[นิยายแปล(WN)] สาวดุ้นตัวร้าย ผมที่กลับชาติมากเกิดใหม่เป็นตัวร้าย ♂ แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้กับการTSหรอก - ตอนที่ 37 ความงามของสาวดุ้นทำลายทุกสิ่ง
- Home
- [นิยายแปล(WN)] สาวดุ้นตัวร้าย ผมที่กลับชาติมากเกิดใหม่เป็นตัวร้าย ♂ แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้กับการTSหรอก
- ตอนที่ 37 ความงามของสาวดุ้นทำลายทุกสิ่ง
ตอนที่ 37 ความงามของสาวสวยทำลายทุกสิ่ง
――ฉันอยากมีเพื่อน
เป็นในช่วงเวลาสุดท้ายนี่เองที่เธอตระหนักได้ถึงความปรารถนาที่แท้จริงของตัวเอง
ในขณะที่ชีวิตของฉันกำลังจะสิ้นสุดลง ฉันก็เผชิญกับความปรารถนาของตัวเอง
『แบบนี้แหละ、ดีแล้ว』
การฟันโจมตีที่ปล่อยมาโดยโทรัคกำลังมุ่งตรงมาหาฉัน
ไม่จำเป็นต้องต่อต้าน
นี่เป็นความโล่งใจที่ฉันจะได้ถูกปลดปล่อยจากสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดตัวนี้
ไม่มีอะไรต้องกลัว
『อ้าーอา、ครั้งหน้า ฉันอยากเป็นผู้หญิงธรรมดาจัง』
สิ่งที่ฉันฝันถึงคือชีวิตประจำวันที่แสนจะธรรมดา
ทำการบ้านกับโทรัค
รับคำแนะนำเรื่องความรักของมิฮายะ
ทำอาหารกลางวันให้ลูทรา
ชีวิตประจำวันที่แสนห่างไกลจากฉันตอนนี้
การโจมตีสแลชสีชอล์กเข้ามาใกล้
สีขาวบริสุทธิ์ ไร้มลทินใด ๆ พุ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจหนวดที่ถูกสร้างโดยสัญชาตญาณการป้องกันตัวเองของอูโรโบรอส
ฉันหลับตาลงอย่างสงบ
หายใจออกและเตรียมยอมรับความตาย
ทันใดนั้น ในตอนที่คิดว่าทุกอย่างใกล้จะจบลง
ดวงดาวก็ปรากฏขึ้น
「――ไม่ยอมหรอก」
เสียงสะท้อนปฏิเสธความมุ่งมั่นและคำอธิษฐานของฉัน
วงเวทย์ขนาดใหญ่กระจายอยู่บนท้องฟ้าเหนือสวนสนุก
ผมสีฟ้าเงินของเธอดูสะดุดตาที่ศูนย์กลางของวงเวทย์ที่ยังคงหมุนวนต่อเนื่องราวกับสลักห้วงเวลา
『……นั่นคือ』
นักสำรวจSแร๊งค์ที่ได้รับความสนใจแม้แต่จากสนธยาสีเงิน、โซลเซียลา
เด็กสาวที่ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่ทราบเงื่อนไขการปรากฎตัว วัตถุประสงค์ และองค์กรที่สังกัดอยู่ จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในขณะนี้
ยังไงก็ตาม、ร่างนั้นดูคุ้นเคยสำหรับฉันอย่างมาก
พูดให้ถูกก็คือ บางทีอาจเป็นเพราะพลังเวทมนตร์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างสูงที่เธอครอบครองอยู่
『หรือว่าบางที――ชุดมาสคอตนั่นคือคุณเองสินะ』
ดวงตาของฉัน、ถูกฝึกฝนจนได้รับสายตาสังเกตสิ่งที่ไม่ปกติจากสนธยาสีเงิน
เพราะแบบนั้น ฉันจึงรู้ตัวได้ทันที
ผู้หญิงที่มองลงมาที่ฉัน และผู้หญิงที่ผลักดันฉันคือคนคนเดียวกัน
