นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 81 การสมรู้ร่วมคิด ตอนที่ 1
โชคดีที่กาตอนไม่ได้เลือกคู่ครองให้กับริชาร์ดหลังจากที่งานเลี้ยงจบลง ในความเป็นจริงแล้วทั้งเขาและกาตอนต่างก็แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยหากไม่ใช่เนื่องในโอกาสสำคัญ ๆ หรือมีงานพิเศษอะไร
ริชาร์ดได้รับมอบหมายให้อยู่ในห้องเล็ก ๆ ใกล้กับห้องสมุดของตระกูล ที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาใช้เวลาอยู่กับมันมากที่สุดเพราะเขาสามารถอยู่ได้โดยไม่มีใครมารบกวน เขาพลิกดูหนังสือ 10 กว่าเล่มที่อธิบายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของทวีป รวมถึงหลักคำสอนของความเชื่อที่แตกต่างกันด้วยความสนใจ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่จะสามารถยับยั้งเดมี่และเวนิก้าไว้ได้ ทั้งสองคนเข้ามาหาเขาหลังจากที่ได้พบกับเขาในงานเลี้ยงคืนก่อน ทว่าต้องขอบคุณที่พวกนางพักอยู่ห่างไกลจากเขาเพราะพวกนางมีบทเรียนเกี่ยวกับหลักสูตรการบำเพ็ญตบะที่สำคัญซึ่งจะต้องเข้าร่วม และยังต้องขอบคุณความโชคดีอีกครั้งที่พวกนางติดเรียนจึงไม่สามารถมารบกวนเขาได้ตลอด 4–5 วันหลังจากนี้
การเข้ามาเยี่ยมเยียนเขาของทั้งสองนั้นเน้นในเรื่องของรูนเป็นหลัก พวกนางรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับการได้เป็นพยานให้กับการสร้างรูนด้วยมือของเขาเอง เขาพยายามหลบหลีกพวกนางด้วยการอ้างว่าส่วนผสมที่จะใช้สร้างยังไม่เพียงพอ ทว่าหญิงสาวก็รีบแนะนำเขาว่าเขาควรจะทำ ‘ความคุ้นเคย’ กับสถานที่ที่เขาจะต้องสักรูนให้กับพวกนางเสียก่อน ริชาร์ดรู้ดีว่าจากคำพูดของพวกนาง คงไม่ได้หมายความว่าไปทำ ‘ความคุ้นเคย’ กับสถานที่เพียงอย่างเดียวแน่นอน
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องอันตรายสำหรับเขาอย่างมากหากเขาตอบตกลงกลับไป เพราะหากเขาคุ้นชินกับสถานที่ของพวกนางรวมถึงตัวของพวกนางเองแล้ว เขาก็คงจะต้องแต่งงานกับทั้งสองอย่างเลี่ยงไม่ได้ มันเป็นกฎของหญิงสาวตระกูลอาเครอนทุกคนที่จะต้องรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองไว้ก่อนที่จะมีคู่ครองและเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ไว้ก่อนให้กำเนิดบุตรของพวกนางที่จะเกิดมา และแน่นอนว่ากฎนี้จะไม่มีผลหากพวกนางเลือกที่จะแต่งงานกับคนนอกตระกูล
หลังจากที่หญิงสาวทั้งสองได้ออกไปแล้ว เขาก็ได้รับการพักผ่อนที่เพิ่มมากขึ้นในวันถัดมา นอกจากเดมี่ เวนิก้า และเวนนิงตันที่มาหาเขาโดยนำส่วนของวัตถุดิบในการสร้างรูนมาให้เขาในครั้งนั้น เขาก็ไม่ได้เจอคนอื่น ๆ อีกเลย เหล่าหญิงสาวคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายในงานเลี้ยงในคืนก่อนไม่ได้สร้างความประทับใจใด ๆ ให้กับเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าพวกนางจะแสดงตนว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับเขาหรือแม้แต่การเข้ามาหาเขาด้วยความตั้งใจก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสนใจคนเหล่านั้นเลย
