บ่วงแค้น บ่วงรัก - ตอนที่ 36 แค่คิดก็เจ็บปวด
เธอไม่อยากฟังและไม่อยากเชื่อ เพราะมิสเตอร์ได้ให้นักสะกดจิตมารักษาให้เธอจนล้างสมองของเธอไปสิ้น เธอจึงรู้สึกว่ามีเพียงมิสเตอร์คนเดียวเท่านั้นที่เธอจะเชื่อได้
ส่วนคณินนั้นเป็นเพียงคนสารเลวคนหนึ่งที่ทิ้งเธอไป เพียงเพราะรู้ว่าเธอไม่สามารถมีลูกให้เขาได้
ถ้าเขาต้องทะเลาะกับเธอเพียงเพราะพยายามอธิบายกับเธอ เขากลัวว่าอารมณ์ของเธอจะปั่นป่วนจนพัฒนาไปสู่ความเกลียดชังอย่างในอดีตและส่งผลเสียกับโรคเก่าของเธอ เขาเพียงต้องยอมตามเธอ แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อเขาไปตลอดก็ตาม
ชมพูแพรรู้ดีว่าข้อดี ข้อเสียที่เขาพูดถึง จะต้องหมายถึงเธอสำคัญกว่าบรรพบุรุษตระกูลชลปักษา แต่ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ทำไมตอนแรกที่ได้ยินข่าวว่าเธอตั้งครรภ์ไม่ได้ถึงรีบไปหย่ากับเธออย่างไม่ลังเลแบบนั้น หรือว่าสำหรับเขา เธอก็เป็นได้เพียงเครื่องจักรที่เอาไว้คลอดลูกเพื่อสืบทอดมรดกเท่านั้น
“ในเมื่อฉันไม่เชื่อ แล้วทำไมคุณต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วย”
แววตาของคณินฉายแววความเจ็บปวด รอยยิ้มของเขาเต็มไปร่องรอยการถากถาง “ถึงคุณจะไม่เชื่อ แต่คุณรับปากผมแล้ว ห้ามยกเลิก ถ้าเราสองคนมีลูกด้วยกันไม่ได้ คุณก็ห้ามไปจากผม ดังนั้นถ้าผมไม่มีทายาท คุณจะต้องอยู่กับผมไปตลอดชีวิต”
ชมพูแพรหันหลังแล้วเดินหนีออกจากห้องไป น้ำตาแห่งความอัดอั้นที่คลออยู่ในเบ้ามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดินออกจากห้องของคณินแล้ว น้ำตาจึงไหลพรากอาบแก้มลงมาไปจนถึงคาง ซึมผ่านเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ
อาการป่วยของเธอหวนกลับมาอีกแล้ว ซ้ำยังร้ายแรง หัวใจที่เหี่ยวเฉาเริ่มกลับมาเจ็บปวดอีกครั้ง เป็นความเจ็บปวดที่แจ่มชัด
ความเจ็บปวดนั้นเป็นความเจ็บปวดหัวใจเมื่อนึกถึงชื่อคณิน เรื่องราวต่างๆ ที่เธอพยายามลบออกไปจากสมอง กลับค่อยๆ ปรากฏแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ในหัวสมองของเธอราวภาพวาด
มันคือความรัก แม้ว่านักสะกดจิตจะพยายามเน้นย้ำในจิตใต้สำนึกของเธอแล้วว่าเธอได้เดินออกมาจากความสัมพันธ์ในอดีตและไม่ได้รักเขาแล้ว แต่เมื่อเธอได้สติขึ้นมา เพียงนึกถึงก็เจ็บปวด เมื่อเจ็บปวดก็เริ่มดำดิ่ง……
คณินได้ย้ายที่ตั้งของตัวเองมายังเมืองไอยา การประชุมผู้บริหารระดับสูงที่เมืองจาซาได้เปลี่ยนวิธีมาเป็นการประชุมออนไลน์แทน
หากมีเรื่องจำเป็นต้องไปเมืองจาซา เขาก็จะรีบกลับมาเมืองไอยาทุกครั้งไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหนก็ตาม
ชมพูนุชรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของคณิน เขาไปเมืองไอยาและไม่กลับมาที่เมืองจาซากว่าครึ่งปีแล้ว และไม่เคยกลับมาหาเธอด้วย
เมื่อก่อนเขาจะต้องกินข้าวร่วมกับเธอทุกๆ วัน แม้ว่าสีหน้าของเขาจะไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ยังได้เห็นหน้าเขาทุกวัน
แม้ว่าเขาจะมองเธอเป็นแค่ตัวแทน แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่อ่อนโยนและความรัก แม้ว่าเธอจะรู้ว่าสายตานั้นได้มองทะลุร่างของเธอและเห็นแต่ชมพูแพร
เมื่อเห็นขี้แมลงวันที่คิ้วของตัวเองในกระจก แววตาของชมพูนุชปรากฏแต่เพียงความเกลียดชัง เธอเกลียดใบหน้านี้ เกลียดมาตั้งแต่เด็ก เกลียดจนอยากจะเอามีดกรีด ถ้าหากแม่ของชมพูแพรไม่เป็นตัวขัดขวาง เธอกับแม่ของเธอคงได้เข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลหทัยภักดีแล้ว ไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ข้างนอก เวลาต้องเข้ากิจกรรมทางสังคมใดๆ เธอไม่สามารถใช้ฐานะลูกสาวของภาสกรปรากฏตัวได้ เธอไม่มีโอกาสเข้าไปอยู่ในวงสังคมชั้นสูง
ชมพูแพรกับแม่ของเธอคือคนที่น่ารังเกียจที่สุดบนโลกใบนี้!
ชมพูนุชตามไปที่เมืองเมืองไอยา จึงพบว่าชมพูแพรยังมีชีวิตอยู่ เธอจึงพบหนทางในการระบายความเคียดแค้นของตัวเอง แต่เธอในตอนนี้ใจเย็นลงกว่าเมื่อก่อนมาก
เธอไม่ใช่ชมพูนุชคนเดิมที่จะเอาเด็กทารกไปเยาะเย้ยต่อหน้าชมพูแพรอย่างไม่ใช้สมองอีกแล้ว
เธอใช้เวลาสองเดือนในการตามสืบเรื่องราวจนรู้ว่าชมพูแพรให้ความสำคัญกับลูกมาก และรู้ว่าเวลาที่ชมพูแพรออกจากบ้านจะต้องมีบอดี้การ์ดออกไปด้วยทุกครั้ง
ชมพูนุชตัดผมสั้นและลบรอยขี้แมลงวันที่คิ้วออกไป เธอพยายามเลียนแบบเป็นชมพูแพรในอดีตมามากกว่าหนึ่งปี เธอแสดงได้ดีจนเข้าไปในจิตใต้สำนึก แต่ทำไมการเลียนแบบชมพูแพรในปัจจุบันนี้กลับยากเย็นนัก