นครแห่งบาป City of Sin - ตอนที่ 110 ค่ายแห่งความตาย ตอนที่ 2
ลีน่าเดินตามริชาร์ดออกมาจากกระท่อมไม้ก่อนจะมายืนด้านข้างเขาและยิ้มอย่างลึกลับ นางกอดอกมองไปที่ชิลเลอร์ราวกับว่ากำลังรอฉากที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ชิลเลอร์เดินตามออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
ลีน่ากำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกมาทว่าก็ถูกแขนของริชาร์ดห้ามไว้ ในเวลานี้ริชาร์ดไม่ได้มองชิลเลอร์แม้แต่น้อย แต่เขากลับจ้องมองไปยังดวงจันทร์สีม่วงที่อยู่บนท้องฟ้าและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “นี่เป็นค่ำคืนแห่งจันทราสีม่วง มิสเตอร์ชิลเลอร์ ท่านรู้หรือไม่ว่ามันแสดงให้เห็นถึงอะไร ?”
ชิลเลอร์คำรามออกมา “ข้าไม่เข้าใจ ข้ามันก็แค่พวกป่าเถื่อน”
“มันแสดงให้เห็นถึงความโกรธแค้นของอลูเซีย” ริชาร์ดอธิบาย
ชิลเลอร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้น “ข้าเป็นแค่คนป่าเถื่อน ข้าไม่เข้าใจว่าท่านต้องการจะกล่าวอะไรกับข้า อลูเซียที่ท่านพูดถึงคือความงามหรือ ?”
ริชาร์ดตอบกลับเป็นคำถาม “ที่นี่คือที่ไหน ?”
“ที่นี่คือค่ายฝึกความตายของอาเครอน” ชิลเลอร์ตอบ
ริชาร์ดจ้องมองดูพระจันทร์ก่อนถามขึ้นอีกครั้งอย่างนุ่มนวล “มิสเตอร์ชิลเลอร์ ข้ายังไม่รู้จักนามสกุลของท่านเลย”
“ทอลเลอร์” ชิลเลอร์ตอบกลับด้วยท่าทางที่เปลี่ยนไปจากเดิม
“ความสัมพันธ์ระหว่างอาเครอนและทอลเลอร์เป็นยังไง ?” ริชาร์ดถามกลับไปอีกครั้ง
“อืม… ไม่มีความสัมพันธ์” ดูเหมือนว่าชิลเลอร์จะเข้าใจถึงเจตจำนงของริชาร์ดแล้ว ในตอนนี้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำราวกับว่าน้ำตาของเขากำลังจะไหลลงมา
“แล้ว… ตอนนี้ท่านอยู่ในระดับไหนแล้วล่ะ ?”
ชิลเลอร์เงียบครู่หนึ่งก่อนตอบกลับ “ชาโดว์การ์ดระดับ 19”
ทันใดนั้นริชาร์ดก็หันกลับมามองชิลเลอร์และพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ในเมื่อเจ้าไม่ได้เป็นทั้งอาเครอนและเลเจนดารี่ ข้าไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าคนที่อยู่ในค่ายแห่งนี้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้า !”
ชิลเลอร์รู้สึกถึงความบีบรัดที่มาจากคำพูดของริชาร์ดจนทำให้ออร่าความอยากฆ่าฟันของเขาแผ่กระจายออกมาจากตัวอย่างรวดเร็ว การถูกเหยียดหยามทำให้เขาไม่สามารถกดความอาฆาตที่เขามีในตอนนี้ได้ เขาเป็นคนที่สามารถนำค่ายแห่งนี้ให้มาถึงพลังในระดับปัจจุบันซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลเขา แต่ถึงอย่างไรช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ตระกูลของเขาก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้สนใจอะไรในตัวเขาอีกต่อไป
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมท่าทางของเขาถึงได้แตกต่างออกไปจากคำพูดที่พึงพอใจของเขานัก ความสัมพันธ์ระหว่างอาเครอนและพวกเขานั้นไม่ได้ดีเลย และระดับทางสายเลือดของอาเครอนก็สูงมากกว่าของพวกเขาด้วย ไหนจะเอิร์ลโกลิอัทและมาร์ควิสกาตอนอีก พวกเขาถือเป็นศัตรูขั้นพื้นฐานสำหรับเขา ค่ายแห่งความตายนี้ถูกสร้างในดินแดนของโกลิอัท และแน่นอนว่ามันจะต้องถูกควบคุมโดยเอิร์ล ซึ่งนั่นทำให้ชิลเลอร์เป็นเพียงแค่หนึ่งในคนของโกลิอัทไปโดยปริยาย
ชิลเลอร์อยากจะโต้ตอบกลับไปทว่าท่าทางของเขาเกิดเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อเห็นม้วนกระดาษสีทองขนาดเล็กที่ถูกเปิดขึ้นด้วยตัวเองในมือของริชาร์ด เขาจำได้ว่าไอเทมชิ้นนี้คือ ‘สัญญาวิญญาณ’ ทันทีที่เห็นมันเขาก็ยืนยันได้แล้วว่าริชาร์ดมีอำนาจมากกว่าลีน่าหลายเท่า พรแห่งมังกรนิรันดรขึ้นอยู่กับปัจจัยแห่งโชค ทว่าการที่จะได้รับสัญญาวิญญาณได้นั้นแสดงให้เห็นว่าบุคคลผู้นั้นได้สังเวยจนเป็นที่น่าพึงพอใจให้กับมังกรนิรันดร ม้วนกระดาษนี้เทียบเท่ากับการเพิ่มพลังแห่งชีวิตขึ้นอีก 30 ปี !