ในเวลานี้ริชาร์ดรู้สึกราวกับว่าเขาได้กลับไปอยู่ดีพบลูอีกครั้ง เขาวาดตารางงานของตัวเองด้วยความแม่นยำพร้อมทั้งใส่ข้อมูลสิ่งที่เขาต้องทำมากมายลงไปในนั้น ไม่ว่าจะเป็นสงครามเพลน ประวัติศาสตร์ของเฟาสต์ วิหารมังกรนิรันดร… เขาอ่านทุกอย่างภายในวันเดียวจนทำให้เขาแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนหลงเหลืออยู่เลย นอกจากการอ่านหนังสือแล้ว เขายังต้องลงมือสร้างรูนของเวนนิงตัน วางแผนถึงอนาคตของเขา และไหนจะต้องทำสมาธิไปด้วย
ความสงบสุขเกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ทว่าสถานที่อื่นภายในเฟาสต์กลับเต็มไปด้วยกระแสน้ำที่เริ่มเชี่ยวขึ้นอย่างดุเดือด
……
ชั้น 6 ของเกาะลอยฟ้าเป็นดินแดนของดยุกโจเซฟ ตระกูลของเขาคือ 1 ใน 10 ตระกูลแนวหน้าของสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งไม่ได้ก้าวหน้าหรือถอยหลังมาเป็นเวลานานแล้ว พวกเขาในตอนนี้เป็นเหมือนกับต้นโอ๊คเก่าแก่ที่มีรากฐานมั่นคงจนไม่มีใครสามารถมาทำให้พวกเขาสั่นคลอนได้ เพราะในตอนนี้รากของพวกเขาได้ถูกฝังลึกลงในดินแห่งสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ตระกูลโจเซฟนั้นมีความแตกต่างจากตระกูลอาเครอนที่อยู่บนเกาะ [7-3] เกาะนี้เต็มไปด้วยสงครามและความขัดแย้ง แต่บนเกาะของตระกูลโจเซฟที่อยู่ชั้น 6 นั้นเต็มไปด้วยความสวยงามของขุนนางและราชวงศ์ การทำงานอย่างหนักตลอดศตวรรษของพวกเขาที่อยู่บนเกาะแห่งนี้ทำให้ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและความเขียวขจีที่สวยงามและแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์
เมื่อมองจากจุดชมวิวทั่วทั้งเกาะจะเห็นว่าที่แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยโล่โดมสีม่วงจาง ๆ มันค่อนข้างยากที่จะแยกแยะภายใต้ท้องฟ้าที่สดใสของเฟาสต์ ทว่าเมื่อใดก็ตามที่มีวัตถุแปลกปลอมหลงเข้าไปใกล้โล่ มันจะถูกกระตุ้นและกระเพื่อมออกไปด้านนอกเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานในทันที ซึ่งนี่คือคุณสมบัติพิเศษของชั้นที่ 6
พื้นดินของที่นี่ถูกปกคลุมไปด้วยพืชพรรณเขียวชอุ่ม ใบไม้และยอดหญ้าบนพื้นดินแผ่สีเขียวไปทั่วทุกพื้นที่ ดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานรวมถึงต้นไม้ใหญ่ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้ภูมิอากาศแบบเขตร้อนชื้น การได้เหยียบลงบนพื้นเกาะแห่งนี้นั้นเสมือนกับการเหยียบบนสวนในตำนานของพระเจ้าที่เรียกกันว่า ‘เคลียร์วอเตอร์’ ที่มีตึกถูกสร้างอยู่เต็มและมีความสง่างามในรูปแบบของความเก่าแก่ ส่วนภายนอกได้ถูกล้อมรอบไปด้วยศาลาและพุ่มไม้ที่ตกแต่งอย่างประณีต
กระแสน้ำที่ไหลจากด้านตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาของเกาะแห่งนี้มาบรรจบลงที่ทะเลสาบเล็ก ๆ ที่อยู่ภายใน และด้านข้างก็มีปราสาทโบราณตั้งอยู่ ที่จุดศูนย์กลางมีแสงสลัว ๆ จากแสงของเวทมนตร์ที่สาดส่องให้เห็นรูปปั้นสวยงามที่ยืนอยู่บนยอดน้ำพุซึ่งก็สวยงามมากเช่นเดียวกัน มันสวยมากซะจนดึงดูดคนที่มาเยี่ยมเยียนได้เป็นอย่างดี
ภายในห้องสมุดส่วนตัวเล็ก ๆ ในปราสาทแห่งนี้มีคนที่ดูท่าทางเฉลียวฉลาดนั่งเรียงรายกันเป็นแถว ทุกคนดูโดดเด่นและเต็มไปด้วยพลังออร่าที่ส่องประกายออกมา