ถ้าอย่างงั้นแล้วทำไมกัน
เธอมาปรากฎตัวตอนนี้ทำไมกัน
ฉัน、แค่ทำสิ่งที่ฉันอยากทำเพื่อตัวเอง
ทว่า、ฉันแค่อยากจะตายเพื่อเพื่อนของฉัน
『อย่ามาขวาง นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการจะทำ』
ฉันขยายหนวดไปทางโซลเซียลา
หนวดมากกว่าพันเส้นแผ่กระจายออกราวกับต้องการกลืนกินแสงสว่างของดวงดาว เข้าใกล้โซลเซียลา
แต่、หนวดทั้งหมดถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ที่ปรากฏขึ้นจากวงเวทย์ที่พึ่งถูกใช้งานของเธอ
ฉันพยายามสลัดมันออก แต่ถึงแม้จะมีรูปร่างที่ใหญ่โตขนาดนี้ ฉันก็ไม่สามารถขยับร่างกายได้อย่างใจ
ฉันทำอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับโซ่พวกนี้ ซึ่งดูเหมือนจะทำมาจากวัสดุที่สร้างมาจากเวทมนตร์ซึ่งไม่มีอยู่บนโลกใบนี้
หลังจากนั้นโซลเซียลาก็ละความสนใจจากฉัน แล้วหันไปยิงถล่มพวกโทรัคแทน
เห็นได้ชัดว่าเป็นการหยุดพวกเขาไม่ให้โจมตีฉัน นั่นไม่จำเป็นเลยแท้ ๆ
『คุณกำลังพยายามปกป้องฉันไม่ให้ถูกฆ่างั้นเหรอ?』
จากตรงนี้、ฉันไม่รู้ว่าโซลเซียลากับโทรัคกำลังคุยอะไรกัน
ฉันแค่ดูการแลกเปลี่ยนคำพูดสักพักหนึ่ง
ในที่สุด、ฉันสังเกตเห็นว่าสีหน้าของพวกโทรัคเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขามองเข้าไปในวงเวทย์ที่โซลเซียลากางขึ้น
ในสายตาเหล่านั้น มีบางอย่างเช่นความมุ่งมั่นและความโศกเศร้า ไม่ใช่ความเกลียดชัง
ฉันเข้าใจได้ในทันทีว่าคืออะไร
เดาว่าพวกเขารู้แล้วว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้คือฉัน
『เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วสินะ แล้ว、เข้าใจกันสินะ、ว่าควรจะทำยังไงเน๊ะ』
ไม่รู้ว่ามันอ่อนแอลงตามกาลหรือเปล่า
ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว โซ่ของโซลเซียลาซึ่งความแข็งแกร่งค่อย ๆ ลดลง จู่ ๆ ก็ขาดและหักออกจากกัน เวทมนตร์สลายไปแล้ว
ในเวลาเดียวกัน สัญชาตญาณในการป้องกันตัวภายในอูโรโบรอสก็ปล่อยเสียงคำรามอันดุเดือด ให้ต่อต้านโซลเซียลา
แบบนี้แหละดีแล้ว
ถึงที่จริงฉันอยากให้เขาฆ่าฉันโดยที่ไม่รู้ว่านี่คือฉัน
เพราะว่าฉันเป็นสัตว์ประหลาด
นั่นคือความปรารถนาของฉัน
ยังไงก็ตาม
เหตุใดความหวังจึงส่องแสงในดวงตาของโทรัคกัน
『กำลังจะพยายามทำอะไรกัน?』
พวกโทรัคเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยหลบหลีกหนวดเป็นหลัก
นั่นเป็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดในสถานการณ์นี้
กลยุทธ์ในการเอาชนะอูโรโบรอสตัวนี้ คือการทำลายล้างมันจากระยะไกลด้วยพลังการยิงอันมหาศาล
