[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 40 เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ ตอนที่ 20 เหตุใดบุตรีขุนนางผู้ทรงเกียรติเช่นเธอจึงกลายเป็นแสงสว่างให้ประชาชน
- Home
- [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 40 เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ ตอนที่ 20 เหตุใดบุตรีขุนนางผู้ทรงเกียรติเช่นเธอจึงกลายเป็นแสงสว่างให้ประชาชน
ตอนที่ 20 เหตุใดบุตรีขุนนางผู้ทรงเกียรติเช่นเธอจึงกลายเป็นแสงสว่างให้ประชาชน
“เจ็บ”
“อา คุณหนู! เป็นอะไรไหมคะ?”
“ม๊ายเป็นร๊าย”
ฉันเด้งมือซ้ายกลับมาที่หน้าอกโดยไม่ตั้งใจ วางผ้าดิบที่ถือไว้ลงและถูมือซ้ายด้วยมือขวา
ไม่มีเลือด เขย่าข้อมือหลายครั้งเพื่อไล่ความเจ็บ ก่อนยกผ้าขึ้นอีกครั้ง ขณะส่งยิ้มให้คลอริน่าซัง
คลอริน่าซังลูบหน้าอกด้วยความโล่งใจขณะมองมาที่ฉัน ฉันจึงถามถึงงานของฉัน
“……….เป็นยังไงกะ?”
“สวยมากเลยค่ะ”
“จริงเหรอ?”
“ค่ะ ฉันมั่นใจว่าน็อกซ์เบลซามะต้องมีความสุขแน่นอนค่ะ”
“เอะเฮะๆๆ”
ฉันลองจินตนาการช่วงเวลาที่ได้มอบงานที่เสร็จแล้วให้เบลล์ซัง แก้มของฉันก็ผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ
สัญญาลับกับคลอริน่าซัง――――“คำขอร้อง”ที่ฉันอยากมอบกางเกงใยฟักทองแฮนด์เมดให้กับเบลล์ซัง ดูเหมือนใกล้จะเป็นจริงในไม่ช้า
……..ถึงจะเป็นงานแฮนด์เมด แต่แน่นอนว่าฉันไม่เคยเย็บผ้ามาก่อนเลย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเย็บกางเกงในผักทองได้เองตั้งแต่แรก และค่อนข้างที่จะไม่มีเหตุผลหากจะฝืนทำเอง เรื่องนี้จึงใกล้เคียงกับการขอคำปรึกษามากกว่าจะเป็นคำขอ
คลอริน่าซังมาหาฉันในวันก่อนเพื่อจ่ายภาษี ในขณะที่ฉันเตรียมพร้อมที่จะเรียนรู้การตัดเย็บตั้งแต่เริ่มต้น ยังไงก็ตามเธอนำกางเกงในฟักทองที่ใกล้เสร็จแล้วที่เหลือแค่การตกแต่งขั้นสุดท้ายและวิธีทำมามอบให้ฉันแทน
ขั้นตอนสุดท้ายคือการตกแต่ง เย็บลูกไม้ในส่วนของชายขาและเอว ที่จริงดูเหมือนว่านี้จะเป็นขั้นตอนแรกที่ต้องฝึกจริงๆ
ฉันเลือกลายดอกไม้จากหลากหลายแบบ วันนี้ฉันอยู่ภายใต้การสอนของคลอริน่าซัง ฉันพยายามเย็บสุดความสามารถแม้ว่าจะโดนเข็มทิ่มนิ้วไปหลายครั้ง
“…….จะว่าไปแล้ว คุณหนูคะ”
“กะ”
“ฉันได้ยินมาว่าท่านจะเข้าโรงเรียนแล้ว……?”
ทันใดนั้นคลอริน่าซั้งก็ถามขึ้น ในขณะที่มองไปที่มือของฉันที่กำลังเย็บผ้าอย่างไม่คุ้นเคย
สีหน้าของเธอดูไม่สบายใจเล็กน้อย
“อืม วันเกิดครั้งหน้า หลังจากนั้นเล็กน้อย”
“เช่นนั้นหรือคะ ได้โปรดให้ฉันได้ไปส่งท่านในวันพิธีเปิดการศึกษาด้วยเถอะค่ะ”
“โฮเอะ”
ฉันหยุดมือและเงยหน้าขึ้นมองคลอริน่าซังด้วยดวงตากลมโตจากคำขอที่ไม่คาดคิด
ไม่มีความล้อเล่นอยู่ในสายตาของเธอ เห็นได้ชัดว่าดูจริงจังกว่าปกติ
“อืม แน่นอน …….แต่ มีอะไรเหรอ?”
