ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 14 ช่วยคนระหว่างทาง
หลายวันมานี้ไม่มีแขกมาเยือน ชีวิตของหลี่เนี่ยนฝานกลับมานิ่งสงบดุจสายน้ำ
ในวันนี้ เขากินอาหารมื้อใหญ่จนอิ่มหมีพีมัน แล้วจึงหยิบเบ็ดตกปลาไปยังหลังเรือน
เต่าดาวกำลังนอนอยู่บนหินก้อนยักษ์ใหญ่ริมสระน้ำ อาบแดดตาปรือ ท่าทางสำราญใจอย่างที่สุด
ดูจากท่าทางของเต่าดาวแล้ว เห็นได้ชัดว่าในสระน้ำไม่มีอสูรกายใดๆ แล้วปลาที่ฉันเลี้ยงไว้ล่ะ?
หลี่เนี่ยนฝานไม่เชื่อเรื่องภูติผีปีศาจ จึงเหวี่ยงเบ็ดอีกครั้ง นั่งลงตกปลาข้างเต่าดาวต่อไป
เต่าดาวตัวนี้ยังอยู่ในวัยเยาว์ อายุเพียงครึ่งเดียวของหลี่เนี่ยนฝาน มันเพียงทำตาปรือๆ ลืมขึ้นมามองเขาครั้งหนึ่ง แล้วจึงหลับตาลงอย่างเกียจคร้าน
หลี่เนี่ยนฝานยิ้มบาง สะบัดมือครั้งหนึ่ง
แผละ!
เบ็ดตกปลาทำองศากลางอากาศอย่างสมบูรณ์แบบ ร่วงลงในตำแหน่งใจกลางของสระน้ำอย่างแม่นยำ
ผิวน้ำกระเพื่อมระลอกหนึ่ง เบ็ดค่อยๆ จมลงไป
สระน้ำนี้ใสยิ่งกว่ากระไร ราวกับเป็นบานกระจก กระนั้นแล้วหากอยู่ในน้ำ ก็จะพบว่าทั้งสระน้ำไม่มีปลาแหวกว่ายอยู่เลยแม้แต่ตัวเดียว แม้แต่ลูกปลาที่เขาเพิ่งปล่อยลงไปเมื่อครู่ก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เงายักษ์ใหญ่ค่อยๆ ลืมตามองตะขอเบ็ดตกปลาเบื้องหน้า โบกสะบัดหางครั้งหนึ่งก็ว่ายเข้าไปยังส่วนลึกของน้ำ เหลือไว้เพียงรอยประทับสีทองสายหนึ่ง
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม
หลี่เนี่ยนฝานยกคันเบ็ดขึ้นมาน้อยๆ ตะขอเบ็ดก็ขึ้นมาจากน้ำ
เขามองไปยังเบ็ดอันว่างเปล่าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เห็นได้ชัดว่าทำใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะกลับบ้านมือเปล่า
“แปลกจัง แปลกมากๆ”
หลี่เนี่ยนฝานส่ายหน้า มองเต่าดาวพลางพึมพำกับตัวเอง “เจ้าเต่า ถ้าแกพูดได้ก็คงจะดี จะได้บอกฉันว่าสรุปแล้วในสระนี้มีอะไร”
เต่าดาวหลับไปแล้ว นอนนิ่งไม่ไหวติง
หลี่เนี่ยนฝานลุกขึ้นอย่างจนปัญญา ปัดฝุ่นที่ก้น แล้วเดินจากไป
ในใจของเขาคิดแล้วว่าต่อไปจะไม่เลี้ยงลูกปลาในสระนี้อีกแล้ว ถ้าอยากกินปลา ก็ไปซื้อปลาในเมืองลั่วเซียนเอาก็ได้
หลี่เนี่ยนฝานวางคันเบ็ดตกปลากลับที่เดิม ปิดประตู “ต้าเฮย ไปเถอะ ไปเมืองลั่วเซียนกัน”
เมืองลั่วเซียนยังคงรุ่งเรืองดังเคย
ป้าจางพานานนานมาเดินเล่นที่ประตูเมือง เมื่อเห็นหลี่เนี่ยนฝาน จึงรีบตะโกนลั่น “นานนาน คุณชายหลี่มาแล้ว รีบมาขอบคุณที่คุณชายหลี่ช่วยชีวิตเร็วเข้า”
เด็กหญิงตัวน้อยเกล้าผมเปียหันหน้ามาอย่างงุนงง มองหลี่เนี่ยนฝานด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่พูดไม่จา ประหนึ่งว่าไร้ซึ่งจิตวิญญาณ
หลี่เนี่ยนฝานชะงักไป “ป้าจาง นานนานเป็น…”
