ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 36 เถ้าคืนสู่เถ้า ดินคืนสู่ดิน
“ปลูกโอสถวิเศษมันยากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” หลี่เนี่ยนฝานรู้สึกประหลาดใจ “ข้าว่าพอได้อยู่กระมัง ลองดูก็แล้วกัน”
โอสถวิเศษดีขนาดนี้ ใช้หมดแล้วทำให้รู้สึกปวดใจเสียจริง สามารถพัฒนาต่อยอดไปได้นี่สิถึงจะเรียกว่าวิถีคนจริง
ต๋าจี่อ้าปากพะงาบ อดกลั้นไม่พูดออกไป
ท่านไม่เคยปลูกมาก่อน ครั้งนี้จะลองปลูกหรือ?
โลกนี้มันวิปริตเกินไปแล้ว
แต่ทว่า ในเมื่อหลี่เนี่ยนฝานอยากปลูก เช่นนั้นก็ปลูกเถิด ตราบใดที่มีความสุขก็ทำไป
ต๋าจี่เริ่มลงมือเป็นผู้ช่วยอยู่ด้านข้าง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลี่เนี่ยนฝานก็ยิ้มบาง “ได้แล้วละ ข้าจะนำโอสถวิเศษเหล่านี้ไปหลังเรือน จะได้ไปเตรียมดินปลูกไม้ประดับด้วย”
ต๋าจี่ปัดปอยผมดำขลับตรงหน้า พูดอย่างคาดหวัง “ข้าไปกับท่านด้วยได้ไหม”
อันที่จริงนางก็อยากเห็นหลังเรือนของหลี่เนี่ยนฝานใจจะขาดแล้ว
หลังเรือนที่ปลูกแตงโมมหัศจรรย์ได้นั้นจะเป็นแบบไหนกัน
“ได้อยู่แล้ว” หลี่เนี่ยนฝานผงกศีรษะ
ความปลื้มปีติพลันประทับบนใบหน้าของต๋าจี่ นางรีบตามหลี่เนี่ยนฝานไป ทั้งตกประหม่าทั้งตั้งหน้าตั้งตารอ
เดินตามทางเดินปูด้วยหินกรวดไป เบื้องหน้าก็ปรากฏประตูโค้งวงพระจันทร์ ด้านหลังประตูเป็นประตูไม้สีแดงชาดบานหนึ่ง
ประตูไม้นั้นเก่าคร่ำคร่า ทิ้งร่องรอยแห่งกาลเวลาไว้อย่างเด่นชัด
ยิ่งเข้าไปใกล้ประตูไม้มากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของต๋าจี่ก็ยิ่งบีบคั้นรุนแรง ถึงขนาดว่านางนึกอยากหันหน้าแล้ววิ่งหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง สัญชาตญาณเป็นเลิศ ประสาทสัมผัสว่องไวโดยธรรมชาติเหนือกว่าผู้ใด
นางสัมผัสได้ว่ามีความน่าสะพรึงกลัวอยู่หลังประตูบานนี้ ขณะเดียวกันก็มีโชคชะตาครั้งสำคัญ
จากนั้น ตนก็อาจต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่คาดฝันครั้งใหญ่ที่สุด!
‘ถ้าหากเกิดอันตราย คุณชายหลี่ต้องปกป้องข้าได้แน่’ ต๋าจี่เหลือบมองแผ่นหลังของหลี่เนี่ยนฝาน ในใจกลับประหวั่นพรั่นพรึง
“แกร็ก”
ประตูเปิดแล้ว
ตู้ม!
คลื่นทำนองมรรคาขนาดยักษ์ถั่งโถมเข้าใส่ต๋าจี่จากด้านหลังประตู ในชั่วพริบตา นางก็ถูกทำนองมรรคาเหล่านี้กลืนกิน
นางบำเพ็ญตบะมานับพันปี การตื่นรู้ทั้งปวงล้วนกลายเป็นเพียงเรื่องชวนหัวเมื่อเผชิญกับทำนองมรรคา ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง
ในตอนนั้น นางสัมผัสได้ว่าตนเองเปรียบดั่งหยดน้ำในมหาสมุทร กลืนหายรวมกัน สูญเสียตัวตนไปสิ้น
“มีอะไรหรือ” เสียงของหลี่เนี่ยนฝานพานางกลับมา
ต๋าจี่ใบหน้าขาวซีด เหลือบมองประตูซึ่งเปิดอยู่ด้วยความหวั่นวิตก เหงื่อกาฬอาบทั่วทั้งสรรพางค์กาย
น่ากลัวเหลือเกิน เมื่อครู่คงเป็นเพียงเศษซากของทำนองมรรคา
เล่ากันว่าเมื่อความตื่นรู้ในมรรคาของคนเราก้าวข้ามขอบเขตแห่งโลกีย์ ทำนองมรรคาของคนผู้นั้นก็จะหลงเหลือร่องรอยไว้บนโลก เรียกว่าเศษซากของทำนองมรรคา
ต่อให้เขาจากที่แห่งนั้นมาแล้ว เศษซากทำนองมรรคาก็จะยังคงอยู่
สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นในหลังเรือนแห่งนี้ ถึงได้มีเศษซากทำนองมรรคาเข้มข้นเพียงนี้ เช่นนั้นผู้ที่ทิ้งเศษซากทำนองมรรคาไว้จะต้องมีพลังระดับใดกัน
เซียน? ไม่ใช่แน่ๆ!
