ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ - ตอนที่ 49
“แม่งเอ๊ย!!!”
ชายหัวโล้นร้องออกมาด้วยความเจ็บใจ พร้อมกับจิกผมของผู้หญิงที่เขากำลังร่วมเตียงด้วย บนร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยฝกช้ำดำเขียวเต็มตัวไปหมด
“นายท่าน..ข้าเจ็บ”
“ก็แล้วไงวะ!! ผู้หญิงอย่างมึงมีค่าแค่เป็นกระโถระบายอารมให้กูเท่านั้นแหละ!!”
“อุกก..อะ..อ๊า”
เขาบีบคอของเธอสุดแรง หญิงสาวพยามแกะมือของเขาออกด้วยมือเล็กๆ ของเธอ แต่ก็ไม่เป็นผล
“ลูกพี่!!! มีแขกมาหาครับ!!”
“ใครวะ!! แม่งไม่เห็นรึไง!! กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย!!”
ชายหนุ่มอีกคนเข้ามาขัดจังหวะ ทำให้เขาคลายแรงที่มือออก ทำให้หญิงสาวคนนั้นกลับมาหายใจได้อีกครั้ง และหันไปตวาดลูกน้องของตัวเองด้วยความโกรธ
“ผะ..ผมไม่รู้เหมือนกัน..ครับ”
“มิงนี้แม่งโง่รึเปล่าวะ!!! ท่ามึงไม่รู้จักมึงก็ไล่กลับไปดิวะ!! และมึงก็อย่ามารบกวน กูจะสนุกกับอีกระหรี่นี้ต่อ!!”
“ดะ..ได้ครับ.. เดี๋ยวผมจะไปไล่เธอเดี๋ยวนี้แหละ!!”
“เดี๋ยวก่อน!!”
ชายหัวโล้นเรียกลูกน้องของตัวเองที่กำลังออกจากห้องไปเพื่อทำตามคำสั้งของเขาให้หยุด ชายหนุ่มหันกลับมามองเจ้านายตัวเองด้วยความงงงวย
“เมื่อกี้มึงพูดว่าเธอสินะ… ไอ้คนที่มาพบกูเป็นผู้หญิงใช่มั้ย”
“คะ..ครับ”
“หน้าตาเป็นยังไงมิงลองอธิบายมาดิ”
“เอ่อ..เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาดี มีผมสีดำยาวผิวสีน้ำตาลเข้ม และใส่ชุดสีม่วง”
“อีนั้นมีนมใหญ่พอๆกับพวดมิโนทอรัสใช่มั้ย”
“ใช่ครับ เธอบอกว่าเธอมาพบลูกพี่เพราะอยากเจรจาเรื่องวันนี้..”
ชายหัวโล้นยิ้มอย่างชั่วร้าย เขานึกถึงผู้หญิงหนึ่งที่มีหน้าตางดงามยิ่งกว่าสาวคนไหนที่เขาร่วมหลับนอนด้วยทุกคน
“ตอนนี้อีนังนั้นมันอยู่ไหน”
“เอ่อ..ผมให้เธอรออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้เธอกำลังโดนคนของเราล้อมไว้อยู่..”
“เยี่ยมมม!! งั้นมิงจะทำอะไรกับอีกระหรี่นี้ก็ได้!! กุเบื่อมันแล้ว..”
“ขอบคุณครับ!!”
“มะ..ไม่นะ”
ชายหัวโล้นใส่ชุดคลุมทันทีเพื่อเตรียมออกไปข้างนอก โดยปล่อยให้ลูกน้องของเขาลากผู้หญิงออกไปอีกห้องหนึ่ง เขาเดินออกไปอย่างอารมดี เมื่อไปถึงหน้าประตู เขาก็เปิดประตูออกไป และก็พบกับลูกน้องหลายสิบคนของตัวเอง กำลังยืนล้อมอะไรบางอย่างอยู่
“หลบไปดิ!!”
เขาผลักคนที่ขวางออกจนกระเด็นออกไป ก็ปรากฏร่างของหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่มีสัดส่วนในฝันของชายหลายคน กำลังยืนยิ้มอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“สวัสดีครับ ผมชื่อไคเอล ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณหัวโล้น”
เธอจับจีบกระโปรงของเธอขึ้นเล็กน้อยด้วยมือทั้งสองของเธอ และย่อตัวลงเล็กน้อยอย่างประณีตเพื่อทำความเคารพ แต่สิ่งที่เหล่าชายที่รายล้อมเธออยู่มองอยู่นั้น กลับเป็นขาเรียวยาวของเธอที่แพล่มออกมาจากกระโปรงที่ผ่าด้านขวางจนถึงน่องของเธอ
“เมื่อตอนเย็นแกทำข้าไว้แสบมาก รู้ตัวรึเปล่า?”
