ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 716 กินข้าวนิ่ม
ตอนที่ 716 กินข้าวนิ่ม
…………….
ตอนที่ 716 กินข้าวนิ่ม
หลินเซี่ยรำคาญนิสัยชอบซักไซ้ไล่เลียงของเฉินเจียซิ่งเป็นอย่างมาก ขนาดป้าหวังที่อยู่ชั้นล่างยังไม่น่ารำคาญเท่านี้เลย
เธอพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “เป็นผู้ชายแท้ ๆ จะเลิกเป็นคนชอบซุบซิบนินทาได้ไหม? แม่มาอยู่บ้านเราหลายวันแล้ว คอยดูแลฉันกับลูก ๆ ทั้งวันทั้งคืน เพียงแต่ตอนนี้ฉันทำอะไรเองได้หมดแล้ว งานของพี่ใหญ่ก็ไม่ได้ยุ่งมากแล้ว ฉันจะให้แม่กลับไปพักผ่อนบ้างไม่ได้หรือไง ทำไมนายต้องคิดมากขนาดนั้นด้วย?”
เฉินเจียซิ่งถูกหลินเซี่ยด่าเข้าให้ก็รู้สึกอึดอัด ลูบจมูกแล้วกระแอมไอเบา ๆ อธิบายว่า “ใครคิดมากกันล่ะ? พวกเราแค่สงสัยเท่านั้นแหละ อีกอย่างสภาพของแม่ตอนกลับบ้านเมื่อวานนี้ไม่เหมือนกลับไปพักผ่อนเลยสักนิด ดูเหมือนถูกพี่ไล่ออกมาหลังแพ้ศึกมากกว่า”
หลินเซี่ย “!!!”
เฉินเจียวั่งนั่งอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ได้พูดอะไรเลย
“ตอนแรกคุณปู่คุณย่าก็อยากมาเยี่ยมเหมือนกัน แต่พ่อห้ามพวกท่านไว้”
ในที่สุดหลินเซี่ยก็หนีไม่พ้นการตั้งคำถามของเฉินเจียซิ่ง เธอจำต้องยอมรับ
“ได้ ฉันจะบอกความจริงกับพวกนายแล้วกัน พวกเรามีเรื่องขัดแย้งกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ทัศนคติบางอย่างไม่ค่อยตรงกันเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้ทะเลาะกันด้วย ฉันแค่แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกไปบ้าง แต่อาจจะใช้คำพูดรุนแรงไปหน่อย แม่ก็เลยโกรธ”
หลินเซี่ยนั่งหลังตรง มองพวกเขาทั้งสองคนด้วยสีหน้าโกรธเคืองเล็กน้อย “ฉันพูดจบแล้ว พวกนายพอใจหรือยัง?”
“เห็นไหม ผมบอกอะไรไว้ล่ะ? ผมบอกอะไรไว้? มันต้องมีเรื่องแน่ ๆ”
เฉินเจียซิ่งในตอนนี้มีสีหน้าเหมือนนักสืบที่ได้หลักฐานมาพอดี เขามองเฉินเจียวั่งอย่างตื่นเต้น ยื่นมือไปหาเขา “เจ้าสาม ให้เงินมาเลย”
หลินเซี่ย “??!”
เฉินเจียวั่งยอมแพ้พนัน ควักเงิน 20 หยวนออกมาจากกระเป๋า
ที่แท้สองคนนี้เอาเรื่องนี้มาพนันกันเนี่ยนะ?
วันนี้ก็มาพิสูจน์กันว่าใครแพ้ใครชนะ!
