บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 384 ส่ง
ท่านอ๋องทั้งสามออกจากตำหนักใหญ่ไป แต่องค์รัชทายาทไม่ได้ไปด้วยเขาส่งพี่น้องทั้งสามคนออกจากตำหนักใหญ่ ยืนส่งพวกเขาอยู่ด้านนอกตำหนักด้วยรอยยิ้มอบอุ่น จนกระทั่งขันทีคนหนึ่งเข้าใกล้เขา
เมื่อเห็นขันทีเข้ามาใกล้ มือขององค์รัชทายาทขยับเล็กน้อย ถุงแห่งโชคใบหนึ่งไหลออกมาจากแขนเสื้อ ตกอยู่ในมือของขันทีผู้นั้น
ขันทีนำถุงแห่งโชคซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ก้มหน้าถอยออกไป มุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้จากอีกทิศทางหนึ่ง
ร่างขององค์รัชทายาทไม่ขยับเขยื้อน เพียงแต่รอยยิ้มมุมปากลึกยิ่งขึ้น ถุงแห่งโชคที่พระสงฆ์ผู้นั้นให้มาไม่ได้มีเพียงสองใบ เขาขออาจารย์ฮุ้ยจื้อมาสองใบ แต่อาจารย์ฮุ้ยจื้อให้เขามาสามใบ
นอกจากที่เขาขอให้องค์ชายห้ากับเฉินตันจูแล้ว ยังมีอีกใบให้องค์ชายหก
ใบขององค์ชายหกนี้เป็นความคิดของอาจารย์ฮุ้ยจื้อเอง มุมปากขององค์รัชทายาทแสดงออกถึงความเย้ยหยัน พระสงฆ์เฒ่านี้ลื่นไหล ไม่กล้าปฏิเสธเขา แต่ก็กลัวจะเดือดร้อน
แต่ว่าความคิดของเขาก็ไม่เลว ทำให้เขาลดปัญหาลงได้ไม่น้อย
องค์รัชทายาทมองไปทางท่านอ๋องทั้งสามที่เดินจากไปไกล ต่อจากนี้ก็รอเพียงถุงแห่งโชคอื่นตกอยู่ในมือของเจ้าของ จากนั้นละครดีฉากหนึ่งก็จะแสดงขึ้น บนใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มได้ใจ
“องค์รัชทายาท” มีคนเรียก
องค์รัชทายาทมองไป เห็นโจวเสวียนที่สวมเสื้อเจี่ยอีเดินเข้ามา รอยยิ้มของเขายิ่งลึกขึ้น
“เจ้าดูเจ้า หากได้เป็นพระราชบุตรเขย ย่อมไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงนี้” องค์รัชทายาทหยอกล้อ “สามารถนั่งอยู่ในตำหนัก ดื่มสุราทานอาหารเลิศรส สุขสบายอย่างอิสระ”
ถึงแม้โจวเสวียนจะเป็นท่านโหวกวนเน่ย อีกทั้งยังครอบครองอำนาจทางการทหารชั่วคราว แต่เมืองหลวงจัดงานเลี้ยงใหญ่ มีกองกำลังทหารและม้าควบคุมอย่างเข้มงวด นอกจากองครักษ์หลวงแล้ว ยังมีการเคลื่อนย้ายกองทัพทางเหนือ โจวเสวียนต้องนั่งบัญชาการ ไม่อาจจากไป
โจวเสวียนยิ้ม “กระหม่อมเห็นพระราชบุตรเขยทั้งหลายไม่มีท่าทีดีใจนัก พระราชบุตรเขยรองเพิ่งเดินทางไปพักผ่อนที่ตำหนักด้านข้าง ใช้มือปิดหน้า ราวกับถูกองค์หญิงข่วนเข้า”
องค์รัชทายาทถลึงตาใส่เขา “อย่าพูดเหลวไหล”
โจวเสวียนยิ้ม เอ่ยถาม “เสด็จพี่องค์รัชทายาทดีใจเรื่องใด” พูดพลางมองเข้าไปด้านใน “เลือกเหล่าพระชายาได้แล้วหรือ?”