โดยปกติแล้วการโจมตีแบบบรรจบจะเหมาะสมที่สุด
การโจมตีด้วยการฟันของลูทราเองก็สามารถบรรลุบทบาทนั้นได้เช่นกัน
นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้ฉัน
『อย่าเข้ามานะ!』
ยิ่งอยู่ใกล้ฉันมากเท่าไรก็ยิ่งเสี่ยงต่อการตายมากขึ้นเท่านั้น
หนวดที่เคลื่อนไหวไปทุกทิศทุกทางเป็นอาวุธร้ายแรงที่อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ทันทีหากถูกโจมตี
พวกโทรัคเองก็น่าจะรู้ดีแล้ว
ถึงกระนั้น ก็ยังปัดป้องหนวด หลีกเลี่ยงพวกมันอย่างหวุดหวิด และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ฉันรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าอะไรเป็นสาเหตุของพฤติกรรมนี้
『โซลเซียลาาาา!』
เธอคงได้ฉีดอะไรบางอย่างกระตุ้นพวกเขาเข้าไป
ผลก็คือ การตัดสินใจนั้นทำให้พวกโทรัคตกอยู่ในอันตราย
บางทีความโกรธนี่ มันผิด
แต่ถึงอย่างงั้น、ฉันก็ไม่คิดที่จะระงับมันเอาไว้
ฮีโร่ต้องจบด้วยการฆ่าสัตว์ประหลาด
ควรจะเป็นโครงเรื่องเช่นนั้น
ฉันคาดหวังอย่างงั้น
『ทั้งที่、นี่คือการพยายามสุดกำลังของตัวฉันที่แสนจะอ่อนแอ! เข้าใจบางไหม!』
โซลเซียลาหลบการโจมตี และเริ่มร่ายรำฟันหนวดออกเป็นชิ้น ๆ ราวกับล้อเลียนเสียงกรีดร้องของฉัน
แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
ในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่าเธอกำลังเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้มิฮายะกับโทรัคตกอยู่ในอันตราย
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับฉันด้วยซ้ำ
สถานการณ์ทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การควบคุมของโซลเซียลา
จุดหมายปลายทางของกระสุน จังหวะการหลบหลีก เส้นทางที่ใช้ และเหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่การโจมตีของฉันก็อยู่ในกำมือของเธอ
โซลเซียลาเข้ามาหาฉันโดยไม่สูญเสียความงดงามแม้แต่วินาทีเดียว
สำหรับฉัน มันรู้สึกเหมือนกับว่าความตั้งใจของฉันกำลังถูกเหยียบย่ำ และก่อนที่จะรู้ตัว ฉันก็เหลือเพียงเสียงคำราม
เสียงคำรามจากใจดังก้องไปทั่วสวนสนุก
ในฐานะสัตว์ประหลาด นี่คือจังหวะที่ฉันเหวี่ยงหนวดตามอารมณ์
ไม่เหลือขอบเขตความคิดที่ว่าพวกโทรัคจะตายจากเรื่องนี้หรือไม่
ทว่า、ฉันอยากจะทำอะไรบางอย่างที่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของโซลเซียลา
เพราะฉันไม่อยากหายไปในความสว่างของดวงดาว
ยังไงก็ตาม、การอาละวาดของฉันจบลงด้วยการที่โซลเซียลาโยกหลบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว การสร้างเส้นทางเพื่อมุ่งสู่ฉันก็เสร็จสิ้นแล้ว
