ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 381 หากต่อไปกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ระวังข้าจะกัดเจ้า
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 13 บทที่ 381 หากต่อไปกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ระวังข้าจะกัดเจ้า
ในแปลงนาบริเวณรอบข้าง มีชาวบ้านจับกลุ่มกันประปราย นางอายจนทนไม่ไหว แย่งถุงน้ำในมือเซียวยวี่มาดื่มคำโต
เซียวยวี่เห็นว่านางดื่มแล้ว จึงยิ้มจนดวงหน้าเต็มไปด้วยความยินดี
เซี่ยยวี่หลัวดื่มเสร็จ เซียวยวี่จึงรับไปดื่มต่อ
ประกบปากกับปากถุงน้ำ ไม่มีความรังเกียจแม้แต่น้อย
จะรังเกียจได้หรือ?
จุมพิตกันไม่รู้ตั้งกี่หนแล้ว
ดูท่าถุงน้ำเดิมสามารถนำออกมาใช้ได้แล้ว!
เซียวยวี่ดื่มน้ำเสร็จ จึงเอ่ยถามด้วยความเห็นใจ “ยังไม่กลับบ้านหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า “เจ้าไม่กลับข้าก็ไม่กลับ! ”
“ถ้าอย่างไรเอาอย่างนี้ เจ้านั่งรอข้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะกลับหน้าดินอีกร่องหนึ่ง แล้วพวกเราก็กลับบ้าน! ” ช่วงก่อนหน้านี้อาหลัวไม่สบาย เสียเวลาไปหลายวัน หากไม่กลับหน้าดินอีก ก็จะผ่านช่วงเพาะปลูกแล้ว
น้ำเสียงของเซียวยวี่แฝงเร้นด้วยความวิงวอน เซี่ยยวี่หลัวไม่อาจทนฟังได้ บุรุษตัวสูงใหญ่เช่นนี้กล่าววาจาอ้อนวอนต่อหน้าตัวเอง ทำให้ความดึงดันทั้งหมดของนางสลายหายไปในชั่วพริบตา
“ได้ ข้ารอเจ้า! ”
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม ถอดเสื้อบนกายออก พับเสื้อเป็นผืนสี่เหลี่ยม วางไว้ใต้ร่มไม้ “นั่งตรงนี้ ประเดี๋ยวข้าก็เสร็จแล้ว! ”
กล่าวจบ จึงหันตัวเดินไปในแปลงนา
เซี่ยยวี่หลัวมองดูเสื้อของเซียวยวี่ที่อยู่บนพื้น ไม่ได้นั่งลง เงยหน้ามองเซียวยวี่ที่อยู่ในแปลงนา
เดิมทีเซียวยวี่พรวนดินมาถึงปลายด้านนี้แล้ว เขาน่าจะพรวนดินจากปลายด้านนี้กลับไป แต่เพื่อให้เงยหน้าแล้วสามารถเห็นเซี่ยยวี่หลัวได้ เขาจึงเดินไปยังฝั่งตรงข้าม เริ่มพรวนดินจากปลายด้านโน้น
บนกายเขาเหลือเพียงเสื้อแขนสั้นที่เปลือยท่อนแขน ห่อหุ้มร่างกายของเซียวยวี่ที่ดูผอมบางแต่กลับอวบอิ่ม
ไหล่ที่แข็งแรงและมีพลัง หยาดเหงื่อแต่ละเม็ดบนนั้นที่ฉายประกายแสงเจ็ดสีภายใต้แสงตะวันร่วงหล่นลงบนพื้นดิน
เซี่ยยวี่หลัวมองอยู่ครู่ใหญ่ แอบรู้สึกปลงอนิจจัง คนที่มีบุคลิกดีก็ยังคงมีบุคลิกดีเสมอ ไม่อ่านตำราเขียนหนังสือ แม้แต่ทำไร่ทำนาก็ยังดูมาดเข้มถึงเพียงนี้
ทั้งหมู่บ้านคงไม่อาจหาคนที่ดูดีเช่นนี้เป็นคนที่สอง
เซียวยวี่พรวนดินไปสองครั้ง ก็เงยหน้ามองดูฝั่งตรงข้าม พอเขาพรวนดินได้เจ็ดถึงแปดครั้ง เงยหน้ามองไปสามถึงสี่หน คนที่อยู่ใต้ร่มไม้ยังคงยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
เกิดความรู้สึกราวกับหมาป่าที่หิวโหยพบกระต่ายสีขาวตัวน้อย อยากกินกระต่ายสีขาวตัวน้อยเสีย
เซียวยวี่เลิกคิ้วทีหนึ่ง อยากให้เซี่ยยวี่หลัวเป็นหมาป่าตัวนั้น ส่วนตัวเขาเองเป็นกระต่ายสีขาวตัวน้อย ให้เขาถูกอาหลัวที่เป็นหมาป่ากิน ก็รู้สึกเต็มใจ
