ทาสรักทาสหัวใจ - ตอนที่ 8 ยอมรับซะตากรรม
ณ โรงพยาบาลเอกชนใจกลางเมืองมุกยืนมองน้องชายที่หลับใหลอยู่บนเตียงน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างพร้อมกับจัดแจงห่มผ้าให้ มือบางลูบศีรษะมิคไปมาเบาๆ ด้วยความสงสารจับใจ ถ้าแลกกันได้เธอขอรับความเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้แทน
"ทำไมคนที่ป่วยไม่เป็นพี่นะ พี่จะได้รับความเจ็บปวดของมิคเอาไว้แทน อดทนอยู่กับพี่ไปนานๆ นะ พี่ไม่อยากกินข้าวคนเดียว" มุกพยายามกลั้นเสียงสะอื้นปล่อยน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย
เธอกลัวมิคจะตื่นขึ้นมาเห็นจึงพาตนเองเข้าไปในห้องน้ำปิดประตูลงพร้อมกับทิ้งตัวลงกับพื้นห้องน้ำร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความเจ็บปวดเสียใจขาดแทบขาดใจ เธอพยายามบอกตัวเองให้เข็มแข็ง แต่ความอ่อนแอในตอนนี้มันมีมากกว่าเมื่อนึกถึงวันที่น้องชายจากไปทิ้งเธอไว้เพียงลำพังตัวคนเดียวไม่เหลือใคร ถึงเวลานั้นเธอจะอยู่ได้อย่างไร
พอมุกสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ต่อสายคุยกับปรางบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นและของานหญิงสาวรุ่นพี่ทำไปด้วย ซึ่งปรางก็รับเธอเข้าทำงานในผับด้วยความเต็มใจ เธอรู้ว่าตนเองจะต้องเหนื่อยขึ้นเป็นสองเท่าที่ต้องทำงานสองที่และมีเวลาพักผ่อนน้อยลง ในเมื่อเธอหนีซะตากรรมไม่ได้ก็จะก้มหน้ายอมรับมันไป
"มุก" ปรางผลักประตูเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับข้าวเยี่ยมพะรุงพะรัง
"พี่ปราง ทำไมมาเร็วจังคะ" มุกหันไปทางหญิงสาวรุ่นพี่
"มิคเป็นยังไงบ้าง" ปรางรีบเดินไปหยุดข้างเตียงมองมิคน้ำตาคลอเบ้า เธอไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ กับทั้งสองพี่น้องแบบนี้
"ผมสบายดีครับ มิคส่งยิ้มให้ปราง"
"ครับ พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวไว" ปรางยิ้มตอบมิค
"ครับ"
"มุกออกไปคุยข้างนอกกับพี่หน่อยสิ" ปรางเอ่ยขึ้น
"ค่ะ"
มุกเดินตามหลังปรางออกไปนอกห้องด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ปรางเห็นอย่างนั้นก็สวมกอดหญิงรุ่นน้องด้วยความสงสารเห็นใจ เธอรักมุกเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเธอหวังว่ามุกจะเข้มแข็งและก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้
"ขอบคุณนะคะ ที่มา" มุกเอ่ยเสียงสะอื้นสั่นเครือ
"มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ"
"ค่ะ หลังจากมิคอาการดีขึ้น มุกจะไปทำงานที่ผับนะคะ"
"จริงๆ ถ้ามีปัญหาเรื่องเงิน พี่จ่ายค่ารักษาให้ก่อนก็ได้"
"เงินเก็บมุกยังพอมีอยู่ค่ะ แต่ที่มุกอยากทำงานเสริมเพราะกลัวมันจะไม่พอใช้ค่ะ"
