำอะไรด้วย แถมยังดูแลเราดีมากเกินกว่าจะเป็นพวกค้าทาสด้วย เรียกค่าไถ่เหรอ? ไม่ๆแม้เฟจะมีชื่อเสียงก็เถอะ แต่หมอนั้นไม่ได้รวยขนาดนั้นนี้น่า..’
ดาดาครุ่นคิดอยู่ในใจถึงสาเหตุที่เธอถูกลักพาตัวมาที่นี้ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงเธอก็คิดไม่ออกอยู่ดี
‘แต่วิธีที่หมอนั้นพูดมันเป็นแบบเดียวกับยัยหลินเลยนี้ อย่าบอกนะว่ายัยนั้นเป็นคนจ้างไอ้โรคจิตนี้มาลักพาตัวฉันให้อยู่ห่างจากเฟเพื่อทำอะไรบางอย่างนะ!!”
ดาดาเริ่มมีความคิดเตลิดไปเนื่องจากนี้อาจจะเป็นเหตุผลเดียวที่เธอถูกจับมาโดยคนแปลกหน้า
‘ต้องใช่แน่ๆ!! เมื่อวานที่เฟข้างกับยัยนั้นโดยไม่ใส่เสื้อคงเป็นเพราะยัยนั้นพยามทำอะไรบางอย่างกับเฟแต่ทำไม่สำเร็จแน่ๆ วันนี้ก็เลยกะจะเผด็จศึกโดยเริ่มจากกำจัดฉันที่เป็นคู่แข่งก่อนสินะ ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้!! ฉันไม่มีทางปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรอก หมอนั้นนะเป็นของฉันยะ!!”
เมื่อคิดดั้งนั้นดาดาจึงกางกรงเล็บตัวเองออกมาและพยามตักเชือกที่มัดเธอไว้ แต่ระยะห่างระหว่างเล็บของเธอกับนั้นห่างกันมากทำให้แรงที่ส่งไปนั้นไม่เพียงพอที่จะตัดเชือกให้ขาดหรือบางลงได้เลยแม้แต่น้อย
‘หนอย!!! ดันรู้วิธีมัดสำหรับกันเผ่าสัตว์หนีซะด้วย ยัยนั้นเตรียมตัวมาดีจริงๆ แต่ว่าฉันนะ..ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วยังไงละ!!”
ดาดาเริ่มรวบรวมสมาธิแต่จิตนาการถึงภาพหยินที่กำลังเปลือยเปล่ากำลังนอนกอดเฟที่นอนอยู่ข้างๆอยู่ ทั้งสองต่างยิ้มให้กันอย่างเขินอาย ตาของทั้งสองจ้องประสานก่อนก่อนที่จะเริ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซึ่งกันปากของทั้งสองประสานกันเป็นทวงทำนองแห่งรักก่อนที่จะเริ่ม–
“ใครมันจะยอมให้เกิดขึ้นกันยะ!!!!!!!!!”
พรึ้บ!!!!!
“แว้กกกกกกก!!!!”
ไฟสีฟ้าลุกโชนชวงออกมาจากตัวของดาดาและเผาเชือกที่พันธนาการเธอไว้จนหมอดไหม้จนเหลือแต่เถ้าถ่าน ชายสวมหน้ากากที่กำลังทำธุรอยู่ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ไปตายซ้า!!! ไอ้โรคจิต!!!”
“@฿#@฿###2@!!!?”
ดาดาใช้จังหวะที่ชายสวมหน้ากากกำลังตะลึงอยู่เตะผ่าหมากเข้าไปกลางลำอย่างรุนแรง
ชายผู้ถูกเตะผ่าหมากนั้นร้องออกมาไม่เป็นภาษาเขาทำเพียงกุมกล่องดวงใจเอาไว้ในมือ และค่อยๆทรุดลงไปนอนกับพื้น
“สมหน้าไอ้โรคจิต!! ลาขาดละ!! แบร่!!”
เมื่อเห็นว่าชายสวมหน้ากากหมดสภาพอย่างสมบูรณ์เธอจึงตัดสินใจที่จะวิ่งหนีทันที ด้วยความเร็วของเธอนั้นสามารถทิ้งห่างเขาได้อย่างรวดเร็วจนไกลลับสายตา
“แก…นังปีศาจ…บังอาญนัก!!!”(ภาษาต่างแดน)
ชายสวมหน้ากากที่เริ่มฟื้นตัวจากการถูกดาดาจู่โจมทีเผลอค่อยๆลุกขึ้นโดยใช้ดาบแทนไม้ค้ำยัน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ถูกดาดาเตะกล่องดวงใจของเขา
“ข้าไม่สนเรื่องผลงานแล้ว!! ข้าจะถลกหนังแกทั้งเป็นและควักหัวใจของแกออกมากินซะ!! นังปีศาจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์!!”(ภาษาต่างแดน)
เขาชักดาบออกมาและเดินโซซัดโซเซไปทางที่ดาดาหนีโดยที่ยังกุมกล่องดวงใจเอาไว้อยู่