ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2106 สมาคมการค้าเฉินซี
เขามีความรู้สึกที่พิเศษต่อซีซีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อารองมู่ผู้นี้กลับมีสายตาที่แหลมคมมากเลยจริง ๆ!
จูเชว่ได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในใจว่า หลังจากที่มีอารองมู่เข้ามาการใกล้ชิดกับซีซี และทำให้ซีซีชอบก็ยิ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเขามากขึ้นไปอีก
จูเชว่ไม่สามารถที่จะคีบอาหารให้กับซีซีได้ เช่นนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงกินอาหารและชื่นชมซีซีต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน
“ซีซีอันนี้อร่อยมากเลย ข้าไม่เคยกินอาหารที่รสชาติอร่อยเช่นนี้มาก่อนจริง ๆ!”
“มีรสชาติมาก”
“ช่างหอมเหลือเกิน”
ไม่ว่าจะเป็นคำใดที่สามารถใช้บรรยายความอร่อยของอาหารได้ จูเชว่ล้วนหยิบยกขึ้นมาใช้จนหมด
ในบรรดาพวกเขา ไป๋เจ๋อนั้นนิ่งสงบมากที่สุด ส่วนฉงหมิง ทันทีที่กัดเข้าไปคำใหญ่ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
และหลังจากที่กินเข้าไปอีกคำ เขาก็ตื่นตกใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!
มันอร่อยมากจริง ๆ เพียงแต่เขาไม่มีทางที่จะทำให้ผู้หญิงคนนี้ภูมิใจเกินไปแน่นอน ดังนั้นเขาจึงกินมันด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์แล้วเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ภายในใจ โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำเดียว
และชิงหลงที่ยังไม่ทันได้กิน แต่กลับได้ยินเสียงพูดเจื้อยแจ้วของจูเชว่ก็อดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ว่า “จูเชว่ เจ้าจะเสียงดังมากเกินไปแล้ว!”
“ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ของเจ้า แต่เป็นพื้นที่ของซีซี่ต่างหาก เจ้ามายุ่งอะไรด้วยชิงหลง? ”
มู่เฟิงหลิงที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปก็กล่าวขึ้นมาว่า “ซีเอ๋อร์ อารองจำได้ว่าที่เจ้ามียาที่สามารถทำให้คนพูดไม่ได้อยู่ด้วย เอามาให้อารองสักเม็ดสิ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ได้เจ้าค่ะ!”
ในตอนที่มู่เฉียนซีหยิบยาลูกกลอนออกมา จูเชว่ก็สัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง จากนั้นเขาก็รีบหุบปากไปทันที และกินต่อไปอย่างเงียบสงบ
ฉงหมิงก็รู้สึกยินดีกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะมันทำให้เขารู้สึกรำคาญมากเช่นกัน
หลังจากที่อิ่มหนําสําราญแล้ว แน่นอนว่าพวกเขามีเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องหารือ
ที่พวกเขามายังหอหมอปีศาจในเวลาเดียวกันนั้นเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเรื่องธรรมดาอย่างการมาแสดงความยินดีกับการทำลายล้างสำนักหลินเยว่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นอยู่แล้ว
“ร่วมมือกันหรือ! พวกเราไม่ได้ร่วมมือกันอยู่แล้วอย่างนั้นหรือ?” เมื่อมู่เฉียนซีฟังพวกเขาจนจบแล้ว ก็กล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
ไป๋เจ๋อกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เฉียนซี ดูเหมือนว่าอาจจะต้องเร่งความคืบหน้าให้เร็วขึ้นอีกหน่อยแล้วล่ะ”
ไป๋เจ๋อพยายามที่จะทำน้ำเสียงนิ่งสงบมากที่สุด แต่มู่เฉียนซีกลับสามารถสัมผัสได้ถึงความรีบร้อนของเขา
ฉงหมิงกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้คิดที่จะขยายหอหมอปีศาจไปทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวง หรือว่าทั่วทั้งแดนซวนเทียนหรอกหรือ? สร้างชื่อเสียงให้มากพอที่จะตั้งหลักอยู่ในแดนซวนเทียนอย่างมั่นคง อีกทั้งยังดึงดูดผู้แข็งแกร่งได้มากเพียงพออีกด้วย เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะเอาไปโอ้อวด! หรือจะไปล้างแค้นกับมู่หลินหลางก็ไม่ใช่ปัญหาเลย”
“ข้าก็อยากพัฒนาความสัมพันธ์กัยซีเอ๋อร์เช่นกัน” จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พัฒนาความสัมพันธ์อะไร ไอ้หนูนี่ชอบพูดจาไร้สาระเสียจริง” มู่เฟิงหลิงจ้องมองไปยังจูเชว่ด้วยสายตาที่ดุร้าย
“แน่นอนว่าต้องเป็นความสัมพันธ์ในการร่วมมือกันอยู่แล้ว! ท่านอารองมู่คิดผิดไปเองจะโทษข้าไม่ได้นะขอรับ” จูเชว่กล่าวอย่างไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก
มันต้องมีเหตุผลบางอย่าง ถึงได้ทำให้พวกเขาไม่ระวังมากเช่นนั้นอีกแล้วแน่นอน อีกทั้งยังเร่งให้เร็วขึ้นอีกด้วย
มู่เฉียนซีเหลือบมองทางชิงหลงพลางกล่าวว่า “พวกเขาทั้งสามต่างก็เอ่ยปากแล้ว ชิงหลงแล้วเจ้ามีแผนอย่างไรล่ะ?”