จริงอยู่ว่าฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคลอริน่าซัง แต่ถึงอย่างนั้นฉันกับเธอก็ได้เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แม้จะรวมเวลาที่ใช้ด้วยกันตอนทดสอบเวทมนตร์ก็ตาม
แน่นอนว่าฉันดีใจที่เธอจะไปส่ง แต่ฉันก็ไม่รู้เหตุผลที่เธอยอากทำเช่นนั้น
เมื่อเห็นฉันสงสัย คลอริน่าซังก็ค่อยๆสูญเสียการแสดงออก
“นั่นสินะคะ เป็นการแสดงความหมายถึงการขอบคุณค่ะ”
“ขอบคุณ…….?”
ฉันได้ทำอะไรที่ทำให้คลอริน่าซังอยากขอบคุณไปงั้นเหรอ
ฉันคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องที่ฉันช่วยเก็บความลับเรื่องที่พวกเด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามีส่วนในการทำงานเย็บเสื้อผ้า แต่ในกรณีนั้นฉันไม่คิดว่าจะจำเป็นต้องแสดงการขอบคุณอีกครั้งเลย
ในเวลาที่เธอช่วยปกปิดเรื่องเวทมนตร์ที่แท้จริงของฉัน ก็ถือว่าเสมอภาคกันแล้ว และเรื่องของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่แรกแล้วฉันก็พูดออกไปเพราะเรื่องฟังดูตรงกับอิมเมจเฉยๆ ถ้าเธอไม่พูดออกมาตอนนั้น ฉันก็ไม่ไปถามใครหลังจากนั้นอยู่แล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง สำหรับฉันแล้ว คลอริน่าซังไม่มีสิ่งที่ถือว่าติดข้างกันเลย แถมยังจะเป็นฝ่ายรู้สึกขอบคุณสำหรับการสอนเย็บผ้ากลับไปทางเดียวด้วยเสียมากกว่า
ดังนั้นถึงจะบอกว่าเป็นการขอบคุณ แต่ก็ไม่มีอะไรในใจที่ต้องทำขนาดนั้น
“คุณหนูทราบหรือไม่คะ ว่าข่าวลือของคุณหนูกำลังแพร่กระจายไปทั่ว?”
“……อะ อืม ได้ยินจากจี้ซามะแล้ว”
ข่าวลือของฉัน น่าจะเป็นข่าวลือเดียวกันกับที่ฉันได้ยินเป็นครั้งแรกจากคุณตาตอนที่ไปเยี่ยมชมโรงเรียน
ฉันจำได้ถึงสายตาที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจจากผู้คนบนท้องถนนในตอนที่เดินทางกลับจากเมืองหลวง
……..แต่ว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจทำสิ่งที่น่าภาคภูมิอย่างที่กลายเป็นข่าวลือกัน ถ้าไม่ใช่เพราะอายาเมะเข้าโจมดีในวันนั้น ฉันก็คงไม่สามารถเข้าไปขัดขวางและช่วยเอาไว้ได้
แต่ถึงอย่างงั้นฉันก็แทบที่จะก้าวเท้าออกไปไม่ได้ เพราะถึงอายาเมะจะเป็นหมาป่าสีทองที่ยังเด็ก แต่ก็มีขนาดความยาวพอๆกับฉัน หรือเล็กกว่านิดหน่อย
ตัวอย่างเช่นถ้าหากเป็นหมาป่าที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นสักเท่าหนึ่ง ฉันคงได้แต่ตัวแข็งขยับขาไม่ออก
“ข่าวลือแพร่ไปแม้แต่ในหมู่เด็กๆที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีรอยยิ้มมากกว่าเมื่อก่อนที่ข่าวลือจะแพร่มาซะอีกค่ะ”
“เอ๊ะ”
“แน่นอน………”
คลอริน่าซังพยายามทำอะไรบางอย่างต่อหลังจากนั้น
การแสดงออกของเธอบิดเบี้ยวชั่วครู่ก่อนที่จะสงบลง และปิดลงราวกับจะกลืนคำพูดบางอย่างลงไป
“…..ไม่สิ นอกจากนี้ฉันยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณคุณหนูในแบบที่ไม่คิดว่าจะสามารถตอบแทนคืนได้ แต่ฉันอยากจะทำให้คุณหนูยิ้มค่ะ เพราะฉันชอบช่วงเวลาที่คุณหนูมีรอยยิ้มมากที่สุด ……..ความรู้สึกนี่คือเหตุผลอันดับหนึ่งที่ทำฉันอยากไปส่งคุณหนูค่ะ”
“รอยยิ้ม”
……..คลอริน่าซังบอกว่าเป็นรอยยิ้ม เพราะฉันยิ้มให้
เหมือนกับคำปฏิญาณของฉันที่สลักไว้ที่แผลเป็นที่หลังของฉัน
“ความสุขเพื่อความสุข”
คลอริน่าซังอ้าปากค้าง หลงลืมคำพูด ก่อนที่จะลืมตาขึ้น