เพราะเซี่ยยวี่หลัวยังรอเขาอยู่ เซียวยวี่จึงไม่ปล่อยให้เสียเวลา ไม่นานก็พรวนดินเสร็จ มายังใต้ร่มไม้ จูงมือเซี่ยยวี่หลัวกลับบ้าน
คนอื่นๆ ในแปลงนาเห็นเซียวยวี่และเซี่ยยวี่หลัวมาในแปลงนาพร้อมกัน แต่ละคนต่างพูดคุยกระซิบกระซาบ
“สามีภรรยาคู่นี้ดูเหมือนสามีภรรยากันมากขึ้นแล้ว”
“นั่นสิ คาดว่าปีหน้าจะได้ดื่มสุรามงคลของพวกเขาอีกแล้ว”
เซียวยวี่หูดี ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านหลัง เขาจูงมือเซี่ยยวี่หลัว ออกแรงบีบมากขึ้นเล็กน้อย
ปีหน้านอกจากจะดื่มสุราครบเดือน[1] ของเด็ก ก็ไม่มีสุรามงคลใดให้ดื่มอีกแล้ว
ปีหน้าเชิญทุกคนมาดื่มสุราครบเดือนเช่นนั้นหรือ ถือเป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลย
เขาต้องพยายามให้มากขึ้น
กลับถึงบ้าน เห็นว่าใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัวยังแดงอยู่ ก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก หยิบผ้าเช็ดหน้ามาบิดน้ำจนหมาดแล้วประคบบนใบหน้านาง “เจ้ารีบล้างหน้าก่อน อย่าให้โดนแดดเผา”
เขารู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวให้ความสำคัญกับใบหน้านั้นมากเพียงใด ปกติยามออกจากบ้าน ไม่มีแสงแดดยังต้องสวมหมวกคลุมหน้า ปกปิดตั้งแต่ศีรษะจนถึงคอไว้อย่างมิดชิด วันนี้แสงแดดแรงถึงเพียงนี้ นางกลับไม่สวมอะไรมาเลย แค่ลองคิดดู เซียวยวี่ก็รู้สึกปวดใจจนทนไม่ไหว
เซี่ยยวี่หลัวเองกลับไม่ได้สนใจมากเท่าไร
ตอนนางออกจากบ้าน ทาเครื่องประทินโฉมชั้นหนาไว้หนึ่งชั้น น่าจะสามารถกันแสงแดดได้บ้างกระมัง ยิ่งไปกว่านั้นนางเพิ่งอายุสิบห้าปี ตากแดดบ้างก็ไม่เป็นอะไร
“ไม่เป็นอะไร อีกสองวันก็หายแล้ว” เซี่ยยวี่หลัวทำท่าทางราวกับไม่ใส่ใจ เห็นเขาคอยดูแลนาง จึงดึงมือเซียวยวี่ไปแช่ในอ่างน้ำ “เจ้าอย่าสนใจข้าเลย เจ้ารีบล้างมือเถอะ ดูสิมือเจ้าสกปรกถึงเพียงนี้! ”
ตอนเซียวยวี่มา ก็เคยล้างมือในคูน้ำแล้ว แต่ไม่มีสบู่ ต่อให้ล้างสะอาดเพียงใด บนมือก็ยังมีเชื้อโรคที่มองไม่เห็น
“เจ้ารังเกียจที่สกปรก? ” เซียวยวี่เอ่ยถาม
“ต้องรังเกียจแน่นอน” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวตอบโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
เซียวยวี่ยิ้มทันที “เจ้ารังเกียจที่ข้าสกปรกแต่ยังจะจูงมือข้ามาตลอดทางโดยไม่ปล่อยอีก? ”
เซี่ยยวี่หลัวใบหน้าขึ้นสีแดง แต่ยังคงพยายามบ่ายเบี่ยง “… เจ้าต่างหากที่จูงมือข้า”
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงไม่สะบัดออกเล่า? ”
“…” เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้สะบัดออกจริง มองดูใบหน้ายิ้มแย้มของเซียวยวี่ รู้ว่าตัวเองถูกเขาหยอกแล้ว จึงเกิดอารมณ์โมโห กล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ได้ เช่นนั้นครั้งหน้าเจ้าไม่ต้องจูงมือข้าอีก”
จูงหนึ่งครั้ง นางก็จะสะบัดหนึ่งครั้ง
ช่างน่าโมโหนัก กล้าเยาะเย้ยนาง!
