ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1773 ราคาเริ่มต้น
เรือล่องเข้ามาใกล้เกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืนมากขึ้นทุกทีแล้ว เกาะแห่งนี้ไม่ใช่เกาะเล็ก ๆ เลย ท่านลุงจ้าวกล่าวว่า “ใต้มหาสมุทรแห่งนี้สัตว์วิญญาณมากมายนับไม่ถ้วน ฉะนั้นเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืนที่มียอดฝีมือคอยเฝ้าอยู่จึงค่อนข้างปลอดภัย คนนอกที่เพิ่งจะขึ้นเกาะจะต้องได้รับป้ายคำสั่งระบุตัวตนของตนเองก่อน แต่หากต้องการป้ายคำสั่งจะต้องจ่ายด้วยหยกซวนจำนวนไม่น้อย แต่หากมียาลูกกลอนด้วย พวกเขาก็จะยิ่งพอใจมากขึ้น”
“เกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืนมีผู้นำก็คือท่านหัวหน้าเกาะ ผู้อาวุโสนับร้อยทั่วทั้งเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืนนี้ล้วนแต่ฟังคำสั่งเขาเท่านั้น ผู้อาวุโสแบ่งออกเป็นสามระดับ ผู้ที่ดูแลเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้ก็คือผู้อาวุโสระดับสาม ผู้อาวุโสระดับสองมีพลังความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา ส่วนผู้อาวุโสระดับหนึ่งก็คือผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดรองมาจากท่านหัวหน้าเกาะ อยู่บนเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืนนี้ อย่าได้เผลอไปล่วงเกินผู้อาวุโสเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสท่านใดก็ตาม” ท่านลุงจ้าวได้อธิบายกฎต่าง ๆ ให้พวกนางฟัง
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม! ข้าเข้าใจแล้ว”
ท่านลุงจ้าวไปส่งพวกเขาที่ประตูทางเข้า จากนั้นก็จูงมือบุตรสาวเตรียมกลับไปหาภรรยา
แต่ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่จุดลงทะเบียนนั้น ก่อนจะเดินไปเขากล่าวออกมาว่า “หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่าได้วู่วามเป็นอันขาด อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่อาจเทียบกับข้างนอกได้ เฮ้อ!”
หลังจากที่พวกเขาไป บุตรสาวของท่านลุงจ้าวผู้นั้นก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านผู้อาวุโสหวังฝ่ายดูแลท่านนั้นเป็นคนเจ้าชู้ประตูดินยิ่งนัก ไม่สนว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากเขาเห็นความงามของพี่สาวมู่เข้าแล้วละก็ พี่สาวมู่ต้องซวยเป็นแน่”
“ก็หวังว่าวันนี้ท่านผู้อาวุโสหวังจะไม่อยู่ก็แล้วกัน! พวกเราเป็นแค่คนธรรมดา จะไปช่วยอันใดได้ แม่นางผู้นั้นสามารถทำพันธสัญญากับสัตว์ท่องนภาระดับนั้นได้ พลังของนางก็คงจะไม่ธรรมดา ก็หวังว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นกับพวกเขาก็แล้วกัน” ท่านลุงจ้าวกล่าวด้วยความทอดถอนใจ
มู่เฉียนซีกับจูเชว่เดินไปหาคนมอบป้ายคำสั่งแสดงตัวตนผู้นั้น ชายหนุ่มผู้หนึ่งเงยหน้ามองพวกเขาก่อนจะกล่าวว่า “เพิ่งมาวันนี้เหรอ นานแล้วที่ไม่มีคนใหม่ ๆ เข้ามาบนเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืน ไม่มีป้ายคำสั่งแสดงตัวตน พวกเจ้าจะอยู่บนเกาะแห่งนี้ยากนะ ตรวจสอบพลังความแข็งแกร่งก่อน ส่วนป้ายคำสั่งแสดงตัวตนจะถูกกำหนดด้วยพลังความแข็งแกร่ง”
“ตกลง!”
พลังความแข็งแกร่งของจูเชว่คือขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้า พลังความแข็งแกร่งของเขาทำให้คนผู้นั้นประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ส่วนพลังของมู่เฉียนซีคือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก เขามองหน้ามู่เฉียนซี พลังเช่นนี้ต่างหากล่ะที่นับว่าปกติ
“ปราชญ์แห่งภูตระดับเก้า หยกซวนหนึ่งแสนชิ้น”
“มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก หยกซวนหนึ่งล้านชิ้น”
แค่ป้ายคำสั่งแสดงตัวตนเพียงชิ้นเดียว แต่กลับมีราคาค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วเช่นนี้
ยิ่งพลังความแข็งแกร่งต่ำมากเพียงใด ราคาที่ต้องจ่ายก็สูงมากขึ้นเท่านั้น คงเห็นว่าคนที่พลังความแข็งแกร่งน้อยจะรังแกได้ง่าย ๆ ละสิ
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าได้ยินมาว่า หากมียาลูกกลอน ราคาก็จะต่ำลงมาหน่อยใช่หรือไม่?”