แม้แต่การอาละวาดอย่างไม่มีการควบคุมของฉันก็อยู่ในการคาดเดาของเธอ
『ทั้งที่รู้ว่าฉันต้องการอะไร……อย่าขวางทางฉันเลย』
ฉันต้องการตาย
โซลเซียลาอาจจะเข้าใจเรื่องนั้น
ที่เธอต้องเข้าใจ เป็นเพราะเธอเป็นคนเอื้อมมือออกมาผลักฉันเอง
ตอนนั้นเราสบตากันแน่นอน
ดวงตาสีฟ้ากำลังจ้องมองมาที่ฉัน ฉัน ผู้ละทิ้งร่างกายมนุษย์ไปแล้วก็ตาม
ดวงตาที่มืดมนและคมชัดราวกับก้นทะเล
ทันใดนั้นเธอก็ยิ้ม แล้วฉันก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
「รินก๊าาาาา!」
นั่นคือเสียงของโทรัคที่เรียกชื่อฉัน
เมื่อฉันมองไปในทิศทางของเสียง ฉันเห็นโทรัคมุ่งหน้ามาหาฉันพร้อมดาบยาวสีขาว
หนวดพุ่งออกไปเพื่อหยุดเขา แต่มิฮายะซึ่งอยู่ข้างหลังไม่ยอมให้ทำได้
「มาเป็นเพื่อนกับเราอีกครั้ง มาเริ่มต้นใหม่กันเถอะ พวกเราจะรอคุณตลอดไป! เพราะงั้นแล้ว!」
โทรัคมุดผ่านหนวด、และกระโดดอย่างผ่าเผย
ใช้หนวดเป็นดั่งบันได้เพื่อปีนให้สูงขึ้น
เมื่อเห็นร่างนั้น ความรู้สึกที่ฉันเก็บเอาไว้ในตัวก็เริ่มล้นออกมา
ฉันรู้ว่าเมื่อพูดออกไปแล้วจะต้องเสียใจจึงควรจะปิดผนึกมันไว้ข้างในตัวเอง
『……โทรัค、โทรัค!』
ฉันเรียกชื่อเขา
ทว่า、ฉันอยากให้เขาสังเกตเห็นฉัน
ฉันอยู่ที่นี่
มองมาที่ฉัน ที่ฉัน
『――ช่วยด้วย、โทรัค ช่วยฉันด้วย!』
「จะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ」
นั่นคงเป็นเรื่องบังเอิญ
ยังไงก็ตาม โทรัคตอบฉันแบบนั้นอย่างแน่นอน
ตึ้ง、โทรัคเตะหนวดจนเกิดเสียงดัง และกระโดดสูงยิ่งขึ้น
จากนั้นกลางอากาศ เขาก็หันมาที่ใจกลางอูโรโบรอส เตะอากาศให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในเวลาเดียวกัน วงเวทย์สีน้ำเงินม่วงก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขาและผลักร่างของเขาไปข้างหน้า
ด้วยการผสมผสานระหว่างการเตะวงเวทย์ และแรงผลักที่ปลดปล่อยมาพลังเวทมนตร์ เขาก็กลายเป็นดาวตกสีขาว และพุ่งทะยานมาทางฉัน
「ลูทรา、แค่ดาบเดียวก็พอ」
โทรัคพูด ขณะเตรียมดาบของเขา
เมื่อฉันเห็นดังนั้น ฉันก็กางหนวดออก ราวกับอ้าแขนต้อนรับเขา
แล้วดาวตกก็ตกลงมาทางฉัน――
「มาเป็นเพื่อนกับผมอีกครั้งได้ไหม」
『……อืม ฝากตัวด้วยเน๊ะ、โทรัค』
ฉันสามารถมีเพื่อนได้แล้ว
■
อูโรโบรอสถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
หลังจากสูญเสียคอร์ไปครึ่งหนึ่ง อูโรโบรอสก็เริ่มทำลายตัวเอง
บางทีนั่นคงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์นิรภัยที่ติดตั้งโดยสนธยาสีเงิน