“หากเจ้าต้องการจะขยายหอหมอปีศาจไปทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวงก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ยาลูกกลอนของพวกเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขายให้กับราชวงศ์ตงหวง เมื่อไรที่พวกเรามีความต้องการ เจ้าก็จะต้องส่งมอบให้พวกเราในปริมาณที่เพียงพอ และไม่สามารถยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามพวกเราได้ นอกจากนี้…”
ชิงหลงกล่าวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งดูเหมือนว่าสิ่งใดที่ต้องป้องกันก็ควรต้องป้องกันไว้ก่อน
จูเชว่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ชิงหลง นี่เจ้ากำลังทำเหมือนกับว่าซีซีเป็นศัตรูอย่างนั้นหรือ อยากทำให้ข้าโกรธหรือ? ระวังเถอะ ข้าจะขุดเอาเรื่องที่น่าอับอายของเจ้าออกมาให้หมดเลย”
“ถึงพวกเจ้าจะเชื่อนาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องเชื่อ! ข้าเพียงแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น” ชิงหลงกล่าวอย่างเรียบเฉย
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “หากข้ายอมรับคำขอทั้งหมดเหล่านี้ของเจ้า แล้วเจ้าจะให้อะไรข้าได้บ้าง? ”
“ข้าคือผู้พิทักษ์ของดินแดนทางทิศตะวันออก ส่วนในพื้นที่อื่น ข้าสามารถแนะนำใครสักคนให้เจ้าได้ สำหรับเรื่องเหล่านี้ เขามีความเชี่ยวชาญมากกว่า”
จูเชว่ ไป๋เจ๋อและยังมีฉงหมิงมองไปทางชิงหลงอย่างประหลาดใจ “เจ้าทำไม่ได้นะ!”
ชิงหลงเป็นคนรักษาวินัยตนเองอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด กฏนั้นเป็นกฏแห่งความตาย ซึ่งเขาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเสมอมา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะทำลายกฏนั้นเสียแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย “คนผู้นั้น คือใครล่ะ?”
“ว่านซือเยี่ยน เขาคือนายน้อยเจ้าตระกูลของสมาคมการค้าเฉินซี หากเจ้าโน้มน้าวให้ร่วมมือกับหอหมอปีศาจได้ หอหมอปีศาจของเจ้าจะต้องขยายกิจการไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน แม้ว่าจะมีอุปสรรคจากกองกำลังหลักต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งจากราชวงศ์ตงหวงก็ตาม”
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็นึกขึ้นได้ว่า หลังจากที่นางเข้ามายังแดนซวนเทียนนางเคยได้ยินเรื่องของสมาคมการค้าเฉินซีมาก่อนแล้ว
สมาคมการค้าเฉินซีเป็นกองกำลังที่ร่ำรวยมากที่สุดในแดนซวนเทียน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในกองกำลังขนาดใหญ่ที่เป็นรองเพียงราชวงศ์ตงหวงอีกด้วย
หากมีการช่วยเหลือของเขา แน่นอนว่ามันจะง่ายขึ้นมาเลยทีเดียว
ชิงหลงกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่แนะนำเจ้าให้เขารู้จักเท่านั้น ส่วนที่ว่าจะสามารถทำให้เขาร่วมมือได้หรือไม่ นั่นก็คือความสามารถของเจ้าแล้ว เรื่องนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน”
จูเชว่กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ซีซี ข้าจะเผยความลับเล็ก ๆน้อย ๆ ให้เจ้า สิ่งสำคัญของพ่อค้าก็คือกำไร เจ้าหมอนั่นเป็นปีศาจยักษ์ในหมู่พ่อค้าหน้าเลือด! หากต้องการให้เขาช่วยเหลือ ขอเพียงแค่ให้ผลประโยชน์เขาอย่างเพียงพอก็เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้…”
ชิงหลงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “จูเชว่ เจ้าอยากตายอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าก็แค่ซุบซิบนินทาเท่านั้น มีปัญหาหรืออย่างไร?”
“มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด ทางที่ดีเจ้าควรหุบปากไปซะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวกับชิงหลงว่า “ตกลง! เช่นนั้นเจ้ารับผิดชอบในการเป็นคนกลาง ส่วนเรื่องอื่นก็คอยดูความสามารถของข้าก็แล้วกัน! ถือว่าคราวนี้เจ้าช่วยข้าได้มากเลยทีเดียว”
“ในเมื่อเจ้าช่วยทำลายสำนักหลินเยว่ ข้าก็ไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่นเช่นกัน” ชิงหลงกล่าวอย่างเฉยชา
มู่เฟิงหลิงจ้องมองไปทางพวกเขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนูทั้งสี่คนดูแล้วค่อนข้างมีความสามารถมากเลยทีเดียว ข้ารู้สึกคันไม้คันมือเล็กน้อย พวกเจ้าอยากจะลองมาประลองกับข้าสักหน่อยหรือไม่”
ฉงหมิงกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เยี่ยมเลย! ได้ยินมาว่าท่านเก่งกาจมาก แม้แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณต่างก็ทำอะไรท่านไม่ได้ ข้าอยากจะขอคำแนะนำจากท่านอยู่พอดี”
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าคงต้องขอคำชี้แนะจากท่านมู่แล้ว”
“ข้าอยากแสดงความสามารถให้อารองมู่ได้ดูอยู่พอดี” จูเชว่กล่าวอย่างอยากรู้อย่างลอง
ชิงหลงกล่าว “ตกลง!”
ภายในหอหมอปีสาจ แน่นอนว่าจะต้องมีสถานที่ที่เอาไว้ประลองแน่นอนอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะเป็นผู้ตัดสินให้เอง”
จูเชว่กล่าวถามว่า “ซีซี หากข้าได้รับบาดเจ็บ เจ้าจะรักษาการบาดเจ็บของข้าเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่?”
“เจ้าฝันไปเถอะ!” ดูเหมือนว่าคนที่ขวางหูขวางตาที่สุดภายในนี้จะเป็นเจ้าหนูชุดแดงคนนี้ หลังจากนั้นก็คงจะเป็นเจ้าชิงหลงนั่น
“เริ่มการประลองได้!” เมื่อเห็นว่าอารองทนที่จะลงมือไม่ไหวแล้ว มู่เฉียนซีก็รีบกล่าวขึ้นมาทันที
ทันทีที่การประลองเริ่มต้นขึ้น อารองมู่ก็ระเบิดพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา นั่นก็คือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุด ซึ่งไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ชิงหลงในฐานะนักฆ่าคนหนึ่ง ก็ได้เริ่มซ่อนตัวอยู่ในความมืดแล้ว
ฉงหมิงหยิบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมา และจูเชว่ก็เอาดาบปีศาจของเขาออกมาเช่นกัน
จูเชว่กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าเริ่มก่อนแล้วกัน!”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ฉงหมิงและไป๋เจ๋อรีบตามไปติด ๆ
ตูมมม!
ทันทีที่ปะทะฝีมือ พวกเขาก็ถูกพลังของมู่เฟิงหลิงซัดจนลอยกระเด็นออกไปทันที ความแข็งแกร่งแตกต่างกันเกินไปแล้ว
แขนที่ถือมีดของจูเชว่ชาเล็กน้อย จากนั้นก็บ่นพึมพำอย่างขมขื่นออกมาว่า “อารองมู่ลงมืออย่างไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อยจริง ๆ!”
“ไม่ออมมือให้ แล้วยังอยู่ข้างหลังอีก!”
หลังจากนั้น มู่เฟิงหลิงก็เข้าไปใกล้จูเชว่ในพริบตาเดียว
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากที่ปะทะฝีมือกันรอบหนึ่ง พวกเขาก็น่าเวทนากันเสียแล้ว
ในเวลานี้ ร่างสีเขียวก็ปรากฏตัวออกมา ลำแสงของดาบรวดเร็วปานสายฟ้า และชิงหลงก็เริ่มลงมือแล้ว
ปัง!
มู่เฟิงหลิงสกัดกั้นการโจมตีของชองหลงได้อย่างง่ายดาย “คิดจะลอบโจมตีข้าอย่างนั้นหรือ มันยังไม่พอหรอก!”
ร่างของชิงหลงลอยกระเด็นออกไป และชิงหลงก็หาโอกาสในการจู่โจมอีกครั้ง
มู่เฟิงหลิงรับมือกับเคล็ดลับแปลกประหลาดต่าง ๆ นานาของชิงหลงอย่างใจเย็น จากนั้นก็มองไปทางชิงหลงอย่างประหลาดใจเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ทักษะการลอบสังหารของเจ้า มีเงาของคนตระกูลเฟิงอยู่จริง ๆ ด้วย”
.