ด้านหน้าของคนเหล่านี้มีเด็กหนุ่มรูปร่างผอมบางคนหนึ่งกำลังยืนกอดหนังสือไว้ที่อกพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง เขาสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูสบาย ๆ สวมแว่นสายตาที่ทำมาจากคริสตัลดูมีราคาแพงประดับอยู่บนใบหน้าของเขา เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาและสติปัญญาที่ถูกขับออกมาจากตัวเขาได้อย่างโดดเด่น ทว่าความสมบูรณ์แบบของเขาก็ยังติดอยู่ที่รูปร่างของเขาที่ดูเหมือนว่าจะผอมเกินมาตรฐานไปเสียหน่อย
“ข่าวเรื่องนี้ได้รับการยืนยันแล้วรึ ?” เขาถามขณะพลิกหน้าหนังสือ
ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ดูมีประสบการณ์ที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือสุดของเขากล่าวขึ้นมาว่า “เราได้ตรวจสอบอย่างดีแล้วว่าริชาร์ด อาเครอนเป็นรูนมาสเตอร์ขั้นพื้นฐาน แต่เราไม่สามารถรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมภายในดีพบลูของเขาก่อนหน้านี้ได้ จึงทำให้ในตอนนี้เราไม่รู้เกี่ยวกับพื้นฐานปัจจุบันของเขา ซึ่งมันแปลกประหลาดมากที่มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับเด็กคนนี้ พวกผู้ค้าเองก็ทำท่าทีแปลกประหลาดเช่นเดียวกัน พวกเขาเอาแต่พูดว่าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเด็กคนนี้เลยแม้ว่าจะถามอะไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้มาจากคนเหล่านั้นก็เป็นเพียงข้อมูลเผิน ๆ ที่ไม่ได้สำคัญอะไรเลย”
“เจ้ายังต้องการอะไรอีก ? ริชาร์ดนั่นอายุแค่ 15 ปีก็เป็นรูนมาสเตอร์แล้ว เรายังต้องการการยืนยันอะไรอีกหรือ ?” ชายอีกคนหนึ่งพูดจาเหน็บแนม “หากริชาร์ดยังรักษาระดับในปัจจุบันของเขาเอาไว้ได้เรื่อย ๆ อาเครอนจะมีรูนไนท์มากมายขนาดไหนกันหากเขาโตขึ้น ? เราต้องฆ่าเขาทันทีที่เราสามารถทำได้ ! แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่เมจ แต่เขาก็ได้ศึกษาอยู่ภายในดีพบลูถึง 5 ปี ! ซึ่งนั่นมันหมายความว่าเขาจะสามารถเป็นแกรนด์เมจในอนาคตได้ไม่ยาก !”
ชายผู้หนึ่งที่ดูเหมือนเมจเปล่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะกล่าวว่า “ถ้ามันง่ายอย่างที่เจ้าพูดก็ดีสิไซบิล เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถฆ่าเขาได้ง่ายขนาดนั้นเลยรึ ? กาตอนส่งมอร์เดร็ดออกไปรับเด็กนั่นถึงดีพบลู เจ้าเองก็รู้ ! แม้ว่าเจ้าจะสามารถค้นหาพวกเขาผ่านภูมิประเทศที่ซับซ้อนได้ แต่เจ้าจะต้องจ่ายเท่าไหร่กันเพื่อฆ่าริชาร์ดภายใต้การดูแลของมอร์เดร็ด ? แล้วจะเป็นยังไงถ้าเด็กคนนั้นเป็นแกรนด์เมจในภายภาคหน้า ? อีกทั้งตอนนี้คนในตระกูลของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคนที่มากความสามารถทั้งนั้น เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถฆ่าคนเหล่านั้นได้ทั้งหมดงั้นรึ ? หรือเจ้าจะบอกว่าเจ้าสามารถฆ่ามอร์เดร็ดได้ ? เหอะ ไม่มีใครสามารถทำมันได้หรอก การที่เพิ่งจะรู้ว่าริชาร์ดเป็นรูนมาสเตอร์ เจ้าไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยหรือที่จะมาจัดการเรื่องทุกอย่างเอาในตอนนี้ ?”