ร่างของอดีตอาจารย์ที่สอนความจริงและปกป้องพวกเราก่อนที่จะร่วงหล่นปรากฏเข้ามาในหัวของฉัน
เขาพยายามสร้างความแตกต่างโดยการเผาปัจจุบันด้วยเปลวไฟ เขารวบรวมกองไฟเล็กๆที่ลุกขึ้นจนในที่สุดก็กลายเป็นพายุเพลิงโหมกระหน่ำ ฉันในเวลานั้นก็มีความรู้สึกร่วมและเห็นด้วย
แต่ผลสุดท้ายที่เกิดขึ้นคือ การกดขี่ที่เพิ่มขึ้น
――――ถ้าเป็นแบบนั้นอีกคงไม่ดี
หากคุณชักดาบขึ้นมาง่ายๆโดยไม่คิด ศัตรูของคุณก็จะชักดาบออกมาเช่นกัน
และการโอบกอดความรู้สึกต่อต้านและบาดแผลแห่งความเกลียดชังเอาไว้ ก็มีแต่จะสร้างบาดแผลแห่งความเกลียดชังต่อไป
ถ้าคุณไม่หยุดลงที่ไหนสักแห่ง เรื่องนี้ก็จะดำเนินไปตลอดกาล
………แน่นอนว่าฉันไม่สามารถพูดได้ว่านั้นเป็นเรื่องใหญ่ของทั้งโลก
แต่ฉันทำก็เพื่อความสุขของฉันเอง
อย่างน้อยก็เพื่อให้คนสำคัญเต็มไปด้วยความสุขเสมอไป
ใช้ดาบตอบโต้แค่ในขอบเขตที่มองเห็น ถ้าคุณทำได้แทนที่บาดแผลด้วยโอบกอด
จากนั้นเมื่ออารมณ์ด้านลบกลับมาเป็นรอยยิ้มในที่สุด ฉันมั่นใจว่าตาชั่งจะกลับมาสมดุล
“นักบุญ、ซามะ……….”
คลอริน่าซังพึมพำด้วยอาการใจลอยราวหลุดไปที่ไหนสักแห่ง
……..นักบุญซามะเหรอ ฉันแค่ต้องการให้ตัวเองมีความสุขเท่านั้นเอง
อาจมีเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย
“…….อา”
ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกอายขึ้นมาที่พูดเรื่องเพื่อความสุขแบบนั้น แก้มของฉันร้อนขึ้นจนต้องก้มหน้าลง
หลังจากเงียบไปหลายสิบวินาที ในที่สุดคลอริน่าซังก็กลับมา
……แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอน้ำตาไหล
“เอ๊ะ”
“อ้า ช่างประเสริฐเสียนี่กระไร…….”
“เอ๊ะ”
คลอริน่าซังที่ดูเหมือนจะเปลี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์ อ้าแขนออกกว้าง
ความนุ่มนิ่มก็เขาโอบรอบตัวฉัน
“เดจาวู”
“คุณหนู………. !”
“ฟุกิ๊ว !? “
ฟุกิ๊ว มุกิ๊ว อึดอัด นุ่มนิ่ม ยิ่งใหญ่
ฉันถูกบดขยี้พร้อมรู้สึกพ่ายแพ้อย่างแปลกประหลาดในขณะที่พยายามดิ้นรนหาอากาศหายใจ น่ากลัว
“คุณหนู ความคิดของท่านช่างน่านับถือวิเศษมากที่สุดมากๆไปเลยค่ะ …….แต่ว่า”
“มุกิ๊ว”
“ได้โปรดอย่าพยายามแบกเอาไว้คนเดียวเลยนะคะ ฉัน พวกฉันเป็นผู้ใหญ่ค่ะ คุณหนูที่ทั้งบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา และมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด จะมีหัวใจที่เหมือนหิมะไม่ได้”
คำพูดที่ฟังดูหนักแน่นในขณะที่มือของฉันเริ่มเป็นตะคริว
คำพูดของคลอริน่าซังมีน้ำหนักพอสมควรซึ่งจะช่วยผู้คนได้มากกว่าฉันที่เคยทำผิดพลาดมาแล้ว นอกจากนี้ยังน้ำหนักเกินหยั่งถึงในหน้าอกก็ด้วย
“――――ยังไงก็ตามด้วยเหตุนี้ พวกเราสามารถป้องกันไม่ให้ความตั้งใจใดๆมุ่งเป้าไปที่คุณหนูได้ ดังนั้นหากเมื่อใดก็ตามที่ท่านมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก ท่านสามารถพึ่งพาพวกเราได้ ……….นี่คือคำสัญญา”
“สัญ ยา”
ในขณะที่ถูกผสมผสานด้วยความอบอุ่นทางจิตใจและความเจ็บปวดทางร่างกาย ฉันพยายามควบคุมปอดที่ต้องการออกซิเจนอย่างหนักแล้วฝืนตอบออกไปให้กับคลอริน่าซังที่ยิ้มขอบคุณอย่างพึงพอใจ
ฉันรู้สึกถึงสติที่ค่อยๆแผ่วเบาลง ฉันจึงยื่นมือที่สั่นเทาออกไปด้วยท่าทาง “สัญญา” เพื่อที่ฉันจะไม่มีวันลืมคำพูดนั้น
“ไอรุ、บี、บาคุ……”
“คะ คุณหนู…….? ――――ว๊าย!?”