“เหรอครับ? ผมคิดว่าผมไม่ได้ฟาดคุณด้วยแส้หรือฝ่ามือนะครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะเจ็บไม่ก็จุกมากกว่าแสบนะ”
“ปากดีจริงนะแก ไหนจะวิธีพูดแบบนั้นอีก คิดจะเลียนแบบผู้ชายรึไง นังผู้หญิงชั้นต่ำ”
“วิธีพูดมันได้แบ่งเพศเอาไว้แล้วก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะผู้หญิงจะพูดแบบผู้ชายไม่ได้นี้ครับ เพราะฉะนั้นการพูดของผมจึงไม่น่าไปหนักหัวใคร โดยเฉพาะคนที่ไร้เส้นผมอย่างคุณนะ”
“มึงกวนตีนกูรึไง!! จับแม่งไว้อย่าให้อีนี้หนีไปได้!!!”
ชายที่อยู่ด้านหลังของเธอล็อคแขนของเธอไว้ทันทีตามคำสั้งของเขา ส่วนทางไทเอลเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเป็นพิเศษ แม้แขนขาของเธอจะถูกล็อคอยู่ใบหน้าของเธอก็ยังคงยิ้มแย้มอยู่เหมือนเดิม
“ฮ่าๆๆๆ นึกว่าจะแน่!! สุดท้ายมึงมันก็เป็นแค่ผู้หญิงอยู่ดีนั้นแหละ!!”
“อืม.. พอเข้าใจแล้วละครับ ในมุมมองของคุณผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอและต่ำตมสินะครับ อย่างงี้นี้เอง คงต้องจดไว้แล้วสิ”
“อึก…ทำไมอีนี้มันแรงเยอะจังวะ!!”
ไทเอลฝืนแรงล็อคแขนเธออยู่ หยิบกระดาษกับปากกาสีแดงคู่ใจออกมาจากร่องหน้าอก เพื่อจดอะไรบางอย่าง
“อย่ามากวนตีนกุนะเว้ย!!! อีนัง–“
ตูมมมม!!!
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็มีบางสิ่งออกมาจากพื้นกระแทกเข้าไปที่หน้าของเขาจนลอยกระเด็นไปกระแทกกับหลังคาบ้านโทรมๆ จนหลังคาทะลุไป
“สวัสดีจ้า~ คุณลุงหัวโล้น!! คาลเองจ้า!! เอ๋? หายไปไหนอะ?”
คาลโผล่มาโผล่มาจากใต้ดินแนะนำตัวเองอย่างร่าเริ่งที่มือข้างซ้ายเป็นสว่านขนาดใหญ่ยิ่งกว่าตัวเธอเอง การปรากฏตัวอย่างกระทันหันทำให้คนอื่นๆ ต่างพูดอะไรไม่ออก
“เฮ้อ.. อย่างน้อยก็ช่วยรอให้หม่าม๊าถามเขาจบก่อนสิครับ”
ไทเอลถอดหายใจออกมาพร้อมกับมองไปทางคาลอย่างหน่ายๆ นี้มันไม่เหมือนแผนที่เธอนัดเอาไว้กับคาลเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เอาอะ!! แบบนั้นมันน่าเบื่อนี้น่า!! คาลเองก็อยากสนุกบางอ่า~”
“ก็รู้อยู่หรอกแต่ช่วยอดทนหน่อยสิครับ.. อย่างน้อยผมก็อยากจะ–“
“อย่าขยับนะเว้ย!!”
ไทเอลก่อนที่ไทเอลจะพูดจบ เธอก็ถูกมีดจี้ไปที่คอหอยโดยผู้ชายอีกคน เธอจึงหันหน้าไปยิ้มให้กับผู้ชายคนที่กำลังจะบาดคอของเธอ
“ใจเย็นๆหน่อยสิครับ นี้มันการฆาตกรรมเลยนะ ถ้าถูกจับได้ทางแกรนเทลเองคงไม่ปล่อยไว้แน่ ตัวคุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจแล้วนี้ครับ”
“คิดว่ากลัวรึไงวะ!!! ตราบใดที่ท่านผู้นั้นยังอยู่พวกกูก็ไม่กลัวหรอกเว้ย!!”