หนวดแยกออกจากกันราวกับเชือกทอที่หลุดออก เหลือเพียงเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงกลาง
โทรัคอุ้มรินกะขึ้นมา แล้วกระโดดหนีจากใจกลางอูโรโบรอส
「……、รินกะไม่เป็นไรใช่ไหม?」
「อืม」
「งั้นเหรอ โล่งอกไปที」
เมื่อเห็นโทรัคยิ้มราวกับรู้สึกโล่งใจ、รินกะจึงตระหนักอีกครั้งว่าเธอยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ
ในที่สุดมิฮายะก็เข้าร่วมกับพวกเขาด้วย
ทันทีที่เห็นรินกะ、เธอก็คว้าตัวไปจากอ้อมแขนของโทรัค และกอดรินกะทันที
「ยัยบ้า」
「……ขอโทษ」
「ฉันจะยกโทษให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าครั้งต่อไปยังทำอะไรแบบนี้อีก ฉันจะไม่ยกโทษให้เด็ดขาด」
มิฮายะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ、รินกะพยักหน้าเงียบ ๆ
「ถ้าอย่างนั้น ช่วยเป็นเพื่อนกับฉัน……กับอากากิริ รินกะ คนนี้อีกครั้งได้ไหม」
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทั้งสองก็มองหน้ากันและพูดด้วยรอยยิ้ม
「แน่นอน」
และด้วยเหตุนั้นเอง รินกะก็ได้มีเพื่อน
แค่นี้ก็ทำให้เธอมีความสุขมากแล้ว
(ฉัน、ดีจริง ๆ ที่ยังคงมีชีวิตอยู่)
มิฮายะลูบหัวรินกะเบา ๆ ขณะที่หลั่งน้ำตา
ขณะที่เฝ้าดูทั้งสองคน、โทรัคในที่สุด、ก็รู้สึกตัวว่าลูทรายังไม่กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ของเธอ
「ลูทรา、มีอะไรงั้นเหรอ」
『การต่อสู้ยังไม่จบ จนถึงตอนนี้มันเป็นเพียงแค่โหมโรงเท่านั้น』
ดาบกำลังสั่นอยู่ในมือของเขา
ในที่สุดความกลัวและความตั้งใจที่จะต่อสู้ของลูทราก็หลั่งไหลเข้าสู่โทรัค
「……โซลเซียลา、สิเน๊ะ」
『นั่นคือ、ตัวตนแห่งความสำเร็จของดีมอนเกียร์ หมายเลข0 ดีมอนเกียร์ที่มีหน้าที่สังหารพวกเรา』
เมื่อได้ยินคำพูดของลูทรา、โทรัคก็รู้สึกตัว
เขาไม่เห็นโซลเซียลาอยู่ที่ไหนเลย
จนกระทั่งถึงเมื่อไม่นานมานี้ เธอได้แสดงตัวตนในสนามรบอย่างเต็มที่ แต่ก่อนที่ใครจะรู้ตัว เธอก็หายตัวไปจากพื้นที่แล้ว
「เธออยู่ที่ไหน……、นั่นมัน、อะไรกัน」
โทรัคมองไปรอบ ๆ แล้วก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งจู่ ๆ ก็สว่างสดใส
เธออยู่ที่นั่น
เหมือนกับตอนที่ปรากฎตัวครั้งแรก วงเวทย์ที่ปกคลุมท้องฟ้าเปล่งแสงระยิบระยับออกมา และมันเต้นเป็นจังหวะราวกับว่ามีชีวิตอยู่
「ไอ้นั่น เธอคิดจะทำอะไรกันแน่」
『โทรัค、วัตถุรอบข้างกำลังเปลี่ยนเป็นพลังเวทมนตร์』
ตามคำพูดของลูทรา、ในที่สุดโทรัคก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น
อนุภาคสีซีดลอยขึ้นมาจากบริเวณโดยรอบ
เศษหิน เปลวไฟ และหนวดกลายเป็นอนุภาคราวกับว่ากำลังถูกละลายกลับคืนสู่โลก
และทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปยังวงเวทย์ที่โซลเซียลาสร้างขึ้นมา
「การบรรจบของพลังเวทมนตร์?」
โทรัคผงะไป
เธอเก่งกาจอะไรขนาดนั้นกัน
ผู้หญิงที่เขาเคยเห็นในวิดีโอมาก่อนครั้งหนึ่ง คิดจะทำบ้าอะไรกันแน่
「ไม่มีทาง、การโจมตีแบบบรรจบ……!?」
『โทรัค、5 กระบวนท่า มีแค่นั้นที่จะหยุดได้』
มิฮายะก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางสิ่งแปลก ๆ ในบริเวณนั้นเช่นกัน จึงร้องเรียกเขา
「โทรัค、นี่คือ」
「โซลเซียลาน่ะ เธอกำลังเปลี่ยนสสารในพื้นที่ให้เป็นพลังเวทมนตร์ และพยายามจะปล่อยการโจมตีแบบบรรจบ!」
『โทรัค、ไปกัน อย่าปล่อยให้เน่ซังเป็นคนคุมเกม』
「อ้า」
「เดี๋ยวสิ พวกนายคิดจะโจมตีโซลเซียลาจริง ๆ งั้นเรอะ!? ห้ามเด็ดขาด、หยุดเลยนะ!」
『โทรัค、เร็วเข้า』
มิฮายะพยายามหยุดโทรัค、ส่วนลูทราก็พยายามเร่งเขา
ความลังเลใจที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้、นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะยับยั้งโทรัค
ทันใดนั้น โซ่สีเงินก็ปรากฏขึ้นจากเท้าของโทรัค มัดเขากับดาบยาวที่ถืออยู่
「คุっ! นี่มันอะไรกัน!?」
『สายไปแล้ว หากเป็นแบบนี้แล้ว คงทำได้แค่ส่งสัญญาณไปยังดีมอนเกียร์อื่น ๆ ――』
ขณะที่ฟังลูทราซึ่งดูเหมือนจะยอมแพ้และพยายามทำอะไรบางอย่าง、โทรัคก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างน้อยก็อยากต่อต้านบ้าง
โซลเซียลายังคงอยู่ที่ตรงนั่นไม่เปลี่ยนแปลง
เธอพูดขณะที่มองลงมาที่โทรัค
「อย่ามาขวางทาง เราไม่ต้องการคุณแล้ว」
โซลเซียลาเบือนหน้าหนี ราวกับกำลังบอกว่าถึงพูดอะไรมากกว่านี้ก็เสียเวลา
นอกจากนั้น ยังมีอูโรโบรอสที่กำลังทำลายตัวเอง เนื่องจากสูญเสียรินกะไป
ดูเหมือนว่าอูโรโบรอสกำลังรวบรวมหนวดและทำอะไรบางอย่าง แม้ว่าตัวของมันจะเริ่มพังทลายลงก็ตาม
「……มันกำลังดูดซับตัวเองอยู่」
รินกะเป็นคนแรกที่ตระหนักถึงความหมายของการกระทำนั้น
มันเป็นวิธีการฝืนใช้กำลังเพื่อเอาชีวิตรอด โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการฟื้นฟูของตัวมันเอง
อูโรโบรอสซึ่งสูญเสียคอร์ที่เรียกว่ารินกะไปกำลังพยายามฟื้นคืนสภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดโดยการดูดซับตัวเองอย่างต่อเนื่อง
「บางทีการที่มันสูญเสียคนควบคุมไป มันจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดของจริง!」
จนถึงตอนนี้ รินกะควบคุมมันได้ในระดับหนึ่ง
แม้ว่าจะอยู่ภายใต้การควบคุม แต่ตัวตนของมันก็ยังน่าสยดสยอง