ในที่สุดคลอริน่าซังก็สังเกตเห็นฉันที่หมดแรงขณะที่กำลังพูดภาษาลึกลับ ท้ายที่สุดฉันก็ได้รับการปลดปล่อยจากการกอดรัดแสนนุ่ม บางทีฉันกำลังสูดอากาศด้วยความสิ้นหวังไม่ต่างจากตอนที่ฉันกำลังรักษาบาดแผลของเบลล์ซัง
“เซ……เซ อึก……อือ”
“ฉันทำผิดแบบเดิมอีกแล้ว……. ! ขอประทานโทษด้วยค่ะคุณหนู ฉันประทับใจมากไ……..”
หลังจากนั้นเธอก็ถูกหลังฉันสักพักจนในที่สุดก็สามารถปรับลมหายใจได้
หลังจากนั้นฉันก็กลับมากทำงานที่ค้างอยู่ต่อ ปักแล้วดึง ปักแล้วดึง
จากนั้นกว่าหนึ่งชั่วโมง ของขวัญสำหรับเบลล์ซังก็เสร็จสมบูรณ์
“ขอบคุณสำหรับน้ำนะคะ น็อกซ์เบลซัง”
“มะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ! ขอบพระคุณมากค่ะ”
ดิฉันโค้งคำนับอย่างเร่งรีบให้คลอริน่าซังที่เดินลงมาพร้อมกับถ้วยข้ออ้างโดยชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าช่วงเวลาความลับกับอริซซามะสิ้นสุดลงแล้ว
“เช่นนั้น…….ดิฉันสามารถกลับเข้าไปได้แล้วรึยังคะ?”
“ค่ะ คุณหนูกำลังรอน็อกซ์เบลซังอยู่ ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่อยากจะมอบให้ด้วยล่ะค่ะ”
“ของที่อยากจะมอบให้”
สิ่งที่อริซซามะต้องการจะมอบให้กับดิฉัน
ดิฉันสงสัยจริงๆว่าคืออะไร เดาไม่ออกเลย
เมื่อคลอริน่าซังเห็นดิฉันครุ่นคิด เธอก็มีรอยยิ้มกว้างซุกซนเล็กน้อย
“ฟุๆๆๆ เช่นนั้น ฉันที่นี่…..ขอโทษที่มารบกวนนะคะ”
“อะ…..ไม่ค่ะๆ นอกจากนี้ ไว้ดิฉันจะไปเยี่ยมที่ร้านอีกนะคะ”
“ค่ะ ในกรณีเช่นนั้น ก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ”
ดิฉันเดินนำไปเปิดประตูหน้า และมองออกไปข้างนอก
หลังจากคลอริน่าซังเดินไปเล็กน้อย เธอก็มองย้อยกลับมาและโค้งคำนับ ดิฉันโค้งตอบอย่างมั่นคง หลังจากยืนยันได้ว่าเธอเดินไปทางเมืองเรียบร้อยแล้ว ดิฉันก็ปิดประตู
“สิ่งที่อยากมอบให้ดิฉัน……”
ดิฉันสามารถจัดการได้ นั่นคือทั้งหมดที่ดิฉันคิด
คลอริน่าซังรีบกลับไปทันทีโดยมีท่าทีระวังนิดหน่อย
…….คลอริน่าซังรู้ดีว่าสิ่งเดียวที่ดิฉันคิดได้ทันทีในช่วงเวลานี้คือเรื่องของอริซซามะ
“อริซซามะ”
ยังไงก็ตามอริซซามะรอดิฉันอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รีบร้อน
ดิฉันรีบไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว
ระหว่างเดินขึ้นบันไดดิฉันเดินผ่านคาลเมียร์ที่โค้งคำนับมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ดิฉันฝืนยิ้มตอบกลับไปผ่านๆเล็กน้อย จากนั้นก็ขึ้นไปชั้น 3 รวดเดียวจนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง
“ลาๆๆๆ ล๊า ลาๆๆๆๆล๊า”
หลังประตู ดิฉันได้ยินเสียงอริซซามะร้องเพลงอย่างมีความสุข น่าร๊าก
หากมีเวทมนตร์ที่สามารถบันทึกเสียงได้ดิฉันก็อยากใช้ทันที
“อริซซามะ…….? ขออนุญาตเข้าไปได้หรือไม่คะ?”