“เฮ้อ ครั้งก่อนนางถูกปีศาจจับไป ตื่นมาก็กลายเป็นแบบนี้ น่าจะเป็นเพราะกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ” ป้าจางขอบตาร้อนผ่าว พูดพลางทอดถอนใจ
หลี่เนี่ยนฝานขมวดคิ้วมุ่น เมื่อนึกถึงความร่าเริงของนานนานเมื่อก่อน ในใจก็พลันปวดร้าวขึ้นมา
“ป้าจาง มีวิธีรักษาหรือไม่” หลี่เนี่ยนฝานเอ่ยถาม
“ข้าได้ถามนักพรตพเนจรสองสามคน ล้วนบอกว่าให้คุยกับนานนานให้มาก ยังมีโอกาสเรียกวิญญาณกลับมา” ป้าจางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “คุณชายหลี่ เจ้าเป็นบัณฑิต พอจะหาเวลามาอยู่เป็นเพื่อนนานนานได้หรือไม่ ไม่แน่ว่าเจ้าคุยกับนางแล้วอาจได้ผล”
“ได้สิ” หลี่เนี่ยนฝานผงกศีรษะอย่างจริงจัง นำเรื่องนี้เก็บไปคิด
ในมือของป้าจางถือไข่ไก่ตะกร้าหนึ่ง “คุณชายหลี่ ครั้งก่อนข้ารีบร้อนนัก ยังไม่ทันได้ขอบคุณ เจ้ารับนี่ไว้เถอะ”
หลี่เนี่ยนฝานยิ้มขื่นส่ายหน้า “ป้าจาง ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก ครั้งก่อนข้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
“คุณชายหลี่ เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวไป แม้แต่ผู้ฝึกเซียนสามท่านนั้นยังชมเชยเจ้าเสียยกใหญ่ ข้าคิดดูแล้ว พวกเขาเป็นถึงเซียน ต้องไม่สนใจไข่ไก่ของข้าแน่ แต่เจ้าไม่รังเกียจหรอก” ป้าจางยัดไข่ไก่ใส่มือหลี่เนี่ยนฝาน
หลี่เนี่ยนฝานทำได้เพียงยิ้มแหยรับของไว้
หลังบอกลาป้าจางกับนานนาน หลี่เนี่ยนฝานก็ไปยังแผงเล็กซึ่งขายปลาอีกครั้ง
“เถ้าแก่ ขอปลาหลี่(ปลาคาร์ป)ตัวใหญ่ให้ข้าสองตัว”
“โอ้ว คุณชายหลี่มาแล้ว” เถ้าแก่พูดอย่างยิ้มแย้มกระตือรือร้น “ไม่ซื้อลูกปลาแล้วหรือ”
หลี่เนี่ยนฝานส่ายศีรษะ “สระน้ำข้าไม่รู้เป็นอะไร เพิ่งปล่อยลูกปลาลงไปก็หายไปแล้ว”
“เต่าดาวเล่าเป็นอย่างไร” เถ้าแก่ขมวดคิ้วถาม
หลี่เนี่ยนฝานตอบ “เต่าดาวไม่เป็นอะไร อาบแดดทุกวัน”
“ออกจะแปลกอยู่นะ” เถ้าแก่เองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน
เต่าดาวยังอยู่ ก็หมายความว่าไม่มีปีศาจ แต่ทำไมลูกปลาหายไปล่ะ
หลี่เนี่ยนฝานพูดอย่างปลงตก “ข้าก็เลยไม่เลี้ยงปลามันเสียเลย ต่อไปซื้อปลากินก็พอแล้ว”
“คุณชายหลี่ ท่านมาซื้อปลาน่ะถูกแล้ว ข้าออกไปจับปลาที่ทะเลสาบจิ้งเยวี่ยแต่เช้ามืดทุกวัน รับรองว่าปลาทุกตัวล้วนสดใหม่ อร่อยแน่นอน” เถ้าแก่ยิ้มร่า “แม้แต่คุณชายหวังซุนแห่งราชวงศ์เซียนยังมาซื้อ”
หลี่เนี่ยนฝานประหลาดใจ “จริงหรือ”
“ข้าจะไปหลอกท่านทำไม เมื่อวานนี้เอง องค์หญิงรองแห่งราชวงศ์เซียนออกมาเดินข้างนอก ตอนเดินผ่านร้านข้ายังบอกว่าชอบกินปลา บุตรชายของอัครมหาเสนาบดีกับบุตรชายของราชครูแทบตีกันกลางถนนเพื่อแย่งซื้อปลาร้านข้าให้องค์หญิงเชียวนะ!”
คนขายสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ “พวกเขาล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียน แต่ก็ยังชอบปลาของข้าไม่ใช่หรือ”
หลี่เนี่ยนฝานนิ่งงันไปเล็กน้อย เขารู้ว่าลั่วซืออวี่จงใจทำ มิน่าเล่าไม่ได้แวะมาสักพักแล้ว ที่แท้ก็ริเริ่มแผนการไปแล้ว
เพียงแต่ไม่คิดว่านางจะควบคุมสถานการณ์ได้รวดเร็วเช่นนี้ ลูกชายของราชครูกับลูกชายของอัครมหาเสนาบดีออกจะอ่อนหัดอยู่นะ
หลี่เนี่ยนฝานยิ้ม บอกลาคนขายแล้วเดินกลับออกไป
ระหว่างทาง เรือนซึ่งอยู่ข้างทางหลังหนึ่งซึ่งเดิมทีปิดประตูอยู่ ก็เปิดออกขึ้นมาทันใด สาวใช้กลุ่มหนึ่งกรูกันออกมาจากด้านใน
เสียงร้องไห้ระงมดังมา หลายคนตรงนั้นน้ำตาอาบสองข้างแก้ม
ไม่ทันไร เสียงปี่ก็ดังมาคราหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่งของถนน คนและม้าขบวนหนึ่งก็ขนโลงศพมาหยุดที่หน้าเรือนหลังนั้น
ทุกคนรีบร้อนนำสตรีคนหนึ่งออกมาจากในเรือน ตระเตรียมใส่ลงในโลงศพ
“ดูท่าแล้วภรรยาของเศรษฐีเฉินจะทนไม่ไหว”
“หนึ่งศพสองชีวิต น่าสงสารเหลือเกิน”
“เศรษฐีเฉินกับภรรยาเป็นคนดี น่าเสียดาย”
ผู้คนโดยรอบต่างส่ายหน้าทอดถอนใจ ทว่าไม่รู้สึกแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
วิทยาการทางการแพทย์ในโลกเซียนนั้นแตกต่างจากในโลกเดิมของหลี่เนี่ยนฝานหลายขุม โดยเฉพาะยามที่เด็กเกิด นอกเสียจากว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเซียน ไม่เช่นนั้นจะมีโอกาสเกิดเรื่องง่ายมาก
ใจของหลี่เนี่ยนฝานกระตุกวูบ สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่ร่างของสตรีคนนั้น พบว่าดวงตาของนางปิดสนิท คล้ายกับสิ้นลมไปแล้ว ทว่าบนหน้าผากยังคงมีเม็ดเหงื่อผุดออกมา
วินาทีนั้นเขาก็มองออกว่าสตรีผู้นี้ไม่ได้ล่วงลับ หากแต่หมดสติไปเพราะเสียเลือด
“ช้าก่อน! นางยังไม่ตาย!”
หลี่เนี่ยนฝานมองไปยังโลงศพซึ่งกำลังจะปิดฝา รุดรีบเข้าไปหยุดไว้
เสียงแหบพร่าของบุคคลวัยกลางคนดวงตาแดงก่ำก็ดังขึ้น “คุณชายหลี่ เจ้าทำอะไรน่ะ”
งานมงคลแปรเปลี่ยนเป็นงานศพ หากไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของหลี่เนี่ยนฝานในเมืองลั่วเซียนนั้นดีเยี่ยม เขาคงถูกตบหน้าหงายไปแล้ว
“ภรรยากับลูกของท่านยังไม่ตาย ข้าช่วยพวกเขาได้!” หลี่เนี่ยนฝานบอก
“คุณชายหลี่ เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม” บุรุษวัยกลางคนชะงักงัน
หมอตำแยซึ่งอยู่รอบๆ ต่างก็มองหลี่เนี่ยนฝานอย่างไม่อยากเชื่อ
“ข้ารับรองว่าช่วยได้!” หลี่เนี่ยนฝานพูดอย่างร้อนรน “ท่านรีบให้ผู้คนแยกย้ายกันไป แล้วให้คนเตรียมผ้าพันแผลและตะเกียงน้ำมัน ข้ามาช่วยคน! ไม่มีเวลาแล้ว!”
สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ข้าทำได้เพียงช่วยคนในโลงศพแล้วละ
…………………………………