ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2173 การรวมตัวของเพื่อนเก่า
“ดูเหมือนว่า มีแต่ต้องหาคนต่อไปแล้วล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ลูกพี่มู่ ท่านคงไม่ได้มีความคิดเหมือนก่อนหน้านั้นอีกแล้วใช่หรือไม่! ความจริงแล้วมันไม่จำเป็นเลย ด้วยความสามารถของลูกพี่มู่ จะต้องมีคนมาขอรวมกลุ่มด้วยกันกับท่านอย่างแน่นอน” เจี้ยนเจี้ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ที่นี่มีอัจฉริยะจากดินแดนทางทิศใต้อยู่ด้วยจริง ๆ และพวกเขาก็เคยเจอกับมู่เฉียนซีมาก่อน
“เอ๊ะ! นั่นมู่เฉินซีนี่!”
“ที่แท้มู่เฉินซีก็ไปที่สนามแข่งขันของดินแดนทางทิศเหนือนี่เอง!”
“การผ่านด่านด้วยความสามารถของมู่เฉินซีนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่สิ่งที่ยากก็คือการมีคนจำนวนมากต้องการจะจัดการกับนางต่างหาก ซึ่งมันอันตรายเกินไป ฉะนั้นลืมมันไปเสียเถอะ!”
ที่จริงแล้วความสามารถของมู่เฉียนซีนั้นทำให้ผู้คนต้องหวาดหวั่น แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากที่จะเข้าไปเสี่ยง
“เฉียนซี!”
“ลูกพี่!”
ถือได้ว่าโชคของมู่เฉียนซีไม่ได้แย่นัก เพราะนางได้เจอกับคนรู้จักจากดินแดนทางทิศใต้นั่นเอง
“ไป๋จิ่งเยว่ ชิงเสวียน!”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอเฉียนซีที่นี่ ไม่ทราบว่าเจ้ายังขาดเพื่อนร่วมกลุ่มอยู่อีกหรือไม่? ข้าอยากจะเสนอตัวเองสักหน่อย!”
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะติดตามท่าน” ชิงเสวียนยังจำแนวคิดที่ว่าติดตามลูกพี่แล้วมีให้เนื้อกินได้อยู่ ฉะนั้นหากไม่ติดตามนางแล้วจะติดตามผู้ใดได้อีกเล่า
เพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่านางอยู่ที่นี่ จึงรู้สึกว่าจะติดตามผู้ใดนั้นไม่สำคัญเลย
แต่ตอนนี้เมื่อรู้แล้วว่านางอยู่ที่นี่ ฉะนั้นจะไม่คอยติดตามนางอย่างใกล้ชิดได้อย่างไร?
เจี้ยนเจี้ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีด้วยลูกพี่มู่ ท่านได้เจอกับเพื่อนเก่าแล้ว นอกจากนี้ยังได้เพื่อนร่วมกลุ่มมาสองคนอีกด้วย ต่อไปก็ขาดคนสุดท้ายเพียงแค่คนเดียวแล้วขอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นยังขาดอีกคนสินะ น่าจะหาได้ง่ายแล้วล่ะ”
ความจริงแล้วหลังจากที่ถูกยังมายังสนามแข่งขันที่สอง จางหยวนก็คิดไปถึงการต่อสู้อย่างบ้าคลั่งทั้งแบบตัวต่อตัวก่อนหน้านั้นและการต่อสู้แบบกลุ่มหลังจากนั้น ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทันทีที่เอายาน้ำขวดหนึ่งออกมาดู ก็มีความรู้สึกว่ามันค่อนข้างคุ้นตามากเลยทีเดียว
“ยาน้ำของหอหมอปีศาจ แถมยังเป็นยาน้ำระดับสูงอีกด้วย นะ…นี่มันราคาสูงมาก ดูเหมือนว่าข้า…”
เขาจำไม่ได้เลยว่าตนเองนั้นดื่มไปเท่าไร แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนยากจนนัก แต่เขาก็รู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่หรูหราที่สุดที่เขาเคยทำมาในชีวิตอย่างแน่นอน