เป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากความมีเหตุผลหายไป
「ไม่จริงน๊า、หรือว่าโซลเซียลาจะรู้อยู่แล้ว……!」
วงเวทย์อยู่บนท้องฟ้าตั้งแต่วินาทีที่เธอปรากฏตัว
พิธีกรรมเวทมนตร์มีศูนย์กลางอยู่ที่การบรรจบ และมันกำลังแสดงผลอยู่ในขณะนี้
แสงที่ส่องสว่างขึ้นบนท้องฟ้าดับลง
ในเวลาเดียวกัน ประกายแสงของวงเวทย์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
「วิญญาณที่น่าเวทนา ฉันจะดับทุกข์ให้เอง」
โซลเซียลาหันไปหาอูโรโบรอสแล้วพูดด้วยความสงสาร จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเคียวและชี้ปากกระบอกปืนที่ปลายด้ามจับไปหา
ในตอนนั้นเอง ท่อสีน้ำเงินม่วงมากมายก็ยื่นออกมาจากวงเวทย์ และเชื่อมต่อกับเคียว
ทุกครั้งที่มันเต้นเป็นจังหวะ พลังเวทมนตร์ที่วงเวทย์ดูดซับไว้ก็จะถูกส่งไปยังเคียว
พลังเวทมนตร์จำนวนมหาศาลในพื้นที่มาบรรจบกันเป็นหนึ่งเดียว เหมือนกับการได้เฝ้าดูการกำเนิดของดวงดาว
ที่ด้านหน้าปากกระบอกปืน มีวงเวทย์หลายวงวางซ้อนกันอยู่
มันดูเหมือนลำกล้องยาวที่ทอดไปสู่อูโรโบรอส และเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว
โซลเซียลาพูดราวกับกำลังร้องเพลง ถึงสิ่งที่น่ากลัวเกินกว่าที่สาวน้อยคนเดียวจะรับมือได้
「――จงรับรู้ความเจิดจ้าของดวงดาวเถิด」
ไกถูกเหนี่ยว
นั่นคือการเคลื่อนไหวสุดท้ายที่โทรัคจำได้
ไม่มีทางเลยที่จะมองเห็นอะไรนอกเหนือจากนั้นได้อีก
พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินพร่างพราย
「っ! ทั้งสองคนมาอยู่ข้างหลังผมเร็วเข้า!」
โทรัคตะโกนเรียกทั้งสองคนทันที และยืนอยู่ข้างหน้าโดยถือลูทราไว้
จากนั้น เขาก็สร้างโล่เวทมนตร์โดยใช้พลังเวทมนตร์ทั้งหมดที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเงิน ยกเว้นจุดที่พวกเขาอยู่
「นี่คือการโจมตีแบบบรรจบงั้นเรอะ!? นี่มันไม่จริงใช่ไหม สภากำลังมองอะไรแบบนี้แล้วเรียกว่าเป็นเพียงการโจมตีแบบบรรจบเนี่ยนะ!」
มิฮายะตะโกน ขณะที่กอดรินกะเพื่อปกป้องเธอ
(ฉันได้ยินมาว่ามันแตกต่างจากการโจมตีแบบบรรจบที่มีอยู่ แต่ว่า ตั้งแต่แรกแล้วนี่มันไม่ใชการโจมตีแบบบรรจบด้วยซ้ำ นี่มันเหมือนกับสิ่งที่สนธยาสีเงินเคยพูดถึง)
ต่อหน้าแสงสว่างนั้น รินกะเข้าใจเป็นครั้งแรกถึงความหมายของคำพูดขององค์กร
ไม่ใช่ว่าไม่ได้มาตรฐาน
อย่างแรกเลย นั่นเป็นตัวตนที่อยู่ในมิติที่แตกต่างออกไป
「ลูทรา、ไม่เป็นไรใช่ไหม?」
『ตราบใดที่ยังมีชีวิตรอด ก็ไม่มีปัญหา ทว่า คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากเราตกเป็นเป้าหมาย เว้นแต่ว่าจะมีเอย์น่าหรือทริมอยู่ด้วย ไม่งั้นก็อย่าพูดถึงการยิงต่อสู้เลย』