“พวกนายสองคนอายุเท่าไหร่แล้ว? ทำอะไรก็พนันกันตลอด”
เฉินเจียซิ่งที่เพิ่งได้เงินมาทำหน้าภูมิใจ รีบยัดเงินใส่กระเป๋าด้วยกลัวว่าเฉินเจียวั่งจะแย่งคืนไป
เขามองหลินเซี่ย ทำสีหน้าจริงจังแล้วเอ่ยปากว่า “พี่สะใภ้ เรื่องนี้ผมว่าคุณทำถูกแล้ว ต่อไปถ้าคุณมีความเห็นขัดแย้งกับแม่ คุณต้องกล้าเสนอออกมา ต้องแสดงความคิดเห็นของตัวเอง อย่าเก็บเงียบเพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ทำตามท่านไปหมด”
หลินเซี่ยคิดในใจ เฉินเจียซิ่งก็นับว่าไม่เลว ยังรู้จักปกป้องความถูกต้อง
แต่เพิ่งคิดไป เฉินเจียซิ่งก็พูดอีกว่า
“แต่ถึงอย่างนั้น แม่ก็เป็นผู้อาวุโส ดังนั้นพวกเราควรระวังวิธีการ อย่าใช้คำพูดรุนแรงเกินไป ถึงพ่อแม่จะไม่มีคุณงามความดี แต่ก็มีความลำบากเหนื่อยยากใช่ไหม พี่ดูสิ ท่านมาดูแลพี่ตั้ง 20 กว่าวันแล้ว พี่โทรกลับไปหาท่านสักหน่อย บอกว่าลูกสบายดี ขอให้ท่านอย่ากังวล”
“ไม่คิดเลยว่านายจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ พูดจาเข้าข้างทั้งสองด้านเลย”
เฉินเจียซิ่งเกาหัว พูดอย่างอึดอัดว่า “ผมทำเพื่อให้ครอบครัวสงบสุขไม่ใช่เหรอ?”
ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะมีนิสัยไม่น่ารัก แต่ในฐานะลูกชายก็ทนไม่ได้ที่เห็นแม่ถูกรังแก
ยิ่งตอนที่เขาลงมาข้างล่างเมื่อคืนแล้วเห็นแม่เดินวนรอบโทรศัพท์บ้านในห้องนั่งเล่น
หล่อนไม่ได้นอนทั้งคืน คงเพราะเป็นห่วงหลาน
“พวกพี่สองคนโทรไปบอกท่านสักคำไม่ได้เหรอ? หลานน่ารักมาก ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรอก”
เด็กคนนี้มีข้อดีอย่างหนึ่งก็คือไม่ซน
ก็เพราะโจวลี่หรงกับหลิวกุ้ยอิงมีประสบการณ์ ไม่ได้ให้คนอุ้มตลอด พอลูกกินนมเสร็จก็วางลงเตียง โดยเฉพาะตอนนอนที่ไม่เคยอุ้มนอนเลย
ในตอนนี้เขาจึงคุ้นเคยมากแล้ว กินเสร็จก็เข้านอน
เฉินเจียซิ่งไปห้องน้ำ หลินเซี่ยจึงพูดกับเฉินเจียวั่งว่า
“เจ้าสาม ตานายแล้ว”
“ฉันมีเรื่องจะบอกนาย พ่อของอวี่เฟยกับพี่สาวหวังจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ได้ยินว่าอีกไม่กี่วันจะเลี้ยงข้าวพวกเรา นายรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
เฉินเจียวั่งพยักหน้า “รู้แล้ว”
เจียงอวี่เฟยบอกเขาตั้งแต่ตอนที่พ่อของหล่อนกับหวังซิ่วฟางจดทะเบียนสมรสแล้ว
หลินเซี่ยเตือนเขา “ยังไงก็ตาม ที่บ้านคิดว่านายกับเจียงอวี่เฟยคบหากันตามปกติ ถ้าตอนนั้นปู่ย่าตายายกับพ่อแม่อยากไปร่วมงานด้วยความกระตือรือร้น นายก็ว่ากันเอาเองนะ”
ได้ยินแบบนั้น เฉินเจียวั่งก็ปวดหัวเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาก็อยากให้ความสัมพันธ์กับเจียงอวี่เฟยก้าวหน้ามากขึ้น แต่หลังจากที่เจียงอวี่เฟยเข้าร่วมการประกวดนางแบบ จังหวะชีวิตทั้งหมดของหล่อนก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่นักศึกษาที่สบาย ๆ อีกต่อไป ไม่ไปออกรายการกับลินดาก็ไปเล่นตัวประกอบในกองถ่าย ยุ่งจนมีความสุข
หล่อนดูไม่ค่อยสนใจเขาเท่าใด เขาโทรไปก็คุยกันแค่สองประโยคเท่านั้น ไม่มีอะไรต่อ
เฉินเจียซิ่งมีประสาทหูไวมาก พอเดินออกมาก็ถามเฉินเจียวั่งด้วยความสงสัยว่า “เจ้าสาม พวกนายคุยอะไรกัน เมื่อกี้ฉันได้ยินพวกเขาพูดว่าพ่อของแฟนนายจะแต่งงานใหม่ใช่ไหม งั้นตอนนั้นทั้งครอบครัวเราต้องไปร่วมงานด้วยเพื่อเป็นกำลังใจให้นายแล้ว”
เฉินเจียวั่งมองค้อนเฉินเจียซิ่ง “พี่มายุ่งอะไรด้วย ทำงานของพี่ให้ดี ๆ เถอะ ถ้ายังโดดงานอีก ระวังเงินเดือนจะโดนหักหมด”
เพียงเฉินเจียวั่งพูดประโยคเดียว เฉินเจียซิ่งก็ถึงกับหมดแรง
ก่อนหน้านี้ไม่รู้สึกว่าเงินเดือนตัวเองต่ำขนาดไหน แต่หลังจากที่เขาแต่งงานกับหยางหงเสียและย้ายออกไปอยู่ด้วยกันถึงได้พบว่าเงินเดือนของเขาน้อยนิดเพียงใด ทุกครั้งยังไม่ทันถึงกลางเดือนก็หมดแล้ว
ช่วงครึ่งเดือนหลัง ก็ต้องพึ่งเงินเดือนของหยางหงเสียอยู่เป็นประจำ
พูดตามตรงแล้ว เขาที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าใด
ตอนนี้เขาเลือกสูบแต่บุหรี่ราคาถูกที่สุดเท่านั้น
ส่วนเสื้อผ้าไม่เคยซื้อใหม่เลย เสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่ตอนนี้ก็ซื้อมาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว
ทำไมเขาลดการใช้จ่ายลงขนาดนี้แล้ว เงินก็ยังไม่พออีกล่ะ?