“อย่างงี้นี้เองมีเบื้องหลังใหญ่สินะครับ น่าสนใจดี ผมขอจดไว้ซักหน่อยนะครับ”
เมื่อพูดจบไทเอลก็จดอะไรสักอย่างลงในกระดาษ โดยที่ไม่ได้สนใจชายคนนั้นเลยสักนึด
“อย่ามาเมินกุนะเว้ย!!”
แกร้ง!!
เขาพยามจะเอามีดบาดคอหอยของไทเอล แต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะมีดของเขาเหมือนติดอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ดึงไว้อยู่ ร่างกายของพวกเขาก็เช่นกัน
“หม่าม๊านี้พอเจออะไรก็ เอาแต่จดบันทึกไว้อยู่เรื่อยเลย ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยสักนึด ถ้าแม่ใช้ด้ายไม่ทันหม่าม๊าตายไปแล้วนะ”
เจมินี่ปรากฏตัวในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ในมือของเธอถือก้อนด้ายและเข้มอันใหญ่เอาไว้อย่างละข้าง
“ไม่ใช่ว่าคุณคล้องด้ายพวกนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้วเหรอครับ”
“ก็จริงอย่างที่หม่าม๊าว่านั้นแหละ… ถ้าไม่ติดว่าฆ่าพวกมันไม่ได้แม่คงแขวนคอพวกมันเรียงตัวแล้วละนะ..ก็อุส่าคล้องไว้ที่คอพวกมันทุกตัวแล้วนี้น่า”
“””””!!!!!!!!””””
พวกเขาสะดุ้งเฮือกและพยามเช็คไปที่คอตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะร่างกายของพวกเขาเองก็ขยับไม่ได้เช่นกัน
“อย่ามาล้อเล่นนะเว้ย!!! เรื่องแบบนี้ใครจะไปเชื่อวะ!!”
“ไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย จะลองดูหน่อยไหมละ นี้ไง”
“กะ..อ๊อกก”
เจมินี่ขยับนิ้วมือข้างที่ถือเข็มไว้ ร่างกายของชายคนนั้นก็ลอยเหนือพื้นขึ้นทันที สีหน้าของเขาแสดงถึงความทรมาณอย่างถึงที่สุดและก็แน่นิ่งไปเจมินี่เองก็ปล่อยให้ร่างนั้นนอนกองไปกับพื้น คนอื่นๆที่เห็น ต่างขวัญผวาไปตามๆกัน
“ดะ..เดี๋ยวสิ!! พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรพวกเธอสักหน่อย!! ปล่อยพวกเราไปเถอะ!!”
“ใช่แล้ว!! อยากได้อะไรเอาไปเลย!! ขอแค่ให้ข้ารอดก็พอ!!”
“ได้โปรดให้อภัคๆๆๆๆๆๆๆ”
“จะให้คำอะไรก็ได้!! ปล่อยข้าไปเถอะ ข้ามีลูกเมียต้องดูแล!!”
เสียงทักท้วงมากมายถาโถมไปหาเจมินี่ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอกระตุกเล็กน้อย จนสุดท้ายก็ดูเหมือนเธอจะเริ่มรำคาญคนพวกนั้นไปเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมพูดมากกันจัง ไม่มีใครสั้งให้พวกแกพูดสักหน่อย.. หัดรู้ฐานะตัวเองบางสิ ไอ้พวกสวะ..”
เมื่อพูดจบเจมินี่ก็ขยับเข็มอันใหญ่ในมือ ร่างของทุกคนจึงลอยขึ้นไปเหนือพื้น พวกเขาทำท่าเหมือนพยามขัดขืนสักพักก่อนที่นิ่งไป เจมินี่จึงค่อยๆเอาร่างของพวกเขาลงอย่างช้าๆ ลงกับพื้น และเธอก็ใช้ฟันกัดไปที่เส้นด้ายที่มองไม่เห็นจัดขาดและเอาเข็มกับด้าย เก็บเข้าไปในกล่องเครื่องมือตามเดิมและก็โยนลงไอเท็มบ็อคของตัวเองไป
“คุณแม่ขี้โกงอะ!! หนูก็อยากจะสนุกกับพวกคุณลุงบางอะ!! หนูอุส่าใส่สว่านคุงมาเลยนะ!!”
