ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2109 ขี้งกสุดๆ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นก็นำทางไปเถอะ!”
“ขอรับ!”
เมื่อเดินออกไป มู่เฉียนซีก็จ้องมองไปยังหิมะที่ขาวโพลน และสูดหายใจเข้าลึก ๆ
ระหว่างที่เดินทางมา นางก็ได้คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าว่านซือเยี่ยนผู้นี้จะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรับมือได้ยากกว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก ช่างสมกับเป็นคนที่ได้รับการแนะนำมาจากชิงหลงจริง ๆ
โรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดของเมืองปิงหวางนั้นโอ่อ่าตระการตาราวกับพระราชวังอย่างไรอย่างนั้น
และคาดว่านายน้อยของพวกเขาน่าจะเตรียมการต้อนรับเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว คงคิดว่าแกะอ้วนตัวหนึ่งนี้สามารถโกงได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ ฉะนั้นจึงได้เตรียมห้องที่แพงที่สุดเอาไว้ให้นางเป็นแน่
แน่นอนว่าด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงถึงเพียงนี้ ก็ต้องมีการบริการที่เยี่ยมยอดที่สุดเช่นกัน แม้ว่านางจะไม่ค่อยพอใจ แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงอาศัยอยู่ที่นี่อยู่ดี
มู่เฉียนซีได้ใช้เวลาคืนแรกอยู่ในเมืองปิงหวาง และวันรุ่งขึ้นนางก็บุกตรงไปยังสาขาของสมาคมการค้าเฉินซีในเมืองปิงหวางเพื่อต้องการพบกับนายน้อยของพวกเขา แต่ผลสุดท้ายพวกเขากลับบอกว่านายน้อยของพวกเขาไม่อยู่
มู่เฉียนซีกำหมัดแน่น ดีจริง ๆ
ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจที่จะหลบหน้านาง เช่นนั้นนางก็จะไม่เปลืองแรงตามหาเขาอีกแล้ว
ทิวทัศน์ของเมืองปิงหวางถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว นอกจากนี้ร้านยาและผู้ค้าบางส่วนยังขายสมุนไพรวิญญาณที่มีเฉพาะในดินแดนทางทิศเหนืออีกด้วย ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงหันไปกว้านซื้อสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นแทน
และหลังจากที่กว้านซื้อจนเก็บเกี่ยวมาได้อย่างดีเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็สามารถลบล้างความรู้สึกแห้งเหี่ยวภายในใจออกไปได้
“นายน้อยขอรับ แม่นางมู่นาง…”
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังกลับไป ขณะนั้นก็มีคนเข้ามารายงานสถานการณ์ของมู่เฉียนซีกับว่านซือเยี่ยน
“นางข่มอารมณ์ไว้ได้ดีเลยทีเดียว” ว่านซือเยี่ยนกล่าวอย่างเรียบเฉย
มู่เฉียนซีรู้สึกว่า หากทำให้ว่านซือเยี่ยนรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่เธอสามารถร่วมมือด้วยได้ คงจะสามารถหลีกเลี่ยงความหยิ่งผยองของเจ้าหมอนี่ได้เป็นแน่
มู่เฉียนซีเริ่มทำการจัดสรรกำลังคนออกไป และนางก็รู้ว่าตนเองสามารถเตรียมการทั้งสองอย่างนี้ได้
แน่นอนว่าว่านซือเยี่ยนย่อมมองความคิดของมู่เฉียนซีออกอย่างทะลุปรุโปร่งอยู่แล้ว และเขาก็ได้ไปหามู่เฉียนซีจริง ๆ
“แม่นางมู่ นายน้อยของพวกเรากำลังรอท่านอยู่ด้านนอกขอรับ”
พวกของจูเชว่มีเรื่องร้อนใจ ฉะนั้นเกรงว่าทางด้านของว่านซือเยี่ยนก็น่าจะมีเช่นกัน และสุดท้ายคนที่ข่มอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ ก็เป็นเขาเสียเอง!
เมื่อมู่เฉียนซีเดินมาถึงทางเข้าโรงเตี๊ยม ก็ไม่ได้มีเพียงแต่ว่านซือเยี่ยนที่แต่งตัวอย่างงดงามเท่านั้น แม้แต่รถม้าที่เขานั่งมาก็ยังงดงามไม่แพ้กัน ตัวรถม้าถูกประดับประดาไปด้วยสมบัติล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังมีแกนวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงที่หายากอีกด้วย
ว่านซือเยี่ยนเปิดม่านรถม้าออกพลางกล่าวว่า “แม่นางมู่ พวกเราจะพูดคุยกันอีกสักครั้งได้หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จะไปคุยกันที่ใด?”
“ไปกินข้าวกันก่อน ข้าเชิญเจ้าเป็นแขกเอง”
“เจ้าเชิญข้า แล้วผู้ใดเป็นคนจ่ายล่ะ?” ในเมื่อโดนหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง คิดว่าจะหลอกนางได้อีกเป็นครั้งที่สองอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!