เหนือกว่าเซียนมาก!
ดวงตาของต๋าจี่จ้องมองหลี่เนี่ยนฝาน ผ่านไปเนิ่นนาน ในใจก็ยังระส่ำไม่อาจสงบลงได้
คุณชายหลี่บำเพ็ญอะไรอยู่กันแน่
หลี่เนี่ยนฝานเอ่ยอย่างเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บกำเริบหรือ”
ต๋าจี่สูดหายใจเข้าลึก ส่ายหน้า “คุณชายหลี่ ข้าไม่เป็นไร ไปต่อเถิด”
หลี่เนี่ยนฝานพนักหน้า พาต๋าจี่เข้าไปในหลังเรือน
ทันทีที่เข้าไปยังหลังเรือน ต๋าจี่ก็ยิ่งสัมผัสได้ว่าทำนองมรรคาระลอกนั้นแข็งแกร่งขึ้น
ในหลังเรือนนี้ ทุกซอกทุกมุมล้วนมีทำนองมรรคาโคจรอยู่
ทำนองมรรคาเหล่านี้ ต่อให้เล็ดลอดออกไปแม้เพียงเสี้ยวเดียว ก็เพียงพอให้ผู้บำเพ็ญเซียนนับไม่ถ้วนเปิดฉาก
แย่งชิงกันแล้ว!
เมื่อมามองสิ่งที่ปลูกที่หลังเรือน
เป็นเพียงผลไม้และผลิตผลการเกษตรแสนธรรมดา ทว่าลำพังการมองจากภายนอกก็มองออกแล้วว่าผลไม้และ
ผลผลิตการเกษตรนั้นไม่ธรรมดา!
‘มิน่าเล่า เติบโตในสภาพแวดล้อมซึ่งเปี่ยมไปด้วยทำนองมรรคา ต่อให้เป็นของสุดแสนจะธรรมดา ก็ยังกลายเป็นของวิเศษได้!’ ต๋าจี่แอบคิดในใจ
หลังเรือนนั้นกว้างขวาง ภูเขาหินโดยรอบวางตัวเป็นปราการธรรมชาติ ทำให้ยามเห็นครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความโล่งโปร่งสบาย
นอกจากเพาะปลูกผลไม้และพืชผักหลากหลายชนิดแล้ว ยังมีพืชพรรณซึ่งเติบโตในโลกภายนอกอีกด้วย
ตรงกลางของด้านหลังเรือนยังมีสระน้ำสระหนึ่ง ผิวน้ำเรียบดุจกระจกสะท้อนแสงจากฟ้า กลายเป็นสีครามสดใส
เป็นโลกที่น่าพิศวงเหลือเกิน
ต๋าจี่รู้สึกประหนึ่งตนหลุดจากโลกที่เคยอยู่ มาอยู่บนแดนสวรรค์
ยิ่งไปกว่านั้น นางมองไปรอบด้าน ก็สัมผัสได้ว่าตนเองมองข้ามบางอย่างไป หลังเรือนนี้ย่อมไม่มีทางธรรมดา
สามัญ เพียงแต่สิ่งที่ตนพบเห็นนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งก็เท่านั้น
“ทิวทัศน์หลังเรือนข้าไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ” หลี่เนี่ยนฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ในใจของเขาออกจะหดหู่อยู่สักหน่อย ทุกครั้งที่มายังหลังเรือน ก็จะอดนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ตนถูกระบบบีบคั้นไม่ได้
ห้าปี ห้าปีเต็มๆ ตนไม่เพียงร่ำเรียนจนสำเร็จสรรพวิชาอยู่ที่นี่ แต่ยังเปลี่ยนจากเด็กหนุ่มธรรมดาๆ เป็นชายหนุ่มธรรมดาซึ่งเชี่ยวชาญศิลปะทุกแขนงไปจนถึงการกสิกรรม
แต่ถึงอย่างนั้น อุตส่าห์ทุ่มเทไปขนาดนี้ สุดท้ายระบบก็หนีไปหน้าตาเฉย!