"จ้ะ จะไปทำวันไหนอย่าลืมโทรบอกพี่ล่ะ"
"ค่ะ"
"ไม่มีใครรู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มุกต้องเข้มแข็งนะรู้ไหม ถ้ามิคกำลังใจดีพี่เชื่อว่าเขาจะอยู่กับมุกอีกนาน"
"ค่ะ มุกจะทำทุกวันให้ดีที่สุดเพื่อเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ" พูดพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง
"พี่เป็นกำลังใจให้เสมอนะ" ปรางสวมกอดมุกแล้วเดินจากไป
สองวันต่อมา
หลังจากที่มิคทำคีโมเสร็จก็ถูกพาตัวเข้ามาพักในพักฟื้นต่อ โดยมีหมอนนท์ยืนเช็คตรวจอาการดูอีกครั้ง ส่วนมุกก็ยืนมองน้องชายที่ใบหน้าซีดเผือดด้วยความสงสารจับใจ
"ผมเป็นอะไรกันแน่ครับ ทำไมไม่หายสักที อยากกลับบ้านแล้ว"
"มิคยังอ่อนเพลียอยู่ อีกวันสองวันค่อยกลับกันนะ ใช่ไหมคะคุณหมอ" มุกหันไปทางหมอหนุ่ม
"ครับ ถ้าอาการดีขึ้นหมอจะให้กลับนะครับหนุ่มน้อย"
"ครับ แต่ผมทำให้พี่เสียงาน"
"มิคไม่ต้องห่วงพี่หรอก นอนพักผ่อนนะครับคนดีของพี่" มุกก้มลงหอมแก้มน้องชายเบาๆ
"คุณคงจะยังไม่ได้ทานข้าว ไปทานด้วยกันไหมครับ" เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น
"ฉันยังไม่หิวค่ะ คุณไปเถอะ"
"ทานข้าวสักหน่อยเถอะนะครับ จะได้มีแรงถ้าคุณเป็นอะไรไปอีกคนผมว่าไม่ดีแน่ครับ" หมอหนุ่มสังเกตหญิงสาวมาหลายวันแล้วเห็นเธอไม่ค่อยทานอะไรก็อดที่จะเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้
"ก็ได้ค่ะ" ตัดสินใจไปตามคำชวนด้วยเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง
ภายในร้านอาหารข้างโรงพยาบาลมุกนั่งทานข้าวกับหมอนนท์เจ้าของไข้น้องชายไปเงียบๆ หมอหนุ่มเห็นเธอมีสีหน้าไม่ค่อยดี นักจึงเอ่ยชวนเธอคุยขึ้น
"ทานเยอะๆ นะครับ ผมเป็นเจ้ามือเอง"
"ไม่เป็นไรค่ะ" มุกส่ายหน้า
"ผมเต็มใจครับ"
"ขอบคุณนะคะ แต่เราเพิ่งจะรู้จักกันฉันเกรงใจค่ะ"
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคิดเสียว่าผมเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ได้ไหมครับ" หมอนนท์ยิ้มมุมปาก
"ได้สิคะ" มุกยิ้มรับ
"ไม่ต้องกังวลเรื่องน้องชายของคุณหรอกนะครับ ผมจะดูแลรักษาเขาให้ดีที่สุด"
"ฉันกลัวเสียเขาไปค่ะ ถ้าเสียเขาไปฉันไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไง ยิ่งเห็นอาการที่แย่ลงหลังจากทำคีโมฉันก็ยิ่งกลัว"
"เป็นธรรมดาครับที่จะมีผลข้างเคียง ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไร อีกสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้วครับ ถึงวันนัดทำคีโมค่อยกลับมาหาหมออีกที"
"ค่ะ ฉันหวังว่ามิคจะดีขึ้นตามที่หมอบอก"
"ครับ"