“ปราชญ์แห่งภูตระดับเก้า ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเจ็ดหนึ่งเม็ด”
“มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าหนึ่งเม็ด”
“ดี เช่นนั้นข้าจ่ายด้วยยาลูกกลอน!” แม้ว่านางจะมีหยกซวนอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าหากจ่ายด้วยยาลูกกลอนมันคุ้มค่ามากกว่า
มู่เฉียนซีเอายาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าออกมาเม็ดหนึ่ง เมื่อคนตรงหน้าเห็นยาลูกกลอนเม็ดนี้เข้า ก็ตกตะลงพรึงเพริดดวงตาเปล่งประกายขึ้นทันที
คนส่วนใหญ่ที่อยู่บนเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืนแห่งนี้ส่วนมากแล้วจะเป็นคนที่เข้ามาแล้วออกไปไม่ได้ หลังจากที่มีการสืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น และมีคนใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ จึงได้ตั้งกฎเกณฑ์เช่นนี้ขึ้นมา
อันที่จริงยอดฝีมือก็มีไม่น้อย แต่ที่มีน้อยนักนั่นก็คือนักปรุงยานั่นเอง
ณ ตอนนี้ บนเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืน นอกจากมีท่านหัวหน้าเกาะและศิษย์ของเขาไม่กี่คนที่เป็นนักปรุงยาแล้ว ก็ไม่มีนักปรุงยาอื่นอีกเลย ทำให้ที่แห่งนี้กว่าจะได้ยาลูกกลอนมาสักเม็ดนั้น ช่างเป็นสิ่งที่ยากเย็นยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดเสียอีก
การที่มู่เฉียนซีเอายาลูกกลอนออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ เช่นนี้ ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกมีจิตใจละโมบโลภมากขึ้น
“เอ๊ะ! เมื่อครู่ข้าพูดผิดไปแล้ว มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก ยังไม่นับว่าเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงเลย ฉะนั้นต้องแลกด้วยยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าจำนวนสิบเม็ด” คนผู้นั้นกล่าว
ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้านี้ ไม่ว่าจะเป็นเกาะที่ถูกกักขังอย่างเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืนหรือจะเป็นสถานที่ภายนอก การที่จู่ ๆ เขาเอ่ยปากขอยาลูกกลอนสิบเม็ดเช่นนี้นั้น นับว่าเป็นการปล้นโดยสิ้นเชิง
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่เป็นราคาเริ่มต้นที่เจ้าตั้งขึ้นมาเองอย่างนั้นเหรอ?”
“ข้าทำตามตามกฎทุกอย่าง แม่นางมีพลังเพียงแค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต จ่ายมาเป็นการรับประกันความปลอดภัยจะดีกว่า ยาลูกกลอนระดับเก้านี้ เจ้ามีเม็ดที่หนึ่งได้ เช่นนั้นสิบเม็ดเจ้าก็ต้องมีแน่นอน ใช่หรือไม่?” เขายิ้มพลางกล่าว
หากนางเอาออกมาสิบเม็ดได้ คาดว่านางจะต้องมีอีกมากแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น…
โอกาสดีเช่นนี้ เขาต้องปล้นยาลูกกลอนของแม่นางน้อยผู้นี้ให้นางหมดตัวให้ได้
มู่เฉียนซีเองก็รับรู้ได้ถึงความคิดของเขาแล้ว นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้ามีเพียงแค่เม็ดเดียว เจ้าจะทำหรือไม่?”
“เป็นไปไม่ได้ แม่นางน้อย ที่นี่คือเกาะหมอกวิญญาณไม่หวนคืน ไม่ใช่สถานที่ภายนอก อยู่ข้างนอกไม่ว่าเจ้าจะมีสถานะเป็นใคร แต่ตอนนี้เจ้าต้องฟังคำสั่งข้า! ทางที่ดีเจ้าควรจะทำตามที่ข้าบอกจะดีกว่านะ”
จูเชว่กล่าว “นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว ซีซี อย่ามัวเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับเขาเลย”
ดาบปีศาจของจูเชว่ตอนนี้ได้วางทาบลงบนคอของชายตรงหน้าแล้ว จากนั้นก็โยนหยกซวนจำนวนมากจนนับไม่ถ้วนออกมา
ตุบ ตุบ ตุบ!
เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้ดูแลก็ตกใจจนแทบจะเป็นลมหมดสติไป
“ทั้งหมดนี้หนึ่งล้านหนึ่งแสนหยกซวน เอาไป แล้วเอาป้ายคำสั่งแสดงตัวตนออกมา! ส่วนยาลูกกลอนที่เจ้าอยากได้นะเหรอ หึ ไม่มีทาง!”