“ก็แหม คนพวกนั้นมันน่าโมโหนี้น่า ก็เลยเผลอไปหน่อยนะจ๊ะ”
“ไม่รู้!! ไม่สน!! คุณแม่ชดใช้มาเลยน้า~”
คาลตีเจมินี่ด้วยความโกรธด้วยมือเล็กๆของเธอ ส่วนทางเจมินี่เองก็ทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยที่ถูกลูกของเธอโกรธใส่แบบนี้
“เข้าใจแล้วจ๊ะ เข้าใจแล้ว เอาไว้กลับไปเดี๋ยวจะซื้อเค้กร้านฮันนี่ชดใช้ให้นะ”
“เอา 10 ชิ้น!!”
“แบบนั้นเยอะเกินไปรึเปล่า เดี๋ยวก็กินข้าวไม่ไหวหรอก”
“จาเอาๆๆๆๆๆๆๆ”
คาลลงไปชักดิ้นชักงอทันทีด้วยความเอาแต่ใจ ดูเหมือนว่าทางเจมินี่เองก็ยอมแพ้แล้วเหมือนกัน
“เข้าใจแล้วจ๊ะ 10ชิ้นก็10ชิ้น แต่ตอนเช้าต้องกินข้าวก่อนนะ”
เย้~”
คาลกระโดดไปมาด้วยความดีใจ ส่วนทางไทเอลเองก็ไล่จับที่ชีพจรทีละคน เพื่อเช็คว่าพวกเขาตายจากการถูกแขวนคอแล้วรึยัง
“ไม่มีใครตายหรอกน่า เชื่อมือแม่หน่อยสิ ก็แค่ทำให้พวกนั้นขาดอากาศหายใจเฉยๆ เท่านั้นแหละ”
“ก็แค่เช็คเพื่อความชัวเท่านั้นแหละครับ และข้างในเป็นยังไงบางละครับ”
“ไม่เจออะไรเลยนอกจากพวกเด็กกับผู้หญิงถูกจับกองๆไว้ในห้องใต้ดิน และพวกสวะอีกนึดหน่อยเท่านั้นเอง ที่เหลือก็ไม่มีอะไรหรอกนะ ที่นี้ก็แค่บ้านสกปรกที่อยู่ในสลัมสกปรกเท่านั้นแหละ”
“เข้าใจแล้วละครับ ถ้างั้นจะเริ่มทำการทดลองแล้วละกันครับ คาลเองก็พร้อมแล้วใช่ไหมครับ”
“เยส~!!”
“ดีมากครับ ท่างั้นพวกเราจะเริ่มดำเนินการภายในบ้านละกันครับ”
.
.
.
.
“การผ่าตัดครั้งสุดท้ายเสร็จแล้ว!!”
“เหนื่อยหน่อยนะคาล แต่ก็เก่งมากเลยนะจ๊ะ ที่ออกมาได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้”
“แหะๆ”
เจมินี่ลูบหัวชมเชยคาลที่อยู่ในสภาพชุดผ้าคลุมสีเขียว และมือใส่ถุงมือสีฟ้าที่เปื้อนเลือด
“พะ..พวกแก..ทำอาราย…”
ชายหัวโล้นที่ลืมตาถามทั้งสอง เขารู้สึกเบลอๆ ที่หัวและอ่อนเพลียจนไม่อาจขยับตัวได้ แต่เขามั่นใจว่าเขาคงกำลังถูกทรมาณ เพื่อเค้นความลับแน่นอน
“ตื่นแล้วเหรอครับ? คุณหัวโล้น..ไม่สิต้องเรียกว่าสาวน้อยมากกว่าสินะ”
ไทเอลเอ่ยทักชายคนนั้น ตอนนี้เธออยู่ในชุดสีดำและมีเสื้อคลุมสีขาว กำลังยืนจดอะไรสักอย่างอยู่อย่างอารมดี
“สะ..สาวน้อย? อย่ามาตลก!! ถ้ากูหลุดไปได้!! กูจะจับพวกมึงข่มขืนเรียงตัวเลยอีพวกดอกทอง!!”
“จะทำแบบนั้นผมเองก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะครับ แต่ช่วยก้มมองร่างกายตัวเองสักนึดเถอะครับ”
เขาก้มมองตามที่เธอว่าก็พบกับว่าตอนนี้เขามีหน้าอกขนาดใหญ่อยู่บนร่างกายเสียแล้ว จนไม่อาจมองไปที่ปลายเท้าได้อีกต่อไป
“แกทำอะไรกับข้าวะ!! เอามันออกไปเลยนะเว้ย!!”