เขาหัวเราะออกมาก่อนกล่าวต่อไป “เนสบี ทำไมเจ้าถึงไม่นำกำลังของเจ้าไปฆ่ามอร์เดร็ดล่ะ ? หากกำจัดเจ้านั่นไปได้มันก็ทำให้เรามีโอกาสมากพอที่จะฆ่าเจ้าเด็กที่กำลังจะกลายเป็นรูนมาสเตอร์นั่นได้ไม่ใช่หรือ !?”
ชายที่ถูกเรียกว่าเนสบีได้ยินดังนั้นก็รีบตะโกนถาม “เควิน ! ที่เจ้าพูดมันหมายความว่ายังไง?”
ชายผู้นั้นหัวเราะเยาะ “ข้าก็กำลังบอกให้เจ้าลองทำอยู่ไงเล่า ! แทนที่เจ้าจะมานั่งสงสัยแผนการของข้า ทำไมเจ้าถึงไม่คิดที่จะช่วยหรือนำกำลังของเจ้าไปทำอะไรสักอย่าง ? แต่ดูเหมือนว่าบางทีมอร์เดร็ดอาจจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่เจ้าจะรับมือได้ งั้นเจ้าก็จัดการฆ่าอัศวินทั้ง 12 ของกาตอนแล้วกัน เซียร์เดน ? คารีน ? ลีน่า ? เจ้าว่าคนเหล่านี้เจ้าจะสามารถจัดการได้หรือไม่ล่ะ ?”
เมื่อชายแก่ที่นั่งอยู่ด้านขวาสุดได้ยินดังนั้นก็ตัดสินใจพูดแทรกขึ้นว่า “เควิน เนสบี ! มันไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะมาทำสงครามประสาทกันในตอนนี้ ! ถึงแม้อาเครอนจะมีเด็กที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นมาอีกคนนึงแล้ว แต่ในตอนนี้เขายังมีเพียงแค่ความสามารถเท่านั้น ปัญหาของเราคือเราให้ความสำคัญกับเขามากแค่ไหน ?”
เด็กหนุ่มหยุดเดินรอบห้องก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น “ใช่สิ ! ข้าเกือบลืมไป มาสเตอร์ของข้าบอกกับข้าว่าริชาร์ดกำลังวางแผนสร้างรูนที่สามารถเพิ่มมานาได้ ซึ่งเป็นรูนที่เขาสร้างขึ้นเอง ! พวกเจ้าคงไม่คิดว่าเขาจะสามารถสร้างรูนระดับ 2 ได้ใช่ไหม ?”