องค์รัชทายาทยิ้มเล็กน้อย “ใกล้แล้ว ท่านอ๋องทั้งสามเดินทางไปแล้ว”
โจวเสวียนตอบรับ มองไปยังทิศทางของสวนดอกไม้
“วันนี้คุณหนูตันจูก็อยู่” องค์รัชทายาทรู้ว่าภายในใจเขาระลึกถึงผู้ใด จึงพูดเสียงเบา “ท่านอ๋องฉีปฏิบัติต่อคุณหนูตันจูอย่าง…ถึงแม้ข้าจะสืบให้เจ้าเป็นการส่วนตัว พระชายาที่พระสนมสวีเลือกไม่ใช่คุณหนูตันจู แต่หากท่านอ๋องฉีเปลี่ยนความคิด เกรงว่าเมื่อถึงเวลาสถานการณ์คงไม่ดีนัก คุณหนูตันจูจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก…”
โจวเสวียนยิ้ม เอ่ย “ไม่กลัว กระหม่อมจะแก้ไขสถานการณ์ที่ยากลำบากให้คุณหนูตันจู ท่านอ๋องเลือกพระชายาได้ คนที่ไม่มีบิดาและอายุไม่น้อยอย่างกระหม่อมก็สมควรสมรสแล้ว”
ถึงแม้หญิงสาวผู้นั้นจะไม่อยากสมรสกับเขา แต่หากเขาเปิดปาก ฮ่องเต้ก็ดีเหล่าพระสนมก็ดี ย่อมเห็นแก่หน้าของบิดาเขา ล้วนไม่ทำให้หญิงสาวลำบากใจอีก
องค์รัชทายาทตำหนิเสียงเบา “เจ้าอย่าเหลวไหล เวลานี้อนาคตของเจ้ากำลังดี อย่าได้ทำให้ฝ่าบาทโกรธ” พูดพลางส่ายหน้าอย่างระอา “คุณหนูตันจูนั้นมีสิ่งใดดีกัน เจ้าไปทำงานให้ดี ทางสวนดอกไม้ข้าให้พระชายาช่วยดูอยู่ เจ้าวางใจเถิด”
โจวเสวียนยิ้มให้เขา ถวายบังคม “องค์รัชทายาทรีบเข้าไปเถิด”
องค์รัชทายาทชี้ไปที่ดาบประจำกายของเขา “ปลดสิ่งนี้ลง เข้าไปนั่ง?”
โจวเสวียนส่ายหน้า “กระหม่อมยังมีงาน ไม่อาจจากไปได้”
องค์รัชทายาทหันหลังกลับเข้าไปอย่างไม่ได้เชื้อเชิญอีก
มององค์รัชทายาทเดินเข้าไปแล้ว ภายในดวงตาของโจวเสวียนฉายแววโหดเหี้ยม เขาเดินจากไปอย่างเชื่องช้า ทหารที่รออยู่ห่างออกไปเนื่องจากเขาพูดคุยกับองค์รัชทายาทเดินเข้ามา
“ให้คนส่งข่าวให้ท่านอ๋องฉี” โจวเสวียนพูดกับทหารข้างกายเสียงเบา “อาจมีเรื่องเกิดขึ้น”
คำพูดก่อนหน้านี้ขององค์รัชทายาทต้องการผูกมัดใจเขา แสดงความห่วงใยและสนิทชิดเชื้อกับเขา แต่ไร้ลมย่อมไร้คลื่น ทั้งที่องค์รัชทายาทรู้ว่าพระชายาของท่านอ๋องฉีไม่มีทางเป็นเฉินตันจู แต่กลับพูดว่าหาก…
ทหารตอบรับพร้อมถอยออกไป
โจวเสวียนมองตำหนักด้านหน้าที่สูงใหญ่ ตำหนักที่อยู่ด้านหลังสูงๆ ต่ำๆ เขาเลือกที่จะเป็นขุนนาง ครอบครองอำนาจทางการทหาร แต่ฮ่องเต้ก็มีความระแวงต่อเขามากขึ้น เขาไม่อาจเข้าออกพระราชวังตามใจเหมือนแต่ก่อน ยิ่งไม่อาจเข้าวังหลังได้
แต่เวลานี้อาศัยบิดาที่ตายไปของเขา เขายังคงปกป้องเฉินตันจูได้ ส่วนในอนาคตยิ่งทำได้ อนาคตฮ่องเต้ก็ไม่อาจรังแกหญิงสาวของเขาได้ตามใจ
