ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 705 เสิ่นเสี่ยวอวี้ไม่ยินยอมให้คนนำไปอุปถัมภ์
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 705 เสิ่นเสี่ยวอวี้ไม่ยินยอมให้คนนำไปอุปถัมภ์
ตอนที่ 705 เสิ่นเสี่ยวอวี้ไม่ยินยอมให้คนนำไปอุปถัมภ์
…………….
ตอนที่ 705 เสิ่นเสี่ยวอวี้ไม่ยินยอมให้คนนำไปอุปถัมภ์
เซี่ยหลานกลับถึงบ้านหลังเลิกงานตอนบ่าย บอกเสิ่นอวี้หลงเรื่องที่หลินเซี่ยคลอดลูกแล้ว พอเขาได้ยินข่าวนี้ก็ดีใจมาก
พูดว่า “แม่ ผมก็อยากไปดูพี่สาวกับหลานชายของผมเหมือนกัน”
“พักอยู่บ้านก่อนเถอะ พี่สาวของลูกอาจจะต้องออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้านไปอยู่เดือนในอีกสองสามวันนี้ รอให้หล่อนอยู่เดือนครบแล้วพวกเราค่อยไปเยี่ยมกันดีไหม?”
เสิ่นอวี้หลงส่ายหัวเมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยหลาน
“นั่นต้องรออีกเป็นเดือนเลย ผมรอไม่ไหวหรอก ผมอยากจะเจอหล่อนกับหลานชายของผมเดี๋ยวนี้”
เซี่ยหลานพูดโน้มน้าวด้วยความยากลำบาก “ลูกต้องเชื่อฟังแม่นะ ร่างกายของลูกตอนนี้ไม่เหมาะที่จะเดินไปไหนมาไหนมาก พี่สาวของลูกอยู่ในโรงพยาบาล หล่อนก็ร่างกายอ่อนแอมากเช่นกัน จำเป็นต้องพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกาย เวลานี้พวกลูกทั้งพี่น้องควรพักผ่อนร่างกายกันให้เต็มที่ เมื่อพี่สาวของลูกอยู่เดือนครบแล้ว ร่างกายของลูกก็จะแข็งแรงขึ้น ถึงเวลานั้นให้หล่อนพาหลานมาเยี่ยมก็ได้”
เสิ่นอวี้หลงพยักหน้าไม่เต็มใจ “ก็ได้ครับ”
เขาเฝ้ารอวันนั้นด้วยความคาดหวังและมองไปที่เซี่ยหลาน
“ผมจำได้ว่าเพื่อนร่วมชั้นของผมเคยพูดกันว่าหลังจากอยู่เดือนแล้วจะต้องอุ้มเด็กกลับบ้านแม่ เมื่อถึงเวลานั้นเราไปรับพี่กลับด้วยกันไหม”
เซี่ยหลานยิ้ม “ได้สิ ลูกก็ฟื้นฟูร่างกายให้ดีนะ ห้ามออกไปเดินเตร็ดเตร่เด็ดขาด แม่ต้องทำงานทั้งวันไม่มีเวลาอยู่ดูแล ลูกต้องเชื่อฟังแม่ด้วย”
แท้จริงแล้วต่อให้เซี่ยหลานจะอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ใจของหล่อนก็ไม่เคยห่างจากบ้านเลย หล่อนเป็นห่วงมากว่าเสิ่นอวี้หลงจะดื้อและออกไปไหนมาไหนคนเดียว
หล่อนเป็นห่วงว่าเสิ่นอวี้หลงจะกลับไปเยี่ยมคุณปู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นคนเดียว ยิ่งกลัวว่าเขาจะไปที่บ้านพักสวัสดิการของโรงงานเครื่องจักรกล
ทุกวันนี้เซี่ยหลานเอาแต่กังวลและร้อนใจไม่หาย
วันนี้กลับมาบอกข่าวดีกับเสิ่นอวี้หลง ก็เพื่ออยากจะเบี่ยงเบนความสนใจของเขา
ตอนนี้การใช้ชีวิตของเสิ่นอวี้หลงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขามักจะลงไปออกกำลังกายที่ชั้นล่างคนเดียว ถ้าเขาอยากจะไปไหน เขาก็ไปคนเดียวได้สบายๆ
จริง ๆ แล้วหากปล่อยให้เขาไปหาหลินเซี่ย อารมณ์เขาคงดีขึ้น อาจจะไม่ดื้อดึงเเละอยากจะไปที่บ้านตระกูลเสิ่นเพื่อไปสืบหาเรื่องราวของเสิ่นเถี่ยจวิน
แต่ที่แย่ก็คือด้านหลินเซี่ยมีครอบครัวของเธอเข้าๆ ออกๆ อยู่ตลอด
ถ้าเสิ่นอวี้หลงไป ตัวจริงของหลินเซี่ยจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า
สิ่งเดียวที่เซี่ยหลานทำได้ก็คือ ใช้สภาพร่างกายของเขาเป็นข้ออ้าง เพื่อกักเขาไว้ที่บ้าน
ในใจหล่อนก็รู้ดีว่าไม่สามารถปิดเรื่องนี้เอาไว้ได้นาน
เมื่อร่างกายของเขาฟื้นตัว ก็จะควบคุมเขาไม่ได้แล้ว
แน่นอนว่าตอนที่ลูกชายร่างกายแข็งแรงและจิตใจเข้มแข็งพอ เซี่ยหลานก็จะไม่เป็นห่วงว่าเขาจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากปัญหาต่าง ๆ ในครอบครัว
ถึงอย่างนั้นเสิ่นอวี้หลงก็รับฟังคำพูดของเซี่ยหลาน
เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาดีขึ้นแล้ว สามารถออกจากบ้านได้ แต่ก็ติดที่ช่วงนี้หลินเซี่ยเพิ่งคลอดลูก ต้องพักฟื้น ลูกยังเล็ก เขาเองก็ไม่อยากจะไปรบกวน
ดังนั้นในตอนเย็น เสิ่นอวี้หลงจึงเดินไปหยิบเงินจำนวน 50 หยวนจากกระปุกออมสินของเขาให้กับเซี่ยหลาน
“แม่ พรุ่งนี้เอาเงินนี้ไปซื้อของบำรุงให้พี่สาวผมที่โรงพยาบาลด้วยนะครับ”
หลังจากที่เสิ่นอวี้หลงฟื้นคืนสติ ตอนที่ญาติผู้ใหญ่มาเยี่ยมในช่วงที่นอนพักฟื้นก็มีใส่ซองให้เขาบ้าง เขาจึงเก็บใส่กระเป๋าไว้
เขาไม่รู้ว่าคนที่เพิ่งคลอดลูกจะกินอะไรได้บ้าง