ลูทราพูดอย่างเฉยเมย
「……นี่สินะ、ความร้ายกาจของเธอ」
หลังจากนั้นประมาณสิบวินาที แสงสีเงินก็อ่อนลง
ไม่มีอะไรเหลืออยู่รอบตัว
ในจุดที่อูโรโบรอสเคยอยู่ ไม่เพียงแต่ตัวอาคารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพื้นดินทั้งหมดที่เหมือนถูกขุดออกไปด้วย
โทรัคปลดโล่เวทมนตร์
ลมหนาวพัดผ่านสถานที่ว่างเปล่า
ฉากแห่งการทำลายล้างที่เกิดจากแสงสีเงิน
ราชินีแห่งดวงดาวมองดูมันอย่างเงียบ ๆ
「กาโต้ โทรัค」
โซลเซียลาเรียกชื่อของเขา
ไม่ว่าจะถืออาวุธ หรือเตรียมพลัง เขาก็ทำไม่ได้
「ถึงจุดนี้แล้วกรุณามาทางฝั่งนี้ หากไม่……คุณจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง」
หลังจากพูดอย่างนั้น、โซลเซียลาก็เข้าไปในวงเวทย์ที่อยู่ข้างๆ เธอและหายตัวไปที่ไหนสักแห่ง
ลูทราละจากมือของโทรัคที่ยังตกตะลึง และกลับคืนสู่ร่างเด็กผู้หญิงอีกครั้ง
มีเหงื่อบนหน้าผาก
「ฉันถูกมองข้าม ไม่สิ ฉันไม่ใช่เป้าหมายตั้งแต่แรก ……บางทีดีมอนเกียร์คนอื่นอาจจะทำอะไรบางอย่างลงไปก็ได้ล่ะมั้ง?」
ลูทราเริ่มคิดกับบ่นออกมา และถึงแม้เธอจะดูสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ต่างไปจากปกติ
「……ตอนนี้、ไม่ใช่เวลาให้มาตกตะลึงอะไรแล้วเน๊ะ」
มิฮายะซึ่งเคยพบกับโซลเซียลามาก่อน เป็นคนแรกในสามคนที่ฟื้นคืนสติได้
จากนั้นก็ตบหัวโทรัคแล้วพูดว่า
「นายทำได้ดีแล้ว ทั้งช่วยรินกะออกมาได้ ทั้งผลลัพท์ที่ทำให้อูโรโบรอสหายไปก็ด้วย นั่นเป็นเรื่องดีแล้วไม่ใช่รึไงย๊ะ」
「……อ้า」
เมื่อเห็นโทรัคยังคงตกตะลึง、มิฮายะก็ได้แต่ถอนหายใจ
จากนั้นเธอก็จับแก้มทั้งสองข้างของเขา และบังคับให้สบสายตากับเธอ
「สวิตช์ โซลเซียลาไม่อยู่ที่นี่แล้ว จากนี้พวกเราต้องทำยังไงต่อไป?」
ในที่สุดโทรัคก็ฟื้นคืนสติได้หลังจากได้ยินคำพูดของมิฮายะ
「……ยืนยันผู้รอดชีวิต」
「ถูกต้อง เข้าใจดีไม่ใช่รึไง โฮร่า、รินกะเองก็ไปด้วยกันเลยเถอะ」
หลังจากพูดอย่างนั้น ก็จับไหล่ของรินกะซึ่งทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน ก่อนที่จะพยักหน้า「ดะ、ได้สิ」
「ก่อนอื่นเลย、ตอนนี้ไปจากบริเวณชิงช้าสวรรค์ด้านหลังสวนสนุกกันก่อนดีกว่า」
ทั้งสองพยักหน้ากับขอเสนอนั่น、พวกโทรัคเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
วันนี้ดาวก็ยังคงดูงดงาม
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ
{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}
ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ
ขอบคุณงับ