อันที่จริงมู่เฉินซีเอาชนะเขาได้แล้ว และเดิมทีเขาน่าจะตกรอบไปตั้งแต่สนามแรกแล้วด้วยซ้ำ
แต่อย่างไรก็ตามนางกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น ทั้งยังมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้เขาอีกด้วย
ภายในใจของจางหยวนรู้สึกเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นเขาจึงคิดว่าจะตามหานางในสนามการแข่งขันรอบที่สองแห่งนี้
หากนางไม่ขาดเพื่อนร่วมกลุ่มก็ไม่เป็นไร แต่หากขาดเพื่อนร่วมกลุ่มแล้วละก็ เขาจะต้องขอเข้าร่วมด้วยให้ได้อย่างแน่นอน
เขาถูจมูกอย่างเขินอาย อย่างไรเสียเขาเป็นถึงหนึ่งในสิบอัจฉริยะแห่งดินแดนทางทิศเหนือ คงจะไม่ถูกรังเกียจหรอกกระมัง
ด้วยเหตุนี้ จางหยวนจึงตามหามู่เฉียนซีจนเจอ
กลุ่มของมู่เฉียนซียังขาดอยู่อีกหนึ่งคนพอดี และจางหยวนก็ต้องการที่จะเข้าร่วมด้วย ซึ่งมู่เฉียนซีก็ยินดีมากเช่นกัน
“เอาล่ะ! รวบรวมได้ครบพอดีเลย”
หลังจากที่เพิ่งรวบรวมจำนวนคนมาได้จนครบแล้ว ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ถึงเวลาแล้ว คนที่ไม่สามารถจัดกลุ่มได้สำเร็จ จะถูกส่งออกไปทันที!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “ค่อนข้างอันตรายเลยทีเดียว!”
เจี้ยนเจี้ยนกล่าวว่า “นั่นต้องเป็นเพราะสวรรค์ได้ลิขิตให้ลูกพี่มู่ไปถึงรอบชิงชนะเลิศ และกลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวงอย่างแน่นอน!”
ถึงอย่างไรเสียเจ้าหมอนี่ก็เป็นคนที่เสพติดการประจบสอพลอไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อมีการร้องขอให้จัดกลุ่ม เช่นนั้นการแข่งขันรอบนี้คงจะมุ่งเน้นในเรื่องของการทำงานเป็นกลุ่ม ดังนั้นทุกคนจะต้องแนะนำความเชี่ยวชาญของตนเอง หลังจากนั้นค่อยเริ่มปรึกษากันว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร”
“เอาล่ะ! ข้าก่อน ข้าขอแนะนำก่อน! ข้าชื่อเจี้ยนเจี้ยน ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้า มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของอาวุธลับ และลอบโจมตี!” เจี้ยนเจี้ยนเป็นคนกล่าวคนแรก
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวว่า “ข้าไป๋จิ่งเยว่ ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดขั้นสูงสุด มีความเชี่ยวชาญในเรื่องดาบ!”
“ชิงเสวียน ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปด! ทำได้ทุกอย่าง ไม่มีความเชี่ยวชาญใดเป็นพิเศษ” ชิงเสวียนกล่าว
“จางหยวน ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุด ถนัดใช้กำลังในการโจมตี!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สำหรับความสามารถของข้า พวกเจ้าก็คงรู้ดีอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องแนะนำแล้วกัน เริ่มลงมือค้นหาเหยื่อได้!”