…
เมื่อเห็นท่านอ๋องทั้งสามเดินตามมาด้านหลัง ขันทีจิ้นจงชะลอฝีเท้าลง
“ท่านอ๋องเสด็จไปก่อน ให้บรรดาเหนียงเหนียงดูถุงแห่งโชคของพวกท่าน” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “กระหม่อมตามอยู่ด้านหลัง ถวายน้ำใจของฝ่าบาท”
หากขันทีจิ้นจงถึงก่อน เรื่องที่เตรียมการไว้ต้องดำเนินการทันที ให้ท่านอ๋องทั้งสามไปก่อน พวกเขาสามารถเดินเล่นอยู่ในสวน มีเวลาดูให้มากขึ้น พูดคุยให้มากขึ้น
ถึงแม้การดูให้มากขึ้น พูดคุยให้มากขึ้นไม่มีประโยชน์อันใด
ตอนที่เขียนบัตรเชิญ พระสนมเสียนและพระสนมสวีมีตระกูลที่ชอบใจแล้ว วันนี้พิจารณาร่วมกับฮ่องเต้ในงานเลี้ยง เลือกผู้ที่โปรดปรานที่สุด ถุงแห่งโชคหกสิบหกใบที่ส่งมา สามใบที่เป็นของพระชายาคัดเลือกออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ขันทีจิ้นจงจะนำสามใบนี้มอบไปถึงมือของพระสนมเสียนและพระสนมสวี ให้พวกนางเลือกหญิงชนชั้นสูงที่ถูกเลือก
ท่านอ๋องทั้งสามดูหรือไม่ อันที่จริงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
แต่สามารถมองเหล่าหญิงสาวที่งดงามก่อนที่จะเปิดถุงออกยังคงทำให้คนหวั่นไหวอย่างมาก ท่านอ๋องเยียนไม่ได้คัดค้านด้วยท่าทีของพี่ชายที่สุขุม เขามองไปยังท่านอ๋องหลูด้านหลัง ท่านอ๋องหลูพยักหน้าระรัวอย่างไม่ทำให้ผิดหวัง “กงกงท่านเดินช้าหน่อย”
ขันทีจิ้นจงตอบรับด้วยรอยยิ้ม พร้อมหลีกทางท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องหลูให้เดินเข้าไป ท่านอ๋องฉียังคงเดินตามอย่างเชื่องช้าอยู่ด้านหลัง ไม่สนใจว่าผู้ใดจะอยู่ก่อนหรืออยู่หลัง
“พี่สอง” ท่านอ๋องหลูดึงท่านอ๋องเยียนมาถามเสียงเบา “เสด็จแม่เลือกคุณหนูตระกูลใดให้ท่าน เลือกคุณหนูตระกูลใดให้ข้า”
ท่านอ๋องเยียนยิ้ม “เจ้าวางใจเถิด ย่อมต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน พวกเรารออย่างสบายใจ”
ท่านสบายใจได้เพราะว่ามารดาผู้ให้กำเนิดท่านเลือกให้ ท่านอ๋องหลูพึมพำภายในใจ ข้าถูกฝากเลี้ยง ข้าย่อมต้องได้คนที่เหลือจากที่ท่านคัดเลือก
ไม่ได้ อย่างไรเขาก็ต้องไปดูก่อน ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าอาจเป็นคุณหนูสามสี่ตระกูลนั้น หากรูปลักษณ์ไม่อาจจ้องมองได้ เขาก็ ก็…ค่อยหาทางแก้ไข
เวลานี้พวกเขามาถึงสวนดอกไม้แล้ว มีเสียงหัวเราะของหญิงสาวดังขึ้น บนทางและพุ่มไม้ด้านหน้าเห็นเหล่าหญิงสาวเดินผ่านไปอย่างลางๆ
