[นิยายแปล] Game of the World Tree - ตอนที่ 87 ไปรับเผ่าเฟลม
เมื่อทราบว่าอลิซกำลังเรียกหาตน อัลกล่าวลาเดมาเซียและผู้เล่นคนอื่น ๆ ก่อนจะรีบเดินทางไปสู่วิหารแห่งธรรมชาติ
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา วิหารแห่งธรรมชาติได้ถูกต่อเติมให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
เดิมทีวิหารแห่งนี้มีเพียงห้องโถงหลักเท่านั้น แต่ในเวลานี้ห้องโถงย่อยอีกหลายแห่งได้ถูกเปิดใช้งาน โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้รองรับนักบวชในอนาคต
ซึ่งพวกผู้เล่นมักจะสงสัยอยู่เสมอว่า นักบวชในอนาคต หมายถึงอะไร
เพราะจนบัดนี้… อาชีพนักบวชก็ยังไม่เปิดให้ให้บริการต่อเหล่าผู้เล่น…
แต่ในที่สุด ทุกคนก็ได้ทราบถึงสาเหตุของเรื่องดังกล่าว…
มีเอลฟ์เผ่าหนึ่งกำลังเดินทางกลับมา!
หรือในภาษาของผู้เล่น…
NPC กลุ่มใหม่กำลังเดินทางมาสู่ป่าเอลฟ์!
และมันย่อมหมายถึง …การเปิดภารกิจหลักบทใหม่!!
ผู้เล่นจำนวนมากที่ทราบข่าว ต่างทิ้งงานในมือและมารวมตัวกันรอบวิหาร พวกเขาแนบหูลงบนกำแพงวิหารด้วยความชำนาญ
…
ภายในวิหารแห่งธรรมชาติ
อลิซกำลังถ่ายทอดคำสอนของพระมารดาแห่งธรรมชาติ ให้กับเอลฟ์สาวตัวน้อยทั้งสอง
พวกเธอคือน้องสาวของอัล มีชื่อว่า ลียา มูนไลท์ และ เลอา มูนไลท์
อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกเรียกว่าน้องสาวของอัล ทว่าในความเป็นจริงแล้ว อัลและพวกเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกันแต่อย่างใด
เอลฟ์เป็นเผ่าที่มีอัตราการให้กำเนิดบุตรต่ำมาก เอลฟ์วัยเด็กที่มีอายุใกล้เคียงกันจึงมักถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน และนับญาติกันเป็นพี่น้องกัน
เอลฟ์ตัวน้อยทั้งสาม คือทายาทกลุ่มสุดท้ายแห่งเผ่ามูนไลท์
เมื่อเทียบกับอัลผู้กลายเป็นบุตรแห่งเทพ ลียาและเลอามีอายุน้อยกว่า อายุของเด็กสาวทั้งสองยังคงต่ำกว่า 60 ปี และตอนนี้ก็ถึงเวลาของการศึกษาเล่าเรียน!
โดย อลิซ เกล ตั้งใจว่าจะฝึกฝนพวกเธอให้เติบโตขึ้นมาเป็นนักบวชแห่งธรรมชาติที่มีฝีมือในการเผยแผ่ศรัทธาในอนาคต
…
เมื่ออัลก้าวเข้ามาสู่วิหารแห่งธรรมชาติ ขนมดังโงะตัวน้อยทั้งสองต่างกำลังตั้งใจฟังพระคัมภีร์ที่อ่านออกเสียงโดยอลิซ
ดวงตาของเอลฟ์ตัวน้อยเปล่งประกายขึ้นมาทันทีที่เห็นอัล อลิซวางพระคัมภีร์เล่มหนาลง เธอได้แต่ยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองท่าทีของลูกศิษย์ทั้งสอง
“สำหรับวันนี้ ไว้แค่นี้ละกันค่ะ ลียา เลอา เดี๋ยวออกไปด้านนอกก่อน พี่มีเรื่องต้องคุยกับพี่อัล”
โลลิตัวน้อยต่างส่งเสียง เย่~☆ ออกมาขณะยืนขึ้น พวกเธอคำนับพลางกล่าวลาอลิซด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ
“รับทราบค่ะท่านอลิซ!”
เด็กสาวทั้งสองปรี่ตัวเข้าใส่อัลราวกับผีเสื้อ
“พี่อัล! ยินดีต้อนรับกลับค่ะ!”