และโลกนี้มันช่างกลมเสียจริง ๆ เพราะกลุ่มแรกที่พวกของมู่เฉียนซีได้เจอนั้นก็คือกลุ่มของพวกฉินกังนั่นเอง
ดูเหมือนว่าความสามารถโดยรวมจะแข็งแกร่งกว่าพวกของมู่เฉียนซีเล็กน้อย เพราะอย่างน้อยกลุ่มของพวกเขาก็ล้วนเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้ากันทั้งนั้น
มู่เฉียนซีแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “ดูสิว่าคราวนี้ พวกเจ้าจะหนีได้อย่างไร?”
และในตอนที่มู่เฉียนซีไปขวางหน้าพวกเขาเอาไว้ สีหน้าของฉินกังก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้นมาทันที
“ต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่ นี่มันมู่เฉินซีนี่ รีบหนีเร็ว!”
ขนาดคนจำนวนมากมายก่อนหน้านี้ยังไม่อาจจัดการมู่เฉินซีได้ ฉะนั้นเขาจึงไม่คิดว่าคนเพียงแค่ห้าคนนี้จะสามารถเอาชนะมู่เฉินซีได้เช่นกัน
ศิษย์น้องที่อยู่ข้างกายเขาอีกสองคนก็มีสีหน้าที่น่าเกลียดเช่นกัน แต่ทว่าคนที่เขาหามาอีกสองคนกลับไม่คิดเช่นนั้น
“ฉินกัง เป็นมู่เฉินซีแล้วทำไมอย่างนั้นหรือ? มู่เฉินซีทำให้เจ้าหวาดกลัวขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“หากรู้แต่แรกว่าเจ้าขี้ขลาดเช่นนี้ พวกข้าคงไม่ยอมตกลงรวมกลุ่มกับพวกเจ้าแน่!”
เรื่องที่เกิดขึ้นในสนามแข่งขันของดินแดนทางทิศเหนือเวลานั้น หากไม่ใช่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ แน่นอนว่าไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกในตอนนั้นอยู่แล้ว
ฉินกังกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ก็จริง พวกเจ้าคนหนึ่งเป็นปรมาจารย์ค่ายกล อีกคนหนึ่งเป็นปรมาจารย์ภาพมายา แม้ว่าความสามารถของมู่เฉินซีจะสูง พลังในการต่อสู้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะจัดการนางไม่ได้เสียหน่อย”
นี่คือคู่แข่งที่เขาหามาเป็นพิเศษ อัจฉริยะที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้ หากเป็นในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวก็คงจะไม่มีข้อได้เปรียบเท่าไรนัก แต่หากเป็นในการต่อสู้แบบกลุ่ม กลับมีบทบาทที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจี้ยนเจี้ยน เจ้าซ่อนตัวเพื่อแอบลอบโจมตีต่อได้เลย!”
“ส่วนจิ่งเยว่กับชิงเสวียนพวกเจ้าร่วมมือกันจัดการหนึ่งคน ตามพวกเขาบุกเข้าไปโจมตีพร้อมกัน”
“ตกลง!”
มู่เฉียนซีไม่ให้เวลาฉินกังได้เตรียมตัว และนางก็เปิดการโจมตีอย่างดุเดือดในทันที
ปังง!
“กางค่ายกล!”
ภาพที่อยู่เบื้องหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่าจำนวนของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนเป็นมีมากขึ้นนับไม่ถ้วน ซึ่งมันก็มีทั้งของจริงและของปลอม
พรวด!
ทันใดนั้นไป๋จิ่งเยว่และชิงเสวียนก็ถูกอีกฝ่ายทำให้ได้รับบาดเจ็บแล้ว
ตูมมม!