ว่านซือเยี่ยนเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ข้าเป็นคนเชิญ! ฉะนั้นข้าจะเป็นคนจ่าย เจ้าพอใจหรือยัง!”
“เช่นนั้นก็ตกลง!”
มู่เฉียนซีขึ้นไปบนรถม้าของว่านซือเยี่ยนอย่างใจเย็น ทว่าคราวนี้รถม้ากลับไม่ได้มุ่งหน้าไปยังทิศทางของหอเลิศรส แต่มุ่งตรงไปยังตรอกเล็ก ๆ ที่ลึบลับเส้นหนึ่ง
เส้นทางเริ่มเปลี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่รู้ว่าว่านซือเยี่ยนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพวกของชิงหลง นางคงรู้สึกว่ากำลังถูกผู้ชายคนนี้ลวงไปฆ่าและปล้นสะดมภ์เอาทรัพย์สินในที่ลับตาคนเป็นแน่
หลังจากที่ผ่านไปได้ครู่หนึ่ง ก็ได้มาหยุดอยู่หน้ากระท่อมมุงจากที่อยู่ห่างไกลหลังหนึ่ง
ว่านซือเยี่ยนได้ลงรถไปก่อน แต่ทว่าในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังจะลงรถ ว่านซือเยี่ยนก็ขวางมู่เฉียนซีเอาไว้พลางกล่าวว่า “จ่ายค่ารถมาด้วย!”
“รถม้าของข้าใช้ม้ามังกรหิมะชั้นยอดในการลากมาเชียวนะ โครงสร้างภายในรถก็ม้ายังใช้ไม้สนหิมะหมื่นปีสร้างขึ้นมาอีกด้วย ตัวรถ…”
“นั่งมาหนึ่งชั่วยาม ราคาหนึ่งหมื่นผนึกซวน ไม่มีการต่อรอง!”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกอย่างบ้าคลั่งในขณะที่ยืนอยู่ตรงนั้น สายลมยะเยือกพัดผ่านจนนางยุ่งเหยิง และมู่เฉียนซีก็กัดฟันกล่าวว่า “เจ้ามารับข้าเพื่อมาคุยธรกิจ แล้วยังจะมาเก็บค่ารถอีกหรือ! เจ้าหลอกข้าให้มันน้อย ๆ หน่อยไม่ได้หรืออย่างไร”
“ข้ายอมแพ้จนยอมเป็นคนจ่ายค่าอาหารให้แล้ว แต่ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะจ่ายค่ารถให้นี่!”
“ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านี่มันรถของเจ้า!”
“รถของข้าแพงขนาดนี้ อีกทั้งการบำรุงรักษาก็ใช้เงินมากอีกด้วย แน่นอนว่าคนนอกไม่สามารถนั่งได้ฟรี ๆ อยู่แล้ว! อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้จะเป็นชิงหลงก็ต้องจ่ายเช่นกัน”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าตัวเองก่อนหน้านี้ก็เป็นคนมีฝีมือในการหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินมาก่อนเช่นกัน แต่ตอนนี้เมื่อได้มาเจอกับคนแปลกประหลาดอย่างว่านซือเยี่ยน นางก็รู้สึกว่าตนเองได้พบคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว
“ได้! ข้าจะให้ค่ารถเจ้า!”
ทันทีที่ลงมาจากรถม้า ก็มองไปยังกระท่อมมุงจากที่เต็มไปด้วยรูพรุนทั่วทุกพื้นที่หลังนั้น
“ที่เชิญข้ามากินข้าว ก็คือที่นี่อย่างนั้นหรือ?”
“ที่นี่มีอะไรที่ไม่ดีอย่างนั้นหรือ?”
“ถึงแม้ว่าลักษณะพิเศษของอาหารพื้นบ้านจะมีกลิ่นอายของต้นตำหรับ แต่ก็คงไม่ถึงกับต้องมาสถานที่แห่งนี้หรอกมั้ง! ว่านซือเยี่ยน”
“หากไม่กินละก็ เจ้าสามารถเดินกลับไปเองได้” ทันทีที่ว่านซือเยี่ยนกล่าวจบ เขาก็หันหลังเดินเข้าไปทันที
มู่เฉียนซียังคงติดตามเขาเข้าไป ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะมีคนอื่นอยู่อีกก็เป็นได้ และหลังจากที่ได้เข้าไปแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้ค้นพบว่าตนเองนั้นคิดมากเกินไป
“นายท่าน ต้องการสั่งอะไรดีขอรับ?” สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เอาไว้รับประทานอาหารจริง ๆ และเมื่อพวกเขาเข้ามาก็มีคนที่คล้ายกับชาวนาคนหนึ่งเข้ามาให้การต้อนรับในทันที
ว่านซือเยี่ยนกล่าวอย่างคุ้นเคยเป็นอย่างดีว่า “เอาเหมือนเดิม!”