อัลยิ้มให้ทั้งสอง ก่อนจะลูบศีรษะเล็ก ๆ ของพวกเธออย่างแผ่วเบา
“อย่าเล่นซนจนเกินไปนะ–”
“และอย่าเชื่อพวกผู้ถูกเลือกไปทุกอย่าง ระวังความคิดนอกรีตของพวกเขา แล้วก็ห้ามรับประทานอะไรที่ไม่ถูกไม่ควรนะคะ”
อลิซกล่าวสมทบอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้ยินสิ่งที่อลิซพูด โลลิตัวน้อยต่างย่นคอลง
พวกเธอซ่อนตะเกียบไม้สองอันที่เกือบจะโผล่ออกมาจากแขนเสื้อ กลืนน้ำลายเอื้อก หัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะวิ่งออกจากวิหารไปดุจสายลม…
เมื่อเห็นว่าทั้งสองพ้นจากประตูวิหาร อลิซจึงหันไปหาอัลและวาดสัญลักษณ์ต้นไม้ในระดับอก
“ขอเทพธิดาประทานพรและคุ้มครองท่าน …ท่านอลิซ”
อัลแสดงความเคารพกลับ
“ขอเทพธิดาประทานพรและคุ้มครองท่าน …ท่านอลิซ”
สายตาของอลิซหยุดลงบนรอยเลือดบนร่างของอัล สีหน้าของเธอแข็งทื่อขึ้นเล็กน้อย
“ท่าน… ตามพวกผู้ถูกเลือกไปล่าสัตว์อสูรอีกแล้วเหรอคะ?”
อัลพยักหน้า ท่าทีของเขาดูเคร่งขรึม
“ความเมตตาไม่อาจช่วยเอลฟ์ พวกเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับคมดาบและการหลั่งเลือด–!!”
อลิซ: “…”
เธอมองอัลด้วยสายตาอันซับซ้อน ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“บางที… ทางเลือกของท่านก็คงเป็นอีกหนึ่งหนทางเช่นกัน”
พระมารดาแห่งธรรมชาติยอมรับการกระทำของเหล่าผู้ถูกเลือกโดยไม่ได้ห้ามปรามสิ่งใด และยังอนุญาตให้อัลเดินทางไปกับพวกเขาตลอดทั้งวัน อลิซ นักบุญแห่งธรรมชาติจึงคาดเดาบางสิ่งขึ้นมา
บางที… พระมารดาอาจจะต้องการเปลี่ยนวิถีของเอลฟ์จริง ๆ
หลังจากเห็นหยดเลือดและหยาดน้ำตาของเอลฟ์มามากมาย และเห็นเมืองเริ่มต้นที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นทีละน้อยภายใต้ความพยายามของของผู้ถูกเลือก ความต่อต้านแต่เดิมของอลิซก็ค่อย ๆ เบาบางลงไป
แต่ไม่ว่าอย่างไร…
พระมารดาย่อมถูกเสมอค่ะ!
ตราบใดที่ทำตามพระประสงค์ของท่าน พวกเราจะได้เป็นสักขีพยานในยุคทองของเอลฟ์อีกครั้งแน่นอนค่ะ!!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ความศรัทธาของอลิซยิ่งทวีความกล้าแกร่งขึ้น
นักบวชสาวเผยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาและความจริงจัง ก่อนจะกล่าวกับอัล
“ท่านอัล พระมารดาทรงมีพระบัญชาแก่ข้า…”
ประกายแสงปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอขณะกล่าว
”สหายเผ่าเฟลมของพวกเรา กำลังเดินทางกลับมาสู่ป่าเอลฟ์!”
“เผ่าเฟลมเหรอครับ!? เยี่ยมเลย!”
ดวงตาของอัลเปล่งประกาย
เขาเคยได้ยินปู่ของตนเล่าว่าเผ่าเฟลมมีประชากรค่อนข้างมาก
อลิซพยักหน้ากลับด้วยท่าทีจริงจัง
“แต่เผ่าเฟลมมีสมาชิกจำนวนมาก และยังต้องผ่านช่องทางระหว่างเทือกเขาทมิฬและป่าเอลฟ์เพื่อกลับมาที่นี่ ซึ่งถ้าพิจารณาจากตำแหน่งฐานที่มั่นของพวกออร์คที่พวกเราทำลายไปก่อนหน้านี้ ข้าเกรงว่าบริเวณช่องทางนั้นอาจจะมีเผ่าออร์คอยู่…”
”เผ่าออร์ค…”
สีหน้าของอัลดูเคร่งขรึม
“ดังนั้น… เพื่อความปลอดภัยของเผ่าเฟลม ข้าหวังว่าท่านจะมุ่งหน้าไปสมทบกับพวกเขา”
แม้ว่านักบวชชรา ซามีร์ จะมีความแข็งแกร่งในระดับเงิน แต่ศักยภาพในการต่อสู้ของนักบวชนั้นถือว่าด้อยเมื่อเทียบอาชีพอื่น และถูกจัดไว้ในกลุ่มอาชีพด้านสนับสนุน
แถมใบไม้จากมหาพฤกษาที่เขาถือครอง ยังใช้ร่ายเวทมนตร์ป้องกันระดับทองได้อย่างมากเพียงแค่ครั้งเดียว
เพื่อความปลอดภัยของคณะเดินทาง อลิซจึงคาดหวังว่าอัลผู้ซึ่งกลายเป็นบุตรแห่งเทพ จะมุ่งหน้าไปสมทบกับเอลฟ์เผ่าเฟลมที่กำลังเดินทางกลับมา
และที่เธอไม่เลือกขอกำลังรบจากโอ๊กการ์ด เบอร์เซิร์กเกอร์ …
เบอร์เซิร์กเกอร์มีร่างกายสูงเด่น และเป็นตัวตนที่มีความพิเศษเกินไป การแสดงตัวของโอ๊กการ์ดจึงแทบจะเป็นการป่าวประกาศว่าต้นไม้โลกได้หวนคืนสู่อำนาจ
ในขณะที่นักบวชและบุตรแห่งเทพ ยังพอจะปกปิดสถานะของต้นไม้โลกจากเหล่าสาวกของเทพองค์อื่นได้
แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็เป็นคำแนะนำจากอีฟเช่นกัน
หลังจากที่ได้ไปเยือนมหาวิหารแห่งเทพ อีฟเชื่อว่าตราบใดที่บัลลังก์ของต้นไม้โลกในมหาวิหารยังคงอยู่ในสภาพผุพัง แม้จะมีสาวกแห่งธรรมชาติปรากฏตัวขึ้นมา แต่เทพองค์อื่นก็คงคาดเดาได้เพียงว่ามีผู้ใดสักคนสืบทอดพันธกิจศักดิ์สิทธิ์ของต้นไม้โลกเท่านั้น…
ใครมันจะไปคิดว่าวิญญาณจากโลกอื่น จะข้ามมารับช่วงต่อจากต้นไม้โลกแบบนี้ล่ะคะ?