เมื่อก่อนเขาไม่ได้สนใจยาลูกกลอนขั้นสวรรค์มากนัก ทว่า ยาลูกกลอนที่ซีซีหลอมออกมานั้นเป็นยาชั้นเลิศ เขาจะยอมให้คนเช่นนี้เอาไปง่าย ๆ ได้อย่างไรกันเล่า
ผู้ดูแลผู้นั้นตะโกนขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “พวกเจ้ามันดื้อรั้นจริง ๆ รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด! ที่นี่อยู่ในความดูแลของผู้อาวุโสหวัง นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าพวกเจ้าจะกล้าก่อเรื่อง เด็ก ๆ มานี่หน่อยสิ!”
การจ่ายเพื่อแลกมาซึ่งป้ายคำสั่งแสดงตัวตนนั้นเป็นไปอย่างไม่ยุติธรรม แน่นอนว่าต้องมีคนก่อเรื่องขึ้น ทว่า ทุกอย่างก็ถูกยับยั้งเอาไว้ได้
เขาแอบสะใจอยู่ในใจ เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตขั้นมหาจักรพรรดิระดับหก กับปราชญ์แห่งภูตระดับเก้า คิดว่าตัวเองเก่งกาจมากนักอย่างนั้นเหรอ ต่อให้เป็นภูตศักดิ์สิทธิ์ แต่หากกล้ามาก่อเรื่องวุ่นวายก็ต้องมีจุดจบอย่างน่าสังเวชอยู่ดี
และแล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ยอดฝีมือที่อยู่ในหอต่างวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
จูเชว่กล่าว “ซีซี! ลุยเลย! จะไปกลัวพวกมันทำไม”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ข้าก็คิดเช่นเดียวกันกับเจ้า”
ดูจากการเรียกเก็บหยกซวนก็รู้แล้วว่าคนเหล่านี้เป็นพวกที่ชอบไม้อ่อน ไม่ชอบไม้แข็ง ต่อให้ยอมอีกครั้ง คาดว่าก็คงจะเรียกเก็บจนหมดตัวเป็นแน่
จัดการอย่างเงียบ ๆ ก่อนแล้วค่อยคิดหาทางออกทีหลัง แต่ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องอดทนแล้ว!
พัดวิหคเฟิงหลิงถูกมู่เฉียนซีเอาออกมา ทันใดนั้นพลังธาตุวายุก็พัดกระโชกเข้ามา มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พลังวายุทำลาย!”
ดาบปีศาจของจูเชว่กวัดแกว่งตัดผ่านอากาศเป็นเส้นโค้ง และเปลวไฟก็ประทุออกมา
“ไอ้พวกเดนมนุษย์ ซีซีอารมณ์ยังดีอยู่ แต่ข้าอารมณ์ไม่ดีแล้วโว้ย ข้าให้เกียรติไว้หน้าพวกเจ้าแต่พวกเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
ตูม!
ครั้นแล้ว มู่เฉียนซีและจูเชว่ก็เริ่มต่อสู้กับกลุ่มกองกำลังผู้ดูแลกลุ่มนี้ เปลวไฟระเบิดทั่วไปทั้งหอ
ท่านลุงจ้าวที่อยู่ในเขตอันเงียบสงบในตอนนี้ เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเข้าก็ตกตะลึงพรึงเพริดเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วกระมัง!”
เขารีบวิ่งออกไปดู เขาได้เตือนสาวน้อยผู้นั้นเอาไว้แล้วว่าให้อดทน ทว่า นิสัยใจคอของคนเหล่านั้นเป็นเช่นไรเขาย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ คนวัยหนุ่มสาวส่วนมากจะเป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่มีทางอดทนได้แน่นอน
เหล่าผู้ดูแลเหล่านี้ล้วนแต่มีพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงกันทั้งสิ้น อย่าว่าแต่ทำอะไรจูเชว่ผู้ที่มีพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเก้าไม่ได้เลย แม้แต่มู่เฉียนซีพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้
ผู้ดูแลเหล่านี้เห็นเช่นนี้เข้าถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “ก็พอจะมีความสามารถนิด ๆ หน่อย ๆ มิน่าล่ะว่าเหตุใดถึงได้กล้าบังอาจถึงเพียงนี้ พวกสวะไร้ประโยชน์อย่างเจ้ายังไม่รีบจัดการพวกมันอีก!”
ปัง ปัง ปัง! ทว่าคนที่ถูกจัดการนั้นกลับเป็นพวกผู้ดูแลต่างหาก
พัดวิหคเฟิงหลิงได้พลันเปลี่ยนเป็นกระบี่หยกเล่มบางเล่มหนึ่ง ร่างในชุดม่วงปรากฏขึ้นด้านหลังผู้ดูแลอย่างรวดเร็วดุจดั่งปีศาจ คมกระบี่อันเย็นยะเยือกวางบนลงบนคอของเขาอย่างสงบ “พวกข้าเพิ่งมา ไม่อยากจะคร่าชีวิตใคร รีบเอาป้ายคำสั่งแสดงตัวตนออกมาให้พวกข้าเถอะ ทุกอย่างมันตกลงกันได้”