ในขณะนี้ ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ภายในเมืองแห่งนี้เพื่อค้นหาสิ่งของที่มีประโยชน์ทั้งหลาย เช่น เข็มทิศ แผนที่ ไฟพลังงานแสงอาทิตย์ วิทยุเซมิคอนดักเตอร์ …… และอื่น ๆ อีกมากมาย สิ่งของทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากในระหว่างการเดินทาง
“ไป๋อี้ อันนี้มันพังแล้วหรือยัง” วูล์ฟขยับวิทยุเซมิคอนดักเตอร์เครื่องนั้นไปมา
“ไม่รู้สิ บางทีมันอาจจะพังแล้วก็ได้นะ” ไป๋อี้ตอบออกไปในทันทีอย่างไม่ใส่ใจนัก
เห็นได้ชัดว่าวิทยุเซมิคอนดักเตอร์เครื่องนี้ไม่มีความเสียหายเลยสักนิด ทุกคนขยับสิ่งนี้ไปมาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่เคยได้ยินเสียงใด ๆ เลย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าสิ่งนี้มันมีขนาดไม่ใหญ่และไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะแล้วล่ะก็ เดาได้ว่าวูล์ฟก็คงโยนทิ้งไปนานแล้ว
ในขณะที่ไป๋อี้กำลังสอนโม่โม่เขียนหนังสืออยู่นั้น เขาได้สอนทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมของนิวซีแลนด์จะได้เปลี่ยนแปลงไปและตกอยู่ในสภาวะที่แสนโหดร้ายมากขนาดไหน แต่ไป๋อี้ก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะต้องอยู่ในโลกแบบนี้ไปตลอด สักวันหนึ่ง โม่โม่ก็ต้องเข้าสู่สังคมที่มีความสงบสุขและมีความมั่นคง แต่ช่วงเวลานั้นจะไม่สามารถมาถึงได้หากโม่โม่ยังเป็นคนที่ไม่รู้หนังสืออยู่แบบนี้
หลังจากที่ได้ออกจากเมืองไทฮาปิ ตอนนี้ก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้เดินทางออกมาไกลมาก หลังจากที่ได้ออกมาจากเมืองนั้นไป๋อี้และเพื่อน ๆ ก็เพิ่งจะพบว่านิวซีแลนด์ในตอนนี้นั้นไม่เพียงแค่กลายเป็นเมืองที่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเมืองที่มีความหลากหลายอีกด้วย และสิ่งมีชีวิตที่ถูกผสมผสานยีนทางพันธุกรรมชนิดต่าง ๆ นั้นก็มีความหลากหลายจนผิดปกติไปหมด แน่นอนว่าหากไม่มีความแข็งแกร่งมากพอในสถานการณ์เช่นนี้ต้องเป็นภัยถึงชีวิตแน่
เพียงเวลาไม่นาน เฮลัวส์ เวอร์เนอร์ และพูพูก็กลับมา และพวกเขายังได้นำวัตถุดิบที่ได้เตรียมเอาไว้อย่างดีมาด้วย ไม่ใช่เพียงแค่เนื้อเท่านั้น ยังมีพืชผักที่สามารถกินได้ที่เพิ่งจะถูกค้นพบ ในครั้งถัดไปวูล์ฟจะต้องแสดงฝีมือ และใช่เลย นั่นคือวูล์ฟจะต้องลงมือทำอาหารนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามในสภาพแวดล้อมที่มีเงื่อนไขแบบนี้ ในความเป็นจริงแล้วนั้นไม่ว่าใครจะทำอาหารก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เมื่อไม่มีวัตถุดิบที่ดี ไป๋อี้ก็ไม่สามารถที่จะทำอาหารเลิศรสที่พิเศษออกมาได้ หลังจากที่ได้อยู่ในป่ามาเป็นเวลานานก็ไม่ได้มีเพียงแค่ไป๋อี้ที่สามารถทำอาหารได้เท่านั้น กระทั่งคนอื่นต่างก็สามารถทำอาหารออกมาได้ไม่แตกต่างกันเลยทีเดียว
วูล์ฟได้นำวิทยุเซมิคอนดักเตอร์ไปทิ้งไว้ภายในกระเป๋าหนังสัตว์ที่อยู่ข้างหลัง หลังจากนั้นเขาก็วิ่งกลับมา
เมื่อได้นำวิทยุเซมิคอนดักเตอร์ไปทิ้งไว้ภายในกระเป๋าหนังสัตว์แล้ว ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีเสียงของมนุษย์ดังออกมา เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างฉับพลันนี้ ทำให้ทุกคนต่างสะดุ้งด้วยความตกใจ วูล์ฟนึกว่าเขานั้นเดินไม่ระวังจนชนเข้ากับคนที่ออกมา แต่หลังจากนั้นไม่นาน คนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ มองไปทางวิทยุเซมิดักเตอร์เครื่องนั้นที่อยู่ภายในกระเป๋าหนังสัตว์
ไป๋อี้เดินเข้าไปเพื่อที่จะหยิบวิทยุเครื่องนั้นขึ้นมา หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ปรับคลื่นความถี่อย่างระมัดระวัง จากเดิมที่เสียงไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่มันก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
“เมืองฮันเตอร์วิลล์เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ที่ได้มารวมตัวกัน ที่แห่งนี้มีความปลอดภัยมาก อีกทั้งยังมีอาวุธที่เพียงพอ ไม่ว่าคุณจะกลายเป็นอะไร เพียงแค่ก่อนหน้านี้คุณเคยเป็นมนุษย์ ก็สามารถมาอยู่ที่นี่ได้แล้ว คนอื่น ๆ เองก็ได้มาอาศัยอยู่ที่โลกใบนี้ด้วยเช่นกัน ……” นี่คือเสียงที่ดังจากวิทยุ สถานการณ์คร่าว ๆ โดยทั่วไปเป็นเช่นนี้
ไป๋อี้กางแผนที่ออก เมื่อหาไปสักพักก็ได้พบว่าเมืองที่ถูกเรียกว่าฮันเตอร์วิลล์นั้นได้ปรากฏอยู่บนแผนที่นั่นเอง มันเป็นเพียงสถานที่หนึ่งที่เล็กมาก ๆ เป็นเมืองเล็ก ๆ ของนิวซีแลนด์ที่ก่อนหน้านี้มันไม่แม้แต่ถูกนับว่าเป็นเมืองด้วยซ้ำไป
“พวกเราลองไปดูกันเถอะ” ไป๋อี้กล่าวออกมา
คนอื่นนั้นไม่ได้มีการคัดค้านแต่อย่างใด เดิมทีพวกเขาต้องการตามหามนุษย์คนอื่น ๆ อยู่แล้ว นั่นเป็นเป้าหมายของทุกคนในตอนนี้ ทันใดนั้นเองเมื่อได้รู้ข่าวสารของมนุษย์คนอื่น ๆ จู่ ๆ ทุกคนก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาในทันที ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม ยิ่งมนุษย์มีชีวิตอยู่มากขึ้นเท่าไหร่ คนอื่น ๆ ก็ยิ่งมีความหวังมากขึ้นเท่านั้น ไป๋อี้เองก็รู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย เขาจึงลงมือทำอาหารอีกครั้ง ไม่ว่าในกรณีใดแม้ว่าวูล์ฟจะทำอาหารได้ แต่ก็ยังแตกต่างจากที่ไป๋อี้ทำ
……….
ฮันเตอร์วิลล์อยู่ทางตอนล่างของเมืองไทฮาปิ เพียงแค่เดินไปตามทางแม่น้ำรางอิติกีก็สามารถไปถึงได้แล้ว และนี่คือทิศทางที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ กำลังจะเดินทางไป บางทีสาเหตุอาจจะเป็นเพราะว่าระยะทางนั้นค่อนข้างใกล้กับเมืองฮันเตอร์วิลล์ ดังนั้นเมื่อไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงชี้แจงดังนั้น เพียงไม่กี่วันพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองฮันเตอร์วิลล์ได้ในไม่ช้า
ไกลออกไปก่อนที่จะเข้าสู่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ทันใดนั้นเองจู่ ๆ ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงการต่อสู้
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
กลุ่มของไป๋อี้คิดว่าสถานที่แห่งนี้ถูกโจมตีโดยสัตว์ประหลาด ทันใดนั้นเองพวกเขาก็ได้เร่งความเร็วขึ้นในทันที เพื่อวิ่งเข้าไปยังเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ เมื่อมองไปคนที่นี่กลับไม่ได้มีการดูแลจัดการสถานที่แห่งนี้เลย ทุก ๆ ที่ต่างชำรุดทรุดโทรมและพังทลายเสียหาย ไป๋อี้และพวกเขามองไม่เห็นเลยจริง ๆ ว่าที่นี่มีสถานที่ไหนปลอดภัยบ้าง เพียงแต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจในเรื่องนี้ ไป๋อี้และพวกเขาได้พุ่งเข้าไปในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ และได้พบว่ามีคนสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันอยู่
คาดว่ากลุ่มหนึ่งน่าจะมีคนมากถึง 20 กว่าคนเลยทีเดียว พวกเขามีรูปร่างดูน่ากลัวและดุร้าย นอกจากนี้อีกฝ่ายมีเพียงแค่ 5 คนเท่านั้น อีกทั้งรูปร่างยังดูน่าเกลียดน่ากลัวพอ ๆ กัน นั่นจึงสามารถกล่าวได้ว่า …… ตอนนี้นิวซีแลนด์ไม่ได้มีมนุษย์ปกติธรรมดาอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว
ในตอนนี้อีกฝ่ายที่มี 5 คน ได้ตายไปแล้ว 3 คนและพวกเขาล้มลงกับพื้น ที่เหลืออีกสองคนกำลังต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้นที่มีหัวรูปร่างเหมือนหัวม้าที่เข้าไปประชิดตัวศัตรูอย่างไม่คิดถึงชีวิตตนเอง แต่อย่างไรก็ตามจำนวนที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ ในสายตาคนกว่า 20 คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมองแล้วดูตลกเหลือเกิน หากมีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น อีกไม่นานอีกฝ่ายที่เหลืออยู่ 2 คนก็จะถูกฆ่าตาย
ทันใดนั้นจู่ ๆ ไป๋อี้และคนอื่นก็ได้ปรากฏตัวออกมา ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นผู้ชายคนนั้นที่สูงถึง 2 เมตรกว่า ๆ ก็ได้เดินออกมาจากภายในกลุ่มฝ่ายตรงข้ามที่ยืนกันอยู่ 20 กว่าคน
ผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายเสือเดินตัวตรงสองขา เขามีลายเสือเป็นวงกลมบนลำตัวและมีปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่งที่หลัง เพียงแค่ดูปราดก็รู้แล้วว่าแตกต่างกับปีกที่ประดับอยู่บนหลังของวูล์ฟอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าปีกนั่นต้องสามารถบินได้แน่ๆ ใบหน้าของผู้ชายคนนี้ดูดุร้าย แต่การพูดการจากลับดูสุภาพมาก
“ขอโทษ ขอโทษนะ พวกคุณใช่คนที่ได้ยินการประกาศที่ให้มาที่นี่ใช่หรือไม่ พวกเรากำลังตามล่าสัตว์ประหลาด 2-3 ตัวที่ได้บุกรุกเข้ามาในเมืองแห่งนี้ มันจึงไม่มีทางเลือก ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ แต่ว่าการป้องกันภัยของเมืองนี้ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก” คนหัวเสือได้พูดออกมา
“……….!”
พวกไป๋อี้ได้มองไปยังสองคนที่ล้มลงอยู่กับพื้นและคนที่ยังยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง จะพูดอย่างไรดีล่ะ มี 3 คนที่นอนอยู่กับพื้นและ 2 คนที่ยังยืนอยู่ได้ ซึ่งพอมองดูดี ๆ แล้วดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่คล้ายกับมนุษย์บ้างนักเลย แต่ว่านิวซีแลนด์ในตอนนี้นั้นยังมีสิ่งที่เรียกว่าคนปกติธรรมดาอยู่อีกหรือไง ถ้าจะเรียกว่าสัตว์ประหลาด ผู้ชายที่หน้าตาประหลาด ๆ 20 กว่าคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็มีหน้าตาน่าเกลียดไม่ต่างกันนักหรอก?
“ฮี่ฮี่ พวกเขา …… ไม่ใช่!” ผู้ชายที่รูปร่างเหมือนม้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ชัดเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่เสียงของเขาด้วย ทำให้เขาไม่สามารถที่จะพูดประโยคที่สมบูรณ์ออกมาได้ทั้งหมด ยิ่งในขณะที่กำลังรีบร้อนด้วยแล้ว การที่ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกลายเป็นเสียงม้าและเสียงอื่น ๆ มากขึ้นไปอีก
“พวกเขาคือ …… !” ทันใดนั้นก็เกิดเสียงตะโกนออกมาจากอีกคนที่ยืนอยู่ แต่เมื่อพูดออกมาได้เพียงครึ่งประโยค จู่ ๆ คีมหนีบขนาดใหญ่ในมือขวาของผู้ชายอีกคนที่กำลังได้เปรียบอยู่ก็ตัดฉับลงมา เมื่อผู้ชายคนนี้พูดได้แค่ครึ่งเดียว หัวของเขาก็กระเด็นหลุดออกไป การกระทำที่ฉาวโฉ่เช่นนี้นั้น ทำให้ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้วสำหรับการที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ คิดที่จะเข้าไปช่วยผู้ชายคนนั้นในตอนนี้
“ขอโทษ ขอโทษนะ ปูแดงมักจะตื่นเต้นเกินไปเสมอ ทุกครั้งเมื่อมีการล่าสัตว์ประหลาดต้องฆ่ามันให้หมดเสมอเขาถึงจะสบายใจ เพราะมือซ้ายของเขาถูกสัตว์ประหลาดกัดเนื่องจากเขาประมาทเกินไป” คนหัวเสือได้พูดออกมา ในขณะนั้นเอง ผู้ชายที่มีคีบหนีบขนาดใหญ่ที่ได้หนีบหัวของคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไปคนนั้นก็ได้ก้าวไปข้างหน้า ตอนนี้เขามีเพียงคีมขนาดใหญ่ที่มือข้างขวาเท่านั้น ส่วนข้างซ้ายนั้นหายไป
“นั่นล่ะ ………. ”
“บางทีเราอาจจะมาในเวลาที่ไม่ถูกกาลเทศะ พวกเราเพิ่งจะเห็นตอนที่พวกนายกำลังฆ่าคน ถ้าจะโกหกกันแบบนี้ก็อย่าเลย มันชัดเจนว่าพวกคุณใช้วิทยุประกาศเรื่องโกหกเหล่านี้เพื่อดึงดูดคนอื่น ๆ ที่ต้องการจะหาสถานที่ปลอดภัยให้มาที่นี่ เป้าหมายของคุณไม่ใช่การจัดหาสถานที่ที่ปลอดภัย แต่เป็นการที่ทำให้พวกเขากลายเป็นเหยื่อเพียงเท่านั้น ใช่ไหมล่ะ” ไป๋อี้ลูบขมับของเขาอย่างเอื่อยเฉื่อยราวกับว่าไม่กังวลกับฉากตรงหน้าแต่อย่างใด
เมื่อเสือตัวนั้นได้ยินในสิ่งที่ไป๋อี้พูด เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง จริง ๆ แล้วเขาจะแสร้งทำเป็นตัวตลกอย่างที่ไป๋อี้พูดก็ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไป๋อี้และพวกได้มาที่นี่โดยบังเอิญล่ะก็คงจะเสแสร้งไปได้อีกสักระยะ
“ลองมองท่าทีของนายแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ปฏิเสธกับพฤติกรรมแบบนี้ พวกนายก็คงฆ่าคนอื่น ๆ ด้วยสินะ เป็นยังไงบ้างล่ะ พวกนายต้องการที่อยู่อีกไหม นาน ๆ ครั้งถึงจะมีคนโง่เขลาบางคนที่โผล่มาที่นี่ มันก็ยังดีกว่าการไปหาอาหารข้างนอกนั่น ถ้าทำแบบนี้มันปลอดภัยกว่ากันเยอะ” คนหัวเสือเห็นว่าไป๋อี้และพวกเขามีกัน 5 คนและสัตว์อีก 2 ตัว ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการทั้งหมด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีถึง 20 กว่าคน แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าพวกเขากินและอยู่อย่างมั่นคง จึงอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็นคำเชิญแทน
ผู้ชายหัวม้าคนนั้นเดิมทีเขาคิดว่าพวกไป๋อี้จะมาช่วยชีวิตให้เขารอดตาย แต่หลังจากได้ฟังสิ่งที่หัวเสือพูด ก็อดไม่ได้ที่จะตกอยู่ในความสิ้นหวังอีกครั้ง
“เฮ้อ ……..” ไป๋อี้ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาช้า ๆ
เมื่อไป๋อี้อ้าปาก ทุก ๆ คนก็ต่างคิดว่าไป๋อี้นั้นจะเห็นด้วย ทันใดนั้นเองจู่ ๆ ไป๋อี้ก็แสดงรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ให้ฝั่งตรงข้าม ความบริสุทธิ์ ความอ่อนโยน และความสดใสแบบนั้น ทำให้คนฝั่งตรงข้ามรู้สึกเหมือนดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิกำลังเบ่งบาน แต่ในเวลาต่อมา “ขอโทษนะ” ไป๋อี้กลับพูดขอโทษออกมาอย่างง่ายดาย ทำให้ใบหน้าทุกคนแข็งทื่อด้วยความตกใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ด้านของไป๋อี้และคนอื่น ๆ ต่างพากันหัวเราะออกมาทันที โดยไม่ได้ตื่นตระหนกกับอันตรายที่พบเห็นแม้แต่น้อย
“หึ ………. น่าเสียดายจริง ๆ” หัวเสือยังได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของไป๋อี้ในทุกครั้ง แต่เมื่อไป๋อี้ได้ปฏิเสธออกมาอย่างทันควัน เขาก็อดที่จะโกรธไม่ได้ เมื่อชายหัวเสือโบกมือข้างขวาขึ้น กลุ่มคนมากกว่า 20 คนก็ได้พุ่งเข้าหาไป๋อี้และคนอื่น ๆ ทันที ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่ได้ลวงอะไร หรือให้พวกเขากินยาสมุนไพรเหล่านั้นก็ตาม แต่คนตรงหน้ามีถึง 20 กว่าคน ก็คงใช้ไม่พอ และยังมีบางคนที่จัดการไม่ได้
ไป๋อี้มองไปยังคนหัวเสือตรงนั้นด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นชาบนในหน้าของเขา และเมื่อเสือตัวนั้นกระโจนเข้ามา ไป๋อี้ก็ตอบสนองกลับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ม่านตาบุษบาผกผัน!
ดวงตาของไป๋อี้ถูกเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ รูปแบบในก่อนหน้านี้คือม่านตาจำลองธรรมชาติที่สามารถแสดงออกมาทางตาของไป๋อี้เพียงเท่านั้น และม่านตาจำลองธรรมชาติชื่อนี้นั้นง่ายมากที่จะเชื่อมโยงโดยตรงกับแหล่งที่มาของความสามารถในดวงตาทั้งสองข้างของไป๋อี้ ในที่สุดหลังจากการปรึกษาหารือกัน ดวงตาของไป๋อี้ก็ได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ จากม่านตาจำลองธรรมชาติ จนมาถึงตอนนี้นั้นกลายเป็นม่านตาบุษบาผกผัน ในขณะที่ดวงตาของไป๋อี้กำลังเคลื่อนไหว มันเหมือนกับดอกไม้ที่มีลวดลายสีสันสดใสเติบโตไปในทิศทางตรงกันข้าม นั่นย่อมเพียงพอต่อการทำให้ดูลึกลับซับซ้อนและสามารถครอบงำจิตใจได้
หัวเสือตัวนั้นมุ่งหน้าไปทางไป๋อี้ ทว่า …… เพียงแค่ถูกดวงตาของไป๋อี้จ้องมอง หลังจากนั้นสติของเขาก็เกิดความมึนงงไปชั่วขณะ และดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสที่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย เมื่อไป๋อี้เดินไปข้าง ๆ เขาและใช้เขี้ยวดาบแหลมคมแทงทะลุรูหูของผู้ชายคนนั้นในทันที ตอนนี้ในนิวซีแลนด์ จุดสำคัญของร่างกายทั่วไปก็ไม่ได้ถือว่าเป็นจุดสำคัญอะไรมากอีกต่อไป นั่นเป็นเหตุผลที่ไป๋อี้เลือกที่จะจู่โจมด้านในหัวของเขาโดยตรง
ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาเล็กน้อย หัวเสือตัวนั้นล้มลงกับพื้นโดยไม่รู้ตัวทันที จนถึงแก่ความตาย ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับตนเองบ้าง
MANGA DISCUSSION