กลับเข้าสู่เรื่องหลัก
ก๊อกๆ ดิฉันเคาะเบาเพื่อไม่ให้รบกวนเสียงเพลง ก่อนจะถามออกไป
จากนั้นเสียงเพลงก็หยุดลง และดิฉันก็ได้ยินคำตอบรับเล็กๆที่น่ารักที่ยินประจำ ดิฉันเปิดประตูเสียงเบาๆ
……ยังไงก็ตาม เพลงที่อริซซามะมักจะชอบร้องคือเพลงอะไรกันนะ?
เป็นท่วงทำนองที่แผ่ขยายงดงามทำให้รู้สึกสูงส่งเลิศค่า ดิฉันไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย ห่างไกลจากการร้องเพลงทั่วไป
บางทีอริซซามะอาจจะมีพรสรรค์ด้านดนตรีด้วยเช่นกัน
“ขออนุญาตนะคะ ไม่สิ กลับมาแล้วค่ะ”
“เอะเฮะ ยินดีต้อนรับกลับ”
แก้มของดิฉันผ่อนคลายลง และถูกดึงดูดไปที่อริซซามะที่หากมีหางอยู่ ตอนนี้ก็คงได้เห็นหางนั่นส่ายไปมาด้วยพลังทั้งหมดที่มี พร้อมใบหน้าเบื้อนยิ้ม
การแสดงออกของอริซซามะเพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเร็วๆนี้
นับจากวันที่ทดสอบเวทมนตร์หรือเปล่านะ ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างไปเป็นตัวกระตุ้น
แต่เช่นเดิม ในบางครั้งแววตาก็กลายเป็นขุ่นมัวราวกับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัว จะมีวันที่ความกลัวและความกังวลของอริซซามะจะหายไปได้หรือไม่นะ
…..ไม่สิ สักวัน ดิฉันแน่ใจว่าดิฉันจะสามารถลบความรู้สึกเหล่านั้นออกไปได้อย่างแน่นอน
“เบลล์”
“คะ อริซซามะ”
อริซซามะมองมาที่ดิฉันด้วยท่าทางที่เหมือนกำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง
ใช่แล้ว ดิฉันได้ยินมาว่ามีบางอย่างที่จะมอบให้ดิฉันก็รีบมาที่นี่ทันที
ดิฉันมองเข้าไปอย่างละเมียดละไมหาว่าคืออะไรโดยที่แกล้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นท่าทางของอริซซามะ
“คือว่านะ”
“คะ”
“เบลล์ ใกล้ วันเกิดแล้ว ใช่ไหม”
“เอ๊ะ อะ……ค่ะ ก็ใช่แต่………”
อริซซามะเอ่ยคำพูดที่ไม่คาดคิดออกมา ดิฉันกรอกตาไปมา
ไม่จริง แน่นอนว่าใกล้จะถึงวันเกิดของดิฉันแล้ว……ให้ถูกต้องคือว่าที่ดิฉันได้รับนาม”น็อกซ์เบล”มา
ความทรงจำแรกที่ดิฉันจำได้คือ การเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อของตนเอง นับประสาอะไรกับวันเกิด ที่บาร์มักเรียกว่า”เจ้านั่น”หรือ”แก” มีครั้งหนึ่งที่ดิฉันเข้าใจผิดว่านั่นคือชื่อ
ดังนั้น ในวันที่อลิเซียซามะรับดิฉันไว้ และมอบชื่อให้
นั่นคือ วันเกิดของดิฉัน
……แต่ยังไงก็ตาม ดิฉันจำไม่เห็นได้เลยว่าได้บอกอริซซามะถึงวันที่ว่าไว้เลย
ได้ยินมาจากฮัททีเรียซามะงั้นหรือคะ
“เพราะงั้น…….แบบว่า ถึงจะเร็วไปหน่อย แต่”
จากนั้นอริซซามะก็มีท่าทางเอียงอายใบหน้าถูกย้อมด้วยสีแดง ค่อยๆนำสิ่งที่ซ่อนอยู่ส่งมาให้ฉันช้าๆ
” ―――― สุขสันต์วันเกิดก่ะ”
ตึกตัก ทันใดนั้นหัวใจของดิฉันก็เต้นแรง
จนดิฉันไม่ได้รับของมาในทันที
“เบลล์……..?”
อริซซามะที่ตั้งใจมอบให้เต็มที่หางตาตกด้วยความกังวล ดิฉันเข้ากอดเธอด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย
“ฟุกิ๊ว”
“อริซ、ซามะ………..”