“ก่อนหน้านี้ข้ากินมากไป” ท่านอ๋องหลูกุมท้อง “พี่สอง พี่สามข้าไปเปลี่ยนชุดก่อน พวกท่านไปหาเสด็จแม่ก่อนเถิด”
เขาพูดจบไม่สนใจสิ่งที่ท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องฉีพูด วิ่งหายลับไปยังทางเล็กแห่งหนึ่ง
ท่านอ๋องเยียนจะไม่รู้ความคิดของเขาได้อย่างไร ส่ายหน้าด้วยความหมดหนทางและดูถูก “ไม่สุขุมเอาเสียเลย พระชายาคือพระชายา หลังจากปรองดองกันแล้ว ต่อไปต้องการหญิงสาวแบบใดตนเองย่อมตัดสินใจได้”
หลังจากพูดจบเขาก็รีบกระแอมไอกลบเกลื่อน เขาก็ไม่สุขุมเช่นเดียวกัน พูดความในใจออกมาทั้งหมด
ฉู่ซิวหยงพยักหน้าอยู่ด้านข้าง “ใช่ พี่สองพูดถูก”
ดู ความคิดของบรรดาชายหนุ่มล้วนเป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องเยียนโล่งออก หัวเราะร่า เดินไปยังตำแหน่งที่บรรดาหญิงสาวอยู่พร้อมกับท่านอ๋องฉีอย่างไม่รีบร้อน เสียงหัวเราะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีเสียงนกร้องปะปน งดงามอย่างมาก
…
ควรทำอย่างไร เฉินตันจูนั่งอยู่ใต้ราวดอกไม้ กอดเข่าครุ่นคิด ทำอย่างไรถึงจะไม่ต้องหยิบถุงแห่งโชค
คนอย่างองค์รัชทายาททั้งโหดเหี้ยมทั้งไร้เยื่อใย อีกทั้งยังไม่ใช่คนโง่ นางคงหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากนั้นนางเห็นฉู่อวี๋หยงหยิบใบไม้ที่ขาดในอ้อมกอดขึ้นมาวางไว้ที่ริมปาก เป่าเบาๆ ภายใต้ราวดอกไม้ก็มีเสียงนกร้องดังขึ้น ไพเราะเสนาะหู…
เขากำลังเลียนแบบเสียงนกร้องเพื่อปลอบนางหรือ เด็กคนนี้อยู่คนเดียวภายในจวนตลอดปี เรียนรู้วิธีการทำให้ตนเองมีความสุขอย่างมาก เฉินตันจูยิ้มเล็กน้อย อีกทั้งยังสามารถทำให้คนอื่นดีใจได้จริง ฟังแล้วไพเราะอย่างมาก…
ฉู่อวี๋หยงเป่าเพียงไม่กี่เสียงก็วางลง เฉินตันจูกำลังจะปรบมือชื่นชม ด้านนอกก็มีเสียงนกร้องแหลมเล็กดังขึ้น ราวกับกำลังตอบโต้กับเสียงของฉู่อวี๋หยงก่อนหน้านี้
เสียงนกร้องขานรับฟังแล้วเหมือนพบได้บ่อย แต่เวลานี้แปลกประหลาดเล็กน้อย
เฉินตันจูผงะ คงไม่ใช่เพราะฉู่อวี๋หยงเลียนแบบเหมือนเกินไป ทำให้นกจริงๆ ขานตอบรับใช่หรือไม่
ฉู่อวี๋หยงฟังเสียงนกร้องที่ดังขึ้น พูดกับเฉินตันจู “ท่านอ๋องทั้งสามเสด็จถึงสวนดอกไม้แล้ว ขันทีจิ้นจงนำถุงแห่งโชคหกสิบหกใบตามมา”
เฉินตันจูอ้าปากเล็กน้อย มององค์ชายหกที่งดงามแต่อาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หลบหลีกฝูงชนทำให้คนรู้สึกสงสารตรงหน้า ทันใดนั้นนางก็อยากเป่าเสียงบางอย่างออกมา…