“ได้เลยขอรับ! เชิญรอสักครู่”
ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้กับคำว่าเหมือนเดิม ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง
และก็เป็นไปตามคาด สิ่งที่นำมาเสิร์ฟเป็นอาหารจานผักสองชาม และยังมีหมั่นโถวสีขาวอีกสองลูก ซึ่งนี่ก็คือทั้งหมดที่สั่งมาแล้วแล้ว
“ว่านซือเยี่ยน ข้าเชิญเจ้ากินอาหารมื้อใหญ่มูลค่านับล้าน แต่เจ้ากลับเลี้ยงข้าวข้าแค่ไม่กี่ตำลึงเช่นนี้หรือ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงนายน้อยของสมาคมการค้าเฉินซี แค่เลือกอัญมณีที่อยู่ในตัวเจ้าออกมาเพียงเม็ดเดียวก็เพียงพอให้เจ้ากินได้หลายมื้อแล้ว! เจ้าไม่รู้สึกว่าตัวเองขี้งกเกินไปหน่อยหรืออย่างไร?” มู่เฉียนซีกล่าว
“ชิงหลงไม่เคยบอกเจ้าอย่างนั้นหรือ ว่าข้าน่ะขี้งกสุด ๆ!” ว่านซือเยี่ยนกล่าวอย่างหน้าไม่อายเลยแม้แต่น้อย
นางเคยเห็นคนขี้งกมาบ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เฉียนซีได้เห็นคนที่ขี้งกถึงขนาดนี้
พูดจบ ว่านซือเยี่ยนก็เริ่มเพลิดเพลินไปกับอาหารกลางวันที่เรียบง่ายมื้อนี้อย่างเงียบสงบ
และก็ไม่ใช่ว่านางไม่เคยเจอกับความลำบากเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อเห็นว่านซือเยี่ยนกินแล้ว มู่เฉียนซีก็เริ่มลงมือ ซึ่งนางก็ได้ค้นพบว่าถึงอาหารจานผักนี้จะดูเรียบง่าย แต่ความจริงแล้วมีรสชาติที่ไม่เลวเลยทีเดียว
อีกทั้งหมั่นโถวขาวนี้ก็นุ่มมาก ซึ่งพอได้กินเข้าไปแล้วก็ให้รสชาติที่ดีเป็นอย่างมาก
ถึงจะขี้งก แต่ก็เลือกอาหารได้ไม่เลวเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ว่านซือเยี่ยน เจ้ามีเงื่อนไขอะไรก็พูดออกมาตามตรงเถอะ! บอกขีดจำกัดของเจ้ามา ข้าคิดว่าพวกเราคงไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่กิจการขนาดเล็ก และหากยิ่งเสียเวลาไปมากเท่าไร ก็จะยิ่งเสียเงินจำนวนมากไปเท่านั้นมิใช่หรือ?”
ว่านซือเยี่ยนตอบกลับมาว่า “พูดขีดจำกัดของเจ้าออกมาเถอะ!”
“มากสุดสี่ถึงหกส่วน หอหมอปีศาจของข้าเจ็ดส่วน สมาคมการค้าเฉินซีสามส่วน และมันก็มีผลเพียงสามปีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นสามปี หากพวกเรายังคงร่วมมือกันอยู่ สมาคมการค้าเฉินซีก็จะได้รับเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
และนี่คือการถอยก้าวใหญ่ที่สุดของนางแล้ว!
“ให้สมาคมการค้าของพวกเราเสียเวลาสนับสนุนเจ้าถึงสามปี แต่พอเจ้าใช้พวกเราอย่างหนักเป็นเวลาสามปีแล้วยังจะมาลดส่วนแบ่งให้ต่ำลงไปอีก หากเป็นเช่นนี้สมาคมการค้าเฉินซีของพวกเราจะไม่ถือว่าเสียเปรียบมากเกินไปหน่อยอย่างนั้นหรือ?” ว่านซือเยี่ยนกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ข้ากล้ารับประกันได้ว่า หลังจากนั้นสามปี แม้ว่ามันจะเป็นแค่ส่วนเดียว แต่มันก็สามารถทำให้สมาคมการค้าเฉินซีของพวกเราเก็บเกี่ยวได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว”
หากดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปเหมือนก่อนหน้านี้ ก็คงต้องเจอการต่อต้านจากทั้วทุกทิศทาง และคาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาสามปีถึงจะสามารถพัฒนามาถึงขอบข่ายที่นางต้องการได้ ทว่าหากได้รับการช่วยเหลือจากสมาคมการค้าเฉินซี ก็คาดว่าปีเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ดังนั้นด้วยเหตุนี้นางจึงจำต้องแบ่งกำไรให้สมาคมการค้าเฉินซีถึงสามส่วน มิเช่นนั้นแล้วละก็ นางไม่อยากจะให้คนอื่นมาได้รับส่วนแบ่งเลยแม้แต่ส่วนเดียว
“อย่างไรข้าก็ยังรู้สึกว่าข้าเสียเปรียบมากอยู่ดี เพียงแต่หากเจ้าแสดงความจริงใจออกมาอย่างเพียงพอ นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!” ว่านซือเยี่ยนกล่าวตอบ
“เจ้าอยากให้ทำเช่นไรล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
ว่านซือเยี่ยนตอบกลับไปว่า “ข้าต้องการสิ่งของบางอย่าง และก็ต้องการให้เจ้าช่วยด้วย”
.
.