สีสันค่อยๆกลับเข้ามาในหัวใจที่ว่างเปล่าของดิฉันจากแรงกระตุ้น
เป็นสีชมพูที่อบอุ่นมากๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดิฉันน้ำตาไหล
“บะ เบลล์ เป็นอะไร………?”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…….แต่ ดิฉัน ตอนนี้ดิฉันมีความสุขที่สุดเลยค่ะ อริซซามะ………. !”
“ฉันเองก็มีความสุขเหมือนกัน”
เด็กดีเด็กดี ดิฉันรักมือมือเล็กๆที่ลูบลงมาบนหัวดิฉัน
ดิฉันรีบเงยหน้าขึ้น ก่อนที่มนตร์เสน่ห์ลึกลับจะทำลายสติและเหตุผลของดิฉันจนสิ้นแล้วทำตัวเอาแต่ใจ
“อริซซามะ…….ขอบพระคุณมากนะคะ ขอบพระคุณมากๆจริงๆค่ะ”
“ยินดี ขอบกุณ”
อ้า ไม่นะ ใครกันที่จะสามารถระงับความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมาเช่นนี้ได้
ดิฉัน บางทีนี่อาจเป็นการรู้สึกดีใจที่สุดในชีวิตของดิฉันจนถึงตอนนี้
ถึงอย่างงั้นดิฉันก็พยายามทำใจให้สงบลงอย่างสุดความสามารถ แล้วรับกางเกงในฟักทองน่ารักที่ได้รับเป็นของขวัญครั้งแรกในชีวิตมากอดแน่น การแสดงออกของอริซซามะผ่อนคลายลงอย่างมีความสุข และทำให้ดิฉันเกือบกอดเธออีกครั้ง
“อริซซามะเป็นคนทำเองงั้นหรือคะ?”
“อืม …..ที่จริง ส่วนใหญ่ เป็นคลอริน่าซัง แต่ฉันเลือกลายแล้วเย็บ”
“เช่นนั้น ดิฉันคงต้องขอบคุณคลอริน่าซังอีกคนสินะคะ……”
ดิฉันกางกางเกงในฟักทองและมองดูอย่างจริงจัง
แน่นอนงานหลักๆไม่มีจุดตำหนิใดๆ เป็นงานของคลอริน่าซังแน่นอน
จากนั้น ลายเย็บปัก ลูกไม้ลายดอกไม้ที่อริซซามะเลือกและเย็บเอง
ดิฉันคุ้นเคยกับรูปแบบที่เห็น
“นี่คือ อริซซามะ……..”
ทันใดนั้นอริซซามะก็วิ่งกลับไปที่เตียงและลนลานคลานขึ้นไป และเมื่อหยิบตุ๊กตาสัตว์ขึ้นมาได้ก็ฝังซ่อนใบหน้าลงไปโผล่ออกมาแต่ดวงตาแค่เล็กน้อย
―――― นี่เป็นรูปแบบเดียวกันกับกางเกงในฟักทองที่อริซซามะใส่
ในขณะที่ดิฉันกำลังอดทนไม่ให้ตัวเอเงถูหน้าลงไปบนลายลูกไม้ที่เย็บอย่างเงอะงะเล็กน้อย ดิฉันก็ได้ยินเสียงเล็กๆ
แน่นอนว่าดิฉันไม่มีทางพลาดเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่อยากให้ได้ยินหรือไม่อยากให้ได้ยิน
“……..เพราะบอกว่า เหมือนกัน ดี”
ฟู๊วๆๆ ดิฉันพบว่าตัวเองกำลังสั่นอย่างหนัก
ดิฉันแน่ใจว่าสิ่งที่อริซซามะพูดนั้นเหมือนถึงเรื่องเมื่อครั้งไปเห็นผ้าปูที่นอนสีชมพูที่ห้องนอนเก่าของดิฉัน ตอนนั้นเธอถามเรื่อง『สีชมพู? 』 และดิฉันจำได้ขึ้นใจว่าดิฉันตอบไปว่าถ้าใช้สีเดียวกันได้ก็คงดี ดิฉันยังจำบทสนทนาสั้นๆนั้นได้เสมอ แม้จะเรื่องที่เจ็บปวดและยากลำบากเกิดขึ้นมากมายหลังจากนั้นก็ตาม
จะน่ารักดี หรือไร้เดียงสาดี ทางไหน……
“น่าร๊าก”
ตอนนี้ไม่มีฮัททีเรียซามะ หรือมิแรนด้าซัง ที่จะมาตำหนิดิฉันได้
ในที่สุดดิฉันก็ทนจะไม่พูดไม่ไหว
อริซซามะก้มหน้าลงส่ายหัวแล้วจับมือดิฉันทันที
“――――อะอือ ไปที่นั่น…….ที่ อายาเมะอยู่…… !”