พวกคุณรู้ไหมว่าห้าปีนี้ผมใช้ชีวิตยังไง
พูดไปก็น้ำตาจะไหล
ห้ามคิด หลี่เนี่ยนฝากกลัวว่าตนเองจะร้องไห้ออกมา
“เอาละ โอสถวิเศษเหล่านี้ก็ปลูกไว้ที่นี่เถิด” หลี่เนี่ยนฝานหาพื้นที่โล่งทำเลดีแห่งหนึ่ง
หลังเรือนมีอุปกรณ์การเกษตรครบครัน หลี่เนี่ยนฝานหยิบเครื่องมือ ลงมือขุดดินอย่างคล่องแคล่ว
“หืม? ดินนี้…”
ต๋าจี่เห็นดินที่หลี่เนี่ยนฝานขุดขึ้นมา สายตาก็จับจ้องทันใด
เนื้อดินเป็นสีแดงคล้ำ แลดูธรรมดาเป็นที่สุด แต่ต๋าจี่กลับสังเกตเห็นว่าดินที่หลี่เนี่ยนฝานพลิกขึ้นมาเหล่านี้เป็นระเบียบเรียบร้อยเหลือเกิน!
ไม่ผิดหรอก เป็นระเบียบเรียบร้อยนั่นละ
โดยทั่วไปในดินจะมีเศษหินแหลกชิ้นเล็กชิ้นน้อยเจือปน ลักษณะเนื้อดินและสีก็อาจต่างกัน ขนาดของเม็ดดินก็อาจต่างกันด้วย
แต่ว่า ดินที่นี่เป็นเนื้อดินบริสุทธิ์ อีกทั้งเม็ดดินทุกเม็ดเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เท่ากันไม่มีแปลกแยก!
ผืนดินแผ่นนี้ใต้เท้าของนาง คล้ายกับว่าจะเกิดจากเม็ดดินที่เหมือนกันนับไม่ถ้วนมารวมกัน!
นางก้มลงอย่างอดไม่ได้ กอบดินขึ้นมาด้วยความสงสัยใคร่รู้
ดินเพียงกอบเล็กๆ แต่กลับรู้สึกประหนึ่งหนักสักพันจิน จนนางแทบยกขึ้นมาไม่ไหว!
นี่มันดินอะไรกัน ถึงหนักได้เพียงนี้!
หรือว่าจะเป็นดินที่นำมาจากดินแดนเซียน
น่ากลัวเกินไปแล้ว เหลือเชื่อจริงๆ!
คลื่นยักษ์โหมกระหน่ำในใจต๋าจี่ ความตกใจในหนึ่งวันนี้มากกว่าหนึ่งพันปีที่นางบำเพ็ญเพียรมาเสียอีก
คล้ายกับว่าโลกทัศน์ของนางได้กลับตาลปัตรไปแล้ว
ลึกๆ ในใจอดยิ้มขมขื่นไม่ได้ พลางคิดอย่างหวั่นวิตก ‘ก่อนหน้านี้ข้าคิดมากไปจริงๆ ถึงกับกังวลว่าคุณชายหลี่
จะปลูกโอสถวิเศษไม่ขึ้น ลำพังดินนี้ก็เพียงพอที่จะปลูกโอสถวิเศษได้แล้ว ข้าความรู้ต่ำต้อย ไหนเลยจะมีสิทธิ์คลางแคลงคุณชายหลี่ หวังว่าคุณชายหลี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง’
“ตู้ม”
ผิวน้ำในสระซึ่งราบเรียบ อยู่ๆ ก็มีคลื่นน้ำพุ่งขึ้นราวกับภูเขาขนาดย่อม
คลื่นน้ำพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็ค่อยๆ สลายไป เผยให้เห็นเต่าดาวซึ่งอยู่ข้างใน
เต่าดาวลอยอยู่บนผิวน้ำ ปรายตามองหลี่เนี่ยนฝานและต๋าจี่คราหนึ่งอย่างอืดอาด จากนั้นจึงเคลื่อนตัวขึ้นจากน้ำช้าๆ ปีนมายังริมฝั่ง หลับตาลงเพื่อพักงีบ
ต๋าจี่ตกใจจนสะดุ้งโหยง เอ่ยขึ้นทันควัน “นี่มัน…เต่าดาว?”
หลี่เนี่ยนฝานพยักหน้า “ลืมแนะนำไปเลย มันชื่อว่าเต่าเฒ่า ข้าจำได้ว่าตอนซื้อกลับมามันตัวใหญ่กว่ามือข้าแค่นิดเดียวเอง ไม่คิดว่าเดือนกว่าๆ มันก็ตัวใหญ่เท่าครึ่งตัวข้าแล้ว เต่าดาวโตเร็วดีแท้”
จำได้ว่าตอนนั้นที่ซื้อเต่าดาวกลับมาก็เพราะกังวลว่าในบ่อน้ำจะมีปีศาจ หลักฐานเป็นประจักษ์ บ้านข้าจะไปมีปีศาจได้อย่างไร
…………………………………………..