เซียวยวี่กลั้นหัวเราะไว้ เปลี่ยนมาปลอบโยนนางด้วยท่าทางจริงจัง “เอาน่า อย่าโมโหเลย”
เซี่ยยวี่หลัวบุ้ยปาก ไม่สนใจเขา
ริมฝีปากบางบุ้ยขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำ ราวกับทาน้ำผึ้งไว้อย่างไรอย่างนั้น
เซียวยวี่ก้มหน้าลง มือหนึ่งประคองใบหน้าเซี่ยยวี่หลัว อีกมือหนึ่งประคองหลังศีรษะนาง ตรึงนางไว้ จากนั้นจึงก้มหน้า อมริมฝีปากที่บุ้ยเล็กน้อยเข้าปากทันที…
เซี่ยยวี่หลัว “อือ…” บอกว่ากำลังโมโหอย่างไรเล่า!
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด เซียวยวี่จึงปล่อยเซี่ยยวี่หลัวออก ลมหายใจของทั้งสองคนล้วนไม่มั่นคง เซียวยวี่น้ำเสียงแหบพร่า ขยับมาข้างหูเซี่ยยวี่หลัว เอ่ยถามนางเสียงเบา “ต่อไปยังจะให้ข้าจูงมือเจ้าอยู่หรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกห้วงภวังค์มึนงง มือคู่โอบคอเซียวยวี่ไว้ ใบหน้าแดงก่ำประหนึ่งดอกยิงฮวาที่ผลิบานอย่างงดงาม น้ำเสียงก็อ่อนโยนดุจสายน้ำ “ให้…”
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม กัดใบหูเซี่ยยวี่หลัวเบาๆ เซี่ยยวี่หลัวเจ็บจนส่งเสียงเบา เซียวยวี่กล่าวเป็นเชิงข่มขู่ “ต่อไปหากกล้ากล่าววาจาเหลวไหลอีก ระวังข้าจะกัดเจ้า…”
เซี่ยยวี่หลัวพักพิงอยู่ในอ้อมอกเซียวยวี่ ฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอย่างทรงพลัง หัวใจของนางเองก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
เซียวยวี่โอบกอดนางไว้ในอ้อมอก มือข้างหนึ่งประคองหลังศีรษะนาง อีกข้างหนึ่งโอบเอวเล็กบางของนางไว้ กระชับนางเข้ามาในอ้อมกอด ความปรารถนาเบื้องลึกแววตา รุนแรงจนทำให้รู้สึกใจสั่น
ไม่ง่ายเลยกว่าจะฝืนสะกดเพลิงปรารถนาในใจไว้ ในที่สุดเซียวยวี่ก็ล้างมือจนสะอาด
เวลานี้ยังคงเป็นเซียวยวี่ที่เข้าห้องครัวไปทำอาหาร เซียวจื่อเซวียนคิดไตร่ตรองอยู่นาน ก่อนบอกเล่าเรื่องที่ตัวเองได้ยินในหมู่บ้านให้เซียวยวี่ฟัง
“พี่ใหญ่ พี่หมิงจูจะแต่งงานกับพี่เซียวหยวนแล้วขอรับ”
เซียวยวี่ไม่เหลือบตามองด้วยซ้ำ ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย
ราวกับได้ฟังเรื่องของคนแปลกหน้า เซียวจื่อเซวียนรู้ว่าตัวเองไม่ควรกล่าวเรื่องนี้ ทว่า…
เรื่องที่เขาได้ยิน ไม่ได้มีแค่เรื่องที่จะแต่งงานเท่านั้น เขาคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้บอกเล่าเรื่องอื่นๆ ออกมา
ความจริง เขาฟังมาก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่หลังจากฟังแล้ว เขารู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นล้วนไม่ใช่คำพูดที่ดี
————————
เชิงอรรถ
[1] สุราครบเดือน หรือเหล้าครบเดือน คือประเพณีอย่างหนึ่งของจีนที่จะเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมฉลองเนื่องในโอกาสที่เด็กทารกมีอายุครบหนึ่งเดือน