ตกเย็นหลังเลิกงานบุษบากับทิพมาเยี่ยมเยือนมิคถึงโรงพยาบาลพร้อมกับตะกร้าผลไม้ มุกตัดสินใจโกหกทั้งสองคนออกไปว่ามิคป่วยเป็นโรคโลหิตจางเพื่อที่จะรักษาความลับต่อไปด้วยกลัวความแตกถึงหูของน้องชายของเธอ
"ขอบคุณพี่บุษกับทิพมากนะคะ ที่นึกถึงกัน"
"เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันนะ แค่นี้เล็กน้อยจ้ะ" บุษบาส่งยิ้มให้มุก
"ฉันขอให้มิคหายไวไวนะ เธอจะได้กลับไปทำงานสักที" ทิพมองหน้ามุกด้วยความเห็นใจ
"จ้ะ" มุกยิ้มรับ
"งั้นเราสองคนกลับก่อนนะ มีอะไรก็โทรมาได้เลย" บุษบาเอ่ยทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป
สามวันต่อมา
ภพนั่งหงุดหงิดอยู่ในห้องทำงานเมื่อหญิงสาวรุ่นน้องโทรมาลางานโดยไม่ได้บอกล่วงหน้าบอกแค่ว่ามีธุระเท่านั้น ชายหนุ่มรู้สึกว่าตั้งแต่วันที่น้ำตอบตกลงคบกับเขาเป็นแฟน เขารู้สึกว่าเธอยิ่งจะห่างเหินกับเขามากขึ้นไปเรื่อยๆ รู้ทั้งรู้ว่าเธอกำลังทำประชดชายหนุ่มอีกคนแต่เขาก็ยังเต็มใจให้เธอเหยียบย่ำหัวใจเล่นๆ เขาพยายามที่ใกล้ชิดเธอแต่กลับถูกปฏิเสธเสมอ
"พี่หวังว่าจะไม่ได้ยินข่าวดีแต่เป็นข่าวร้ายสำหรับพี่จากปากน้ำเข้าสักวันหรอกนะ เฮ้อ…" ชายหนุ่มนั่งพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจแรงๆ
หลังจากที่ภพนั่งอ่านเอกสารและโทรถามไถ่ปัญหาทางโรงงานอิเล็กทรอนิกส์และโรงงานผ้าไหมเสร็จสรรพก็พาตนเองไปยังสตูดิโอถ่ายทำโฆษณาทักทายกับซินดี้เล็กน้อย จากนั้นก็เลยไปยังห้องตัดต่อภาพ ภพแอบแปลกใจเล็กน้อยที่สี่ห้าวันมานี้เขาไม่เห็นมุกแอบมายืนมองเขาเลย
เพื่อคลายความสงสัยชายหนุ่มจึงลงไปยังแผนกบัญชีที่อยู่ชั้นสอง ทันทีที่บุษบาเห็นใบหน้าเจ้านายหนุ่มที่อยู่ๆ ก็โผล่มาไม่มีปี่มีขลุ่ยก็แอบแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะเอกสารทุกอย่างเธอก็ส่งให้พิศเลขาหน้าห้องจัดการให้ชายหนุ่มเซ็นต์แล้วตั้งแต่เมื่อเช้า
"คุณภพมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ" บุษบาเอ่ยถามขึ้น
"เปล่า" ปฏิเสธแต่กวาดสายตามองไปทั่วทั้งแผนก
"มองหาใครเหรอคะ"
"ช่วงนี้ผมไม่เห็นมุกเลย เขาไปไหนเหรอ"
"อ่อ มุกเขาลางานไปเฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาลค่ะพอดีว่าไม่สบาย"
"ครับ" พยักหน้ารับแล้วเดินจากไป
คล้อยหลังภพเดินออกไปบุษบากับทิพก็หันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจที่อยู่ๆ เจ้านายหนุ่มถามหามุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ณ โรงพยาบาลเอกชนมุกเดินกลับเข้าไปในห้องพักฟื้นของน้องชายด้วยสีหน้าเป็นกังวลหลังจากที่เธอไปจัดการค่าใช้จ่ายตลอดห้าหกวันที่อยู่โรงพยาบาลจำนวนเงินห้าหมื่นบาทก่อนที่จะพามิคออกจากโรงพยาบาลในวันนี้เพราะอาการดีขึ้นมากแล้ว
"พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" มิคเอ่ยถามพี่สาวด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้น
"เปล่าจ้ะ" รีบปฏิเสธทันควันถึงแม้ว่าในใจจะกังวลเรื่องเงินที่เหลือเพียงห้าหมื่นซึ่งมันไม่พอใช้อย่างแน่นอน
"งั้นเรารีบกลับกันเถอะครับ มิคคิดถึงบ้านจะแย่แล้ว มิคจะได้เตรียมตัวไปโรงเรียนวันพรุ่งนี้ด้วย"
"พี่ว่ามิคอย่าเพิ่งไปดีกว่า"
"ทำไมครับ "
"พี่เป็นห่วงน่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายอีก อยู่บ้านอ่านหนังสือดูทีวีไปก่อนนะ เชื่อพี่"
"แต่มิคคิดถึงเพื่อนๆ "
"พี่รู้ แต่พี่เป็นห่วง พี่ขอนะเชื่อพี่สักครั้ง" มุกลูบศีรษะมิคไปมาเบาๆ
"ก็ได้ครับ" มิคสวมกอดมุกเอาไว้แน่น
มุกพามิคไปยืนรอโบกแท็กซี่หน้าโรงพยาบาลเพื่อความสะดวกและไม่แออัดสำหรับน้องชายที่ป่วยเธอยอมเสียค่าแท็กซี่ซึ่งแพงกว่ารถเมล์ที่เคยนั่งประจำ ระหว่างที่ยืนรออยู่ๆ ก็มีรถหรูมาจอดเทียบตรงหน้าพร้อมกับบีบแตรเปิดกระจกด้านคนขับลงจนเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาสวมแว่นตาของหอมนนท์
"ให้ผมไปส่งที่บ้านนะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
"เอ่อ….จะดีเหรอคะ" มุกหันไปมองมิค
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเต็มใจมาเถอะนะครับ"
"แต่ว่าหมอไม่เข้าเวรเหรอคะ"
"ผมออกเวรแล้ว คุณไม่ต้องห่วง" หมอนนท์ยิ้มมุมปาก
"ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"
หลังจากที่มุกกับมิคพากันขึ้นมานั่งบนรถแล้ว หมอหนุ่มก็ค่อยๆ แล่นรถออกไปตามทางที่หญิงสาวข้างๆ เอ่ยบอกเป็นระยะไม่นานรถก็แล่นไปจอดตรงรั้วหน้าบ้านเช่าหลังเล็ก และเพื่อขอบคุณน้ำใจหมอหนุ่มมุกก็ไม่ลืมชวนหมอหนุ่มเข้าไปในบ้าน
"บ้านแคบไปหน่อยนะคะ" มุกพูดพลางวางแก้วน้ำดื่มลงตรงหน้าชายหนุ่ม
"ไม่เป็นไรครับ คุณอยู่ได้ผมก็อยู่ได้"
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ที่มาส่ง" มุกส่งยิ้มให้หมอหนุ่ม
"อย่างที่บอกครับว่าผมเต็มใจมาก" มองหญิงสาวตรงหน้าไม่วางตาเพื่อสื่อความในใจ
"ค่ะ" มุกรีบก้มหน้าลงหลบสายตาคมกริบนั้น
"มีอะไรให้ช่วยก็บอกผมได้เสมอนะครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม นี่นามบัตรของผม หวังว่าคุณจะโทรมาบ้างนะครับ" มือหนายื่นนามบัตรตนเองไปตรงหน้าเธอ
"ขอบคุณค่ะ" มือบางยื่นไปรับมาถือเอามาไว้ในมือ
ทั้งสองคนคุยกันเรื่องอาการป่วยของมิคสักพักหมอนนท์ก็ขอตัวกลับ ก่อนที่จะกลับชายหนุ่มก็ไม่ลืมให้กำลังใจหญิงสาวอีกครั้ง มุกยืนมองรถหรูแล่นออกไปจนลับสายตาแต่อยู่ๆ เธอก็นึกถึงภพเจ้านายหนุ่มทับซ้อนหมอนนท์ขึ้นมาในหัว ในเวลานี้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะมาสนใจเรื่องอะไรอีกแล้วนอกจากน้องชายที่กำลังป่วยของเธอ