“ก็เห็นคุณชอบหน้าอกมากผมก็เลยจัดให้ ส่วนเรื่องเอาออกนั้นผมคงทำให้ไม่ได้หรอกครับ”
“กูจะฆ่ามึง!! อีกระหรี่!!”
“ใจเย็นๆ หน่อยสิครับ ผมเองก็ไม่ได้ทำงานชุ่ยๆสักหน่อย มาลองดูร่างกายของคุณให้ชัดๆดีกว่า”
ไทเอลดีดนิ้วกระจกขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาเหนือร่างเขา ในกระจกใบนั้นสะท้อนให้เห็นร่างกายของสาววัยรุ่นอันเปลือยเปล่า เธอมีผมยาวสีทอง หน้าตาน่ารักที่มีคิ้วหนาดก และมีหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เป็นพิเศษอีกด้วย ไม่ว่าเขาจะขยับปากหรือคิ้ว ผู้หญิงคนนั้นก็จะขยับตามเขาแบบเป๊ะๆ
“มึงทำอะไรกับกูวะ!!”
เขาตะโกนเมื่อเห็นร่างกายของตัวเองที่เปลี่ยนไปจนแทบจะจำไม่ได้ แต่ทว่าเสียงของเขายังคงเหมือนเดิม
“เป็นยังไงบ้างละครับ นี้คือการผ่าตัดครั้งแรกที่เอายาตัวใหม่ของเรามาใช้ มันมีผลทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกหดลงอย่าง ไม่มีผลข้างเคียงหากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เลยสามารถปรับแต่งขนาดร่างกายให้มีขนาดเล็กลงได้ และมีซิลิโคนของทางเราที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา และอื่นๆ อีกมากมายเพื่อเสริมความงดงามให้คุณ เป็นยังไงบ้างละครับ? พอใจรึเปล่า”
“พอใจแม่มึงดิ!! ทำให้กูกลับเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!!”
“แหมๆ ใจเย็นสิครับ ใช่ว่าคุณจะเป็นคนเดียวสักหน่อยที่ถูกผ่าตัด ลูกน้องของคุณเองก็มีสภาพไม่ต่างกันหรอกครับ”
“มึง!! กูจะต้องฆ่ามึงให้ได้!!”
“อยากทำอะไรก็เชิญครับ ท่าจำผมได้ละนะ”
“จะทำอะ–อุ๊บ!!”
ไทเอลหยิบขวดน้ำยาสีแดงมายัดปากเขาทันที โดยที่ไม่ปล่อยให้เขาได้พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย เขากลืนน้ำยาไปอย่างไม่เต็มใจและก็สลบไป
“รู้สึกดีใจหน่อยๆนะครับ ที่ยาที่กะจะโละทิ้งนำมาใช้แบบนี้ได้ด้วย ถือว่าประสบความสำเร็จน่าดูเลยนะครับ”
ไทเอลพูดพร้อมยกขวดยาสีเหลืองทองขึ้นมาดูเล่นและยิ้มอย่างอารมดี
“จะยกเครดิตให้ยานั้นอย่างเดียวรึไง แม่เองก็ช่วยเย็บกับออกแบบหน้าตาให้กับพวกนี้นะ”
“เรื่องนั้นก็ต้องขอบคุณเหมือนกันครับ โดยเฉพาะคาลฝีมือ การผ่าตัดยังยอดเยี่ยมเหมือนเคยเลยนะครับ”
“แค่นี้สบายๆมากมาย~”
คาลยกสองนิ้วโชว์ไทเอล แม้จะไม่เห็นบริเวณปากของเธอเพราะใส่หน้ากากไว้อยู่ แต่เชื่อได้ว่าเธอเองกำลังยิ้มอยู่แน่นอน
“ถ้าทุกอย่างเสร็จแล้ว กลับกันเถอะครับ”
ไทเอลดีดนิ้วอีกครั้งอุปกรทั้งหมดก็ได้หายไปในพริบตา โดยเหลือเตียงเอาไว้เพื่อให้นอนพักผ่อน
“นั้นสินะ..ตอนออกมาเองก็ยังไม่ได้กินอะไรด้วยสิ..ชักหิวหน่อยๆแล้วสิ กลับกันเถอะนะคาล”
“อืม!! กลับกันเถอะ”
ทั้งสามเดินจูงมือกันและเดินจากไปอย่างช้าๆ โดยไม่ได้สนใจพวกผู้หญิงที่ร่างกายเปลือยเปล่าที่กำลังนอนสลบอยู่บนพื้น30กว่าคน พวกเธอค่อยๆเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเลยด้วยซ้ำ