จากการคาดเดาของอีฟ เธอคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ต้นไม้โลกถูกเหล่าเทพโจมตีอาจจะไม่ใช่เพราะพันธกิจศักดิ์สิทธิ์ แต่น่าจะมาจากตัวต้นไม้โลกเอง และเป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวข้องกับทักษะดูดซึม…
แต่ถึงอย่างไร ชีวิตและธรรมชาติ ก็ถือว่าเป็นพันธกิจศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง ซึ่งเพียงพอต่อการทำให้เหล่าครึ่งเทพและเทพองค์อื่นหันมาสนใจ…
ดังนั้น ถ้าหากการฟื้นคืนชีพของต้นไม้โลกถูกเปิดโปงขึ้นมา อีฟก็สามารถใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ได้ โดยอาจจะใช้ล่อใครสักคนมาเป็นเหยื่อของเธอ…
แม้อีฟจะมีทักษะดูดซึม แต่ความสามารถนี้ก็มาพร้อมกับข้อจำกัดจำนวนมาก
หากอีฟต้องการจะยกระดับพลังอย่างรวดเร็ว เธอต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับเหล่าเอลฟ์ พึ่งพาทักษะพลียุทธของบรรดาผู้เล่นเพื่อเสริมพลัง และในขณะเดียวกันก็ต้องหาหนทางดูดกลืน ซาก ของสิ่งมีชีวิตระดับวีรชนหรือพวกครึ่งเทพให้ได้….
ถ้าเค้าลองเอาพันธกิจมาล่อผู้โชคดีที่มีดวงจะโดนสูบ มันอาจจะดีก็ได้นะคะ!?
อีฟในตอนนี้พ้นจากสภาวะปางตาย และมีความมั่นใจเกินร้อย!
เพราะในอาณาเขตภายใต้การปกครองของเธอ เทพธิดาผู้นี้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง!!
….
“นอกจากนี้ ท่านสามารถพากลุ่มผู้ถูกเลือกที่ท่านเชื่อในฝีมือร่วมเดินทางไปด้วย! พวกเขาเป็นนักรบอมตะผู้ช่ำชองในการต่อสู้ ซึ่งจะเป็นกำลังรบอันทรงพลังให้กับท่าน!”
อลิซกล่าวอีกครั้ง
หลังจากที่อีฟพ้นจากสภาวะปางตาย ขอบเขตการควบคุมของเธอก็ขยายขึ้นถึงสามเท่า และระยะทำการเกมสำหรับบรรดาผู้เล่นก็ขยายขึ้นถึงสามเท่าเช่นกัน
การเดินทางไปถึงชายขอบป่าเอลฟ์และเทือกเขาทมิฬ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในปัจจุบัน
“รับทราบครับ”
อัลพยักหน้ารับคำพูดของอลิซ
”ถ้าเช่นนั้น… ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ!”
อลิซค้อมศีรษะแสดงความเคารพเล็กน้อย เช่นเดียวกับอัลที่คำนับกลับมาอย่างนอบน้อม
“สบายใจได้เลยท่านอลิซ ผมจะพาเผ่าเฟลมกลับบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน!”
เมื่อกล่าวจบ อัลหันหลังและก้าวออกจากวิหารไป
…
…
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
T/N: ก็มาดิคะ เทพธิดาไม่ได้กล่าว
มั่นใจเกินร้อย ?
พร้อมบวกค่ะ ???
…
ขออภัยที่หายไปนานค่ะ กำลังจัดระเบียบชีวิตตัวเองนิดหน่อย ?? ??
…
อ่านแปลไทยได้ที่ https://www.nekopost.net/novel/12413/ ค่ะ ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432