ในขณะที่เอียงหัวเพื่อร้องขออย่างกะทันหัน ดิฉันเกือบจะถามออกไปว่าหลังอาหารกลางวันดีไหมคะ แต่ก็กลืนคำพูดลงไป
…..เข้าใจแล้ว ดิฉันแน่ใจว่าแต่แรกแล้ว อริซซามะตั้งใจขอร้องเพื่อให้ตัวเองสามารถสงบใจลงได้หลังจากที่มอบของขวัญให้ดิฉัน การพยายามเปลี่ยนเรื่องในทันทีทันใดด้วยท่าทางรีบร้อนแสดงออกถึงท่าทางเขินอายอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าดิฉันทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
หลังจากเก็บกางเกงในฟักทองชิ้นสำคัญที่รับลงบนชั้นวางเรียบร้อย
ดิฉันก็จับมือเล็กๆกลับแล้วโอบรอบนิ้ว
“รับทราบแล้วค่ะ อริซซามะ?”
“……..อือ”
ดิฉันจูงมืออริซซามะออกจากห้อง ขณะที่ยิ้มให้เธอที่หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงมากขึ้น เช่นเดียวกับครั้งก่อน ครั้งนี้ดิฉันค่อยๆลงบันไดไปกับอริซซามะอย่างช้าๆ
จากนั้นเมื่อพวกเราลงมาใกล้ถึงบันไดหลัก ดิฉันก็เห็นคาลเมียที่กำลังถือถาดอาหารไปให้ฮัททีเรียซามะซึ่งกำลังรอทานอาหารกลางวันอยู่ที่ห้องโถง
และเกือบจะในเวลาเดียวกันประตูข้างบันไดก็เปิดออก มิแรนด้าซังปรากฎตัวออกมาเช่นกัน
ทั้งสามคนที่สังเกตเห็น มองมาที่ดิฉันและอริซซามะตามลำดับ ดิฉันทำสีหน้านุ่มนวลอย่างเป็นธรรมชาติ
“อะไรรึ อยากจะกินอาหารกลางวันที่ห้องโถงด้วยกันรึ? อริซ”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกดิฉันจะรีบไปเตรียมให้ในทันทีค่ะ!”
“ฮิเมะ! ข้ากำลังจะไปพบที่ห้องเลยค่ะ”
ทันใดนั้นดิฉันก็มองอริซซามะ อริซซามะก็มองมาที่ดิฉันเช่นกัน
ดิฉันรู้ทันทีว่าในแววตานั่นต้องการจะพูดอะไร
“……ไม่ค่ะ ขอประทานอภัยด้วยค่ะ อริซซามะอยากไปทานอาหารกลางวันด้วยกันกับหมาป่าสีทอง………กับอายาเมะที่แมเรียนฟาร์มค่ะ”
“ขอโทษก่ะ”
พงกๆ อริซซามะพยักหน้าข้างๆดิฉัน
ท้ายที่สุดดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮัททีเรียซามะและคาลเมียร์ก็มองหน้ากัน ส่วนมิแรนด้าซังกระพือแขนรีบกลับไปที่ห้องอย่างร้อนรน
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ไว้มากินด้วยกันตอนกลางคืนแล้วกัน”
“พวกดิฉันจะรีบเตรียมของให้ทันทีเลยค่ะ! ขนมปังกับชีส และ เอ่อ เนื้อแห้ง…….”
ขณะที่มองคาลเมียร์วิ่งไปที่ห้องครัว พวกเราก็เดินลงบันได
เมื่อพวกเราเดินมาถึงที่ข้างโต๊วตัวยาว อริซซามะก็จ้องไปที่ฮัททีเรียซามะ
“มีอะไรรึ อริซ”
“กางเกงในฟักทองไม่จำเป็น ของอย่างอื่น……..อืมมมมม”
“กางเกงในฟักทอง……..?”
ฮัททีเรียซามะสงสัยและพยายามทำความเข้าใจความหมายของคำๆนั้น แต่ดิฉันตัดสินใจที่จะเงียบไว้ ดิฉันแน่ใจว่าอริซซามะตั้งใจที่ทำแบบเป็น”ความลับ”อย่างที่เคยทำ
“ขออภัยที่ทำให้ต้องรอนะคะ อริซซามะー!”
คาลเมียร์กลับมาภายในไม่กี่นาทีหลังจากที่เข้าไปยังห้องครัว ในขณะที่ดิฉันกำลังจะรับอาหารกลางวันจากคาลเมียร์ก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่ส่งมา ดิฉันจึงรับตุ๊กตาสัตว์จากอริซซามะ
“ขอบกุณ”
“ไม่ค่ะ”
อริซซามะรับอาหารกลางวันแทนดิฉันไว้ในมือซ้าย และคลี่ยิ้มอย่างพอใจ
หลังจากยืนยันว่าพร้อมแล้วพวกเราก็ไปที่ประตูหน้า จากนั้นประตูข้างบันไดก็เปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงดังโครมคราม
“ฮิเมะะะะะะะะะะ! ได้โปรดรอก่อน ข้าจะไปกับท่านด้วย!!”