จางหยวนปล่อยหมัดออกไป และแอบร้องตะโกนในใจว่าแย่แล้ว มันคือของปลอม
เนื่องจากว่าจางหยวนมีความแข็งแกร่งพอ อีกทั้งยังมีประสบการณ์มากมาย จึงทำให้เขาสามารถหลบหลีกอันตรายจากฝ่ายตรงข้ามได้
พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีแผ่กระจายออกไป และเขารู้ว่านางได้ตกหลุมพรางของคนอื่นเข้าแล้ว เพราะอีกฝ่ายนั้นมีอัจฉริยะค่ายกลอยู่ด้วย
ทว่าสำหรับเรื่องของค่ายกลนี้ มู่เฉียนซีก็มีความรู้บ้างเล็กน้อยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าค่ายกลนี้เรียบง่ายกว่าค่ายกลของอากุ่ยมากมายนัก ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงเตรียมที่จะทำลายมัน
ฉินกังฉวยโอกาสนี้ในการลอบโจมตีมู่เฉินซี ทว่าเขาไม่มีทางคาดคิดอย่างแน่ว่าในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังเผชิญหน้าอยู่กับการล้อมโจมตีของเขากับศิษย์น้องอีกคน นางจะยังมีพลังจิตวิญญาณมากพอไปใช้ในค้นหาคนที่แอบลอบโจมตีอีกสองคนนั้นได้ด้วย
หาเจอแล้ว!
ร่างเงาสีขาวพุ่งทะยานออกไปราวกับสายฟ้าแลบ พัดวิหคเฟิงหลิงแยกออกจากกัน และใบพัดก็พุ่งไปทางสองคนนั้นทันที!
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหลบมันได้ทัน จึงทำให้ต้องเลือดตกยางออกแน่นอนอยู่แล้ว!
และเพราะได้รับบาดเจ็บ พวกเขาจึงไม่อาจรักษาค่ายกลและภาพมายาได้อีกต่อไป
เจี้ยนเจี้ยนกล่าวว่า “เจ้าบ้าสองคนนี้ต้องทำอะไรแปลก ๆ ก่อนหน้านี้เป็นแน่ แต่ในเมื่อตอนนี้ลูกพี่มู่ลากเจ้าพวกนี้ออกมาได้แล้ว ต่อไปก็ถึงตาข้าแล้วสินะ”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ทันใดนั้นก็มีอาวุธลับซัดสาดใส่พวกเขาทั้งสองราวกับห่าฝนก็มิปาน สีหน้าของคนทั้งสองพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก และตอนนี้ก็สายเกินกว่าจะหลบให้พ้นแล้ว
“อ๊ากกก! อ๊ากกก!” มีเสียงกรีดร้องออกมาถึงสองเสียง จากนั้นพวกเขาก็ล้มฟุบลงไปบนพื้น และถูกย้ายออกไป
“การตอบสนองของพวกเจ้าจะช้าเกินไปแล้ว!” เจี้ยนเจี้ยนกล่าวอย่างดูถูก
เมื่อผู้ช่วยที่แข็งแกร่งถูกจัดการไปแล้ว ฉินกังก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขากัดฟันกล่าวว่า “มู่เฉินซี อย่าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้านะ ศิษย์น้อง พวกเราทั้งสองคนจะสู้กับนาง!”
“ขอรับ ศิษย์พี่!”
แม้ว่าไป๋จิ่งเยว่และชิงเสวียนจะได้รับบาดเจ็บ แต่เขาทั้งสองก็ยังคงต่อสู้อยู่กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าคนนั้นอยู่ดี
เขาได้เอาจุดแข็งของตนเองออกมาใช้ให้เกิดประโยน์สูงสุด และพัวพันกับคนผู้นั้นเอาไว้
ตามที่คิดไว้หากจางหยวนต่อสู้กับคนผู้นั้น เขาคงสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แต่ทว่ามู่เฉียนซีไม่ได้ขอให้เขาเข้าไปช่วย ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้ยื่นมือเข้าไปแน่นอนอยู่แล้ว
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ทันทีที่มู่เฉียนซีร่ายกระบวนท่า ศิษย์น้องของฉินกังก็ถูกจัดการได้ในพริบตาเดียว
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ต่อไป ก็เหลือเจ้าเพียงคนเดียวแล้ว”
.