ริชาร์ดโยนของล้ำค่านี้ใส่มือของชิลเลอร์ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “ข้ามั่นใจว่าเจ้ารู้จักของสิ่งนี้เป็นอย่างดี ข้าไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อเที่ยวเล่น ภารกิจของข้าในตอนนี้ไม่สามารถถูกคนอย่างเจ้ามาเปลี่ยนแปลงได้ ข้ามีทางเลือกให้เจ้า 2 ทาง เจ้าจะพาข้าไปเจอคนที่เหมาะกับม้วนกระดาษหรือจะให้พวกข้ากลับไปซะตั้งแต่ตอนนี้”
ม้วนกระดาษเปล่งแสงสีทองออกมาก่อนจะเผยให้เห็นออร่าจาง ๆ ในเวลานี้ชิลเลอร์รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะกระดาษในมือของเขามันเริ่มจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนดูเหมือนว่าน้ำหนักของมันเกือบจะเท่าภูเขาขนาดใหญ่
และจริงอย่างที่ริชาร์ดกล่าวไว้ว่าคงไม่มีใครนำสัญญาวิญญาณออกมาหากพวกเขาแค่ออกมาเที่ยวเล่นเท่านั้น แม้แต่จักรพรรดิแห่งสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างฟิลลิปส์ผู้กระหายเลือดเองก็ยังไม่ทำเช่นนั้นเลย
ทรัพยากรหนึ่งที่อาเครอนมอบให้กับสมาชิกแกนหลักของพวกเขาคือผู้คุ้มกันส่วนตัวที่ได้รับการฝึกฝนจากค่ายแห่งความตาย ความแข็งแกร่งของผู้คุ้มกันนั้นขึ้นอยู่กับผู้ดูแลค่าย และปกติแล้วมักจะไม่มีใครมีปัญหาอะไรแม้ว่าจะมีคนที่อ่อนแอผสมอยู่ก็ตาม ทว่านี่เป็นดินแดนของเอิร์ลโกลิอัท ไม่ใช่ของกาตอน จึงเป็นเรื่องปกติที่บุตรชายของกาตอนจะได้รับผู้คุ้มกันที่อ่อนแอ
ความแตกต่างระหว่างผู้คุ้มกันปกติกับผู้พิทักษ์วิญญาณนั้นแตกต่างกันอย่างมาก ทันทีที่ริชาร์ดนำสัญญาวิญญาณออกมา ชิลเลอร์ก็ตระหนักได้ทันทีว่าหากปล่อยให้ริชาร์ดกลับไปมือเปล่า เขามั่นใจว่าอัศวินของกาตอนจะต้องมาฆ่าเขาอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นมอร์เดร็ดหรืออซิริสมาจู่โจมด้วยตัวพวกเขาเองด้วยล่ะก็ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีโอกาสหนีเอาชีวิตรอดไปได้เลย และจุดจบของการตัดสินใจของเขาในครั้งนี้ก็คือความตายอย่างเลี่ยงไม่ได้
ชิลเลอร์คิดไม่ถึงว่าริชาร์ดจะไม่ยอมแพ้เช่นนี้จนทำให้เขาต้องมาเจอกับทางตัน ในความเป็นจริงแล้วทันทีที่กาตอนเข้ามาภายในเฟาสต์ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพี่ชายของเขาก็เริ่มดีขึ้น พวกเขาเริ่มที่จะค้นหาช่องทางในการร่วมมือและดูเหมือนว่าการมอบ ‘ผู้พิทักษ์วิญญาณ’ ให้กับริชาร์ดคือหนึ่งในสิ่งสำคัญ ทว่าการเปลี่ยนที่เกิดขึ้นนี้ก็ยังทำให้ชิลเลอร์ปฏิบัติต่อริชาร์ดและลีน่าไม่เหมาะสมอยู่ดี ไม่มีใครรู้นอกจากตัวเขาเองว่าสิ่งที่เขาแสดงออกมาเป็นเพราะความดื้อรั้นของเขาเองหรือเพราะไม่ได้รับการอัพเดทข่าวคราวที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงนี้กันแน่