ก่อนหน้านี้ตอนหาเงินได้ เขาก็ใช้จ่ายส่วนตัวคนเดียว กินอยู่กับที่บ้าน ไม่มีความคิดจะซื้อข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเลย
ตอนนี้เขาเหนื่อยล้ามากจริงๆ
เฉินเจียซิ่งหมดอารมณ์อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายทันที
เขายิ้มพลางมองไปที่หลินเซี่ยแล้วถาม
“เอาล่ะ ตอนนี้หงเสียทำงานในร้านได้ดีใช่ไหมครับ?”
หลินเซี่ยพยักหน้า “ดีมากเลย ตอนนี้หล่อนเป็นมืออาชีพแล้ว”
ช่วงนี้ทางสถาบันอบรมวิชาชีพเริ่มรับสมัครนักเรียนรุ่นที่สอง พอเธอพักฟื้นร่างกายจนหายดีแล้วก็จะเริ่มงานเลย
หยางหงเสียเป็นคนละเอียดรอบคอบเอาจริงเอาจังกับงานมาก เรื่องการลงทะเบียนสมัครและการโฆษณาล้วนเป็นหน้าที่ของหล่อนทั้งนั้น
“ดีจังเลยๆ”
ครั้นพูดจบ ดวงตาของเฉินเจียซิ่งก็สั่นไหวเล็กน้อย มองหลินเซี่ยแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สะใภ้ ฝั่งพี่นี่ไม่มีงานอะไรให้ผมทำจริง ๆ เหรอ?”
หลินเซี่ยถามว่า “นายว่ายังไงนะ?”
พอเฉินเจียซิ่งนึกถึงเงินเดือนของภรรยาที่สูงกว่าเขาหลังจากได้เป็นพนักงานประจำ เขาก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมา
ตอนจบการอบรม หลินเซี่ยยังให้โบนัสอีกด้วย
เขาเป็นผู้ชาย เป็นเสาหลักของครอบครัว ตอนนี้ภรรยากลับได้เงินมากกว่าเขา แบบนี้เขาก็จะกลายเป็นผู้ชายกินข้าวนิ่มที่กินแรงภรรยาน่ะสิ
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคงมาก ๆ
ถึงแม้เขาจะไม่มีความสามารถอะไรมากมาย แต่อย่างน้อยเขาก็มาจากค่ายทหารใหญ่ ในฐานะผู้ชาย เขายังมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง
เขาอยากเปลี่ยนไปทำงานที่ได้เงินเดือนสูงกว่านี้มาตลอด แต่ก็ไม่มีใครจัดการให้เขาได้
หลินเซี่ยพูดเบา ๆ “ฉันมีร้านแค่สองร้าน ร้านตัดผมหนึ่ง กับร้านเสริมความงามและทำผมเจ้าสาวอีกหนึ่ง นายคิดว่านายทำอันไหนได้มั่งล่ะ?”
เฉินเจียซิ่ง “………”
เขาทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจียซิ่งเริ่มรู้สึกไม่มั่นคงแล้วสินะ เห็นคนอื่นพัฒนาก้าวหน้ากันหมดแต่ตัวเองยังย่ำอยู่ที่เดิม
ไหหม่า(海馬)
…………….