“อืม มิร่าไปด้วยกัน”
เห็นได้ชัดว่าที่กลับเข้าไปในห้องก่อนหน้านี้ก็เพื่อที่จะเตรียมตัวสำหรับการออกไปข้างนอก ช่วงนี้ดูเหมือนมิแรนด้าซังจะค่อนข้างเข้าใจอริซซามะดีขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
“เช่นนั้น”
ดิฉันพยักหน้าให้กับมิแรนด้าซังที่มาเปิดประตู
ยังไงก็ตามอริซซามะมองย้อนกลับเข้าไปอีกครั้งก่อนจะออกประตู
“เอ๊ะโตะ คือ……จะ จะไปแล้วนะกะ”
ฮาโตะ
เหมือนเวลาได้หยุดลง
สิ่งที่ดิฉันรู้สึก ดิฉันมั่นใจว่าทุกคนก็รู้สึกเหมือนกัน
“อริซซามะ……..”
“อือ?”
อ้า อ้า
ทำไมกันนะ หลายวันนับจากที่ฟื้นขึ้นมา
………วันนั้น
วันนั้น วันที่ดิฉันรับอริซซามะที่พึ่งเกิดจากแขนที่สั่นเทาของอลิเซียซามะ
อลิเซียซามะพูดอย่างหายใจไม่ออก
――――『ได้โปรด เด็กคนนี้』
คนสำคัญ……สำหรับดิฉัน อลิเซียซามะเป็นดังแม่ของดิฉันอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ช่วงเวลาตรงหน้าก็ไม่อาจจีรัง
ดิฉันได้รับความไว้วางใจ ด้วยดอกไอริสที่บานสะพรั่งตลอดไป
――――『ทำให้เธอมีความสุข』
ดิฉันควรทำอย่างไรดี คุณจะมีความสุขอยู่ไหม ความสุขคืออะไรกัน
ดิฉันสงสัยเช่นเดียวกับอลิเซียซามะในวันนั้น
เช่นเดียวกับอริซซามะในวันนั้น
――――『ทีละเล็ก ทีละน้อย …….เบลล์ด้วย ช่วยกัน? 』
อริซซามะเลือกเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม
ดิฉันแน่ใจว่าจะต้องมีอุปสรรคและน้ำตามากมายรออยู่
“มีอะไรเหรอ เบล”
“……ไม่ค่ะ นั้นสินะ”
อย่างไรก็ตาม ดิฉันกำลังเดิน
อริซซามะกำลังเดิน
ขาเยาว์วัย ดวงตาไม่จีรัง
ด้วยพลังของตนเอง ด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่
“ดิฉันจะอยู่เคียงข้างท่านตลอดไปค่ะ”
ทันใดนั้นแสงสว่างก็ส่องผ่าเมฆโดยไม่คาดคิด
ตอนนี้สว่างจ้าแต่อบอุ่น
ดูเหมือนว่าโลกกำลังอวยพรให้อริซซามะที่ก้าวเดินไปอย่างสูงส่ง
“……อืม ถ้าเบลล์ไปด้วยกัน”
อริซซามะจะมองเห็นสิ่งใดนอกมาเรียนากันนะ
อริซซามะจะได้เรียนรู้อะไรที่โรงเรียนหลวงกันนะ
อริซซามะจะหมุนวนเรื่องราวแบบไหนให้กับโลกใบนี้กันนะ
…….ไม่เลย
ไม่ ไม่ใช่เรื่องที่จะแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเท่านั้น
แต่ ดิฉันจะติดตามไป
ดิฉันจะติดตามตลอดไป
ถ้าได้อยู่กับอริซซามะเสมอไป
“ไปกันเถอะค่ะ อริซซามะ”
“อืม เบลล์ จับ มือ”
“ค่ะ แน่นอน”
“อ้าー!! ฮิเมะ กับข้าด้วยค่ะ! ได้โปรดจับมือกับข้าด้วย!”
“อะ อืม มิร่า ด้วยกัน”
“……ฟุๆๆๆ จริงๆเลยนะคะ มิแรนด้าซัง”
มือน่ารักประสานกันแน่น
ก้าวต่อก้าวประสานกัน นอกประตู
…..อลิเซียซามะ กำลังมองดูอยู่ไหมคะ
อริซซามะ กำลังมีรอยยิ้มที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ทุกคน”
และดิฉันก็มองไปยังท้องฟ้า
“――――ไปแล้วนะกะ!”
“――――ไปดีมาดีนะ อริซ!”
เปล่งปลั่งราวแสงสีเงินแวววาวที่จะยังคงอยู่ตลอดไป
ท้องฟ้าที่สดใสใบนี้