ชิลเลอร์พยายามทำทุกอย่างให้ดูยุ่งยากสำหรับริชาร์ดมากที่สุดโดยเขาซ่อนผู้ฝึกหัดในค่ายแห่งความตายที่เก่ง ๆ เอาไว้และวางแผนว่าจะแนะนำพวกป่าเถื่อนภายในค่ายแห่งนี้ให้กับริชาร์ดแทน แต่ตอนนี้เห็นทีว่าการกระทำตามแผนเดิมจะไม่ดีเสียแล้ว เขาอาจจะทำสิ่งที่ขัดแย้งกับความต้องการของเขา ทว่ามันเป็นเรื่องดีที่จะสร้างความสัมพันธ์ให้กับกาตอนและโกลิอัทได้
ชิลเลอร์แสดงท่าทางที่หวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อยทว่าริชาร์ดก็ไม่ได้สนใจอะไร เขามองไปที่ดวงจันทร์สีม่วงในขณะที่เกิดความกดดันที่มองไม่เห็นขึ้นมารอบตัวของเขา ในที่สุดชิลเลอร์ก็ตัดสินใจส่งม้วนกระดาษคืนให้กับริชาร์ด “ข้าเข้าใจความต้องการของท่านแล้ว เอาล่ะ ตามข้ามา นี่มันก็สายมากแล้ว เราคงต้องเร่งเดินทางกันหน่อย”
ชิลเลอร์กระโดดขึ้นบนอานม้าทันทีที่กล่าวจบก่อนที่จะนำริชาร์ดและลีน่าผ่านป่าเข้าไป พวกเขาเดินทางกว่า 100 กิโลเมตรเพื่อไปยังลำธารที่เชิงเขา ที่แห่งนี้มีกระท่อมที่ทำจากไม้วางขนาบกัน 2 แถวและมีถ้ำหลายแห่งทอดตัวลึกเข้าไปในภูเขา
ชิลเลอร์ชี้ไปด้านหน้าก่อนจะกล่าวว่า “นี่คือค่ายแห่งความตายที่แท้จริง เหล่านักรบที่มีความสามารถที่สุดของตระกูลต่างก็มาจากที่นี่ ตอนนี้มี 3 คนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 10 ข้าจะเรียกพวกเขาออกมา”
ริชาร์ดพยักหน้าก่อนที่ชิลเลอร์จะหยิบนกหวีดที่ทำจากโลหะออกมาเป่ามันอย่างแรงจนเสียงแหลมและดังกระจายไปทั่วทุกที่ เสียงนั้นทำให้ฝูงนกที่อยู่บนต้นไม้ต่างพากันบินหนีไป ประตูกระท่อมไม้หลายบานถูกเปิดออกก่อนที่ร่างของหนุ่มสาวที่มีรูปร่างที่แตกต่างกันจะเดินออกมา ริชาร์ดมองดูคนเหล่านั้นที่มีดวงตาเหมือนกับหมาป่าที่น่าหวาดกลัว
เขากวาดตามองไปยังแต่ละคน ทันใดนั้นกระท่อมที่อยู่สูงที่สุดของลำธารก็ถูกเปิดออกอย่างแรงจนทำให้กระท่อมแทบจะพังลงมา คนป่าร่างใหญ่เดินออกมาในสภาพที่แทบจะเปลือยกาย บนร่างของเขาตอนนี้มีเพียงหนังสัตว์ร้ายที่ถูกพันไว้รอบเอวของเขาเท่านั้น เขามีรูปร่างสูงและกำยำ ทั่วทั้งร่างกายของเขาในตอนนี้เหมือนกับเหล็กแข็งมากเสียกว่าเนื้อของมนุษย์ กระท่อมไม้เล็ก ๆ นั้นดูเหมือนว่าจะไม่สามารถรองรับร่างอันใหญ่ของเขาได้จนทำให้เขาต้องก้มตัวเองลงเพื่อให้สามารถลอดประตูออกมาพ้น
ชายร่างใหญ่เดินออกมาก่อนจะอุทานว่า “โอ๊ะโอ ! หัวหน้านำเหยื่อใหม่มาอีกแล้วหรือ ?”