“คิดค้นรูนขึ้นเองเชียวรึ ?” เควินอุทานออกมา ในที่นี้เควินเป็นหนึ่งในผู้ที่รู้เกี่ยวกับการสร้างรูนเป็นอย่างดี เขาหยุดฟังก่อนที่จะพูดเพิ่มเติม “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดูเหมือนว่าเด็กริชาร์ดนี่จะมีโอกาสที่จะได้เป็นเกรทรูนมาสเตอร์ในอนาคตสูง”
ความสามารถของริชาร์ดในตอนนี้ได้เพิ่มโอกาสที่เขาจะพัฒนาได้ในอนาคต และดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นภัยคุกคามอันดับต้น ๆ ในกลุ่มของอาเครอนรุ่นใหม่อยู่ไม่น้อย เพราะหากความสามารถของเขาสูงถึงขั้นนี้ ในอนาคตริชาร์ดก็จะกลายเป็น 1 ใน 10 ผู้ที่อยู่ระดับต้น ๆ ของตระกูลได้อย่างง่ายดาย
“ข้าไปเจอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการประมูลเมื่อปีที่แล้ว” เด็กชายพูดขึ้นขณะปรับแว่นสายตาของเขา เขาเปิดหนังสือก่อนที่จะชี้ไปยังบรรทัดที่อยู่ในหน้าหนังสือและกล่าวว่า “ไอเท็มที่น่าสนใจที่สุดในตอนนั้นคือ [รูนอจิลิตี้ขั้นพื้นฐาน] ซึ่งจากที่ศึกษามา ดูเหมือนว่าจะเป็นการรวมเข้ากับรูนสล็อตระดับ 3 เพื่อทำเป็นรูนผสม แต่อัตราการเพิ่มขึ้นนั้นสูงถึง 41% ! ซึ่งอัตราเช่นนี้ถือว่าแตะมาตฐานของรูนระดับ 2 เลยทีเดียว รูนอันนี้ถูกประมูลออกไปด้วยราคาสูงลิบถึง 5,000,000 เหรียญ ! นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่านี่เป็นรูนที่หายากมาก และที่น่าสนใจกว่านั้นคือดีพบลูเป็นผู้ขายรูนนี้”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มออกมาด้วยท่าทางที่สง่างาม “เราเองก็รู้ว่าดีพบลูไม่เคยสร้างรูนมาก่อน และดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่ารูนมาสเตอร์ธรรมดาจะมีชีวิตรอดอยู่ภายในดีพบลูได้เพราะชารอนเองก็คาดหวังกับคุณภาพของรูนไว้มาก และอีกอย่างข้าก็ได้ยินมาว่านางเองก็ค่อนข้างที่จะเกลียดพวกรูนมาสเตอร์ด้วย จากเรื่องนี้เราจึงสามารถเดาได้ว่ารูนอันนี้เป็นรูนที่ริชาร์ดสร้างขึ้น หากมันเป็นจริงอย่างที่ข้าคิดไว้ล่ะก็ เราสมควรที่จะกำจัดเขาออกไปให้พ้นทาง แต่หากมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ข้าคิด มันก็ยังถือว่าคุ้มค่าสำหรับการกำจัดรูนมาสเตอร์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตออกไปจากเส้นทางของพวกเราอยู่ดี”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “การตัดสินใจทำเรื่องนี้ของพวกเรา ยังไงซะข้าคิดว่ามันก็ยังถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าที่จะจ่ายสำหรับตระกูลของโจเซฟ”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นทุกคนก็ตระหนักขึ้นได้ทันทีว่าในเวลานี้การกำจัดริชาร์ดจะต้องแลกกับการจ่ายในราคาที่สูงลิ่ว ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาต้องการผู้ที่จะมาสนับสนุนในเรื่องนี้
“เราควรจะเตรียมรับมือกับสงครามที่จะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ ?” เนสบีถามขึ้น ในตอนนี้ท่าทางของเขาดูเหมือนกับคนที่กำลังกระหายเลือด และแม้ว่าเขาจะพยายามรักษามารยาทของตัวเองไว้ ทว่าอาการตื่นเต้นก็แสดงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน
ชายหนุ่มปิดหนังสือก่อนวางมันลงที่โต๊ะเบา ๆ และพูดด้วยท่าทางที่มั่นใจ “ไม่ ! ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก การต่อสู้ของพวกเราและคนเหล่านั้นมันมากกว่าแค่ในสนามรบ ตราบใดที่เราจัดการทำทุกอย่างได้อย่างไร้ที่ติ กาตอนก็จะไม่ลงมือทำสงครามเช่นกัน เขาเป็นคนฉลาด เพราะงั้นเขาย่อมรู้ดีว่าสงครามนั้นต่างก็ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรทั้งต่อพวกเราและต่อตัวของเขาเอง คนเดียวที่จะได้รับผลประโยชน์จากสงครามระหว่างเราและอาเครอนคือตาเฒ่าแมกกอต โอเรลิอุส เมื่อถึงเวลานั้นกาตอนจะต้องรอ เขาจะต้องรอให้พวกเขาฟื้นตัวจากการเสียศูนย์ในครั้งนี้ก่อนที่จะมาสู้กับพวกเรา แต่…”
เขายิ้มออกมาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจว่า “เมื่อถึงเวลานั้น โชคก็อาจจะไม่ได้เข้าข้างกาตอน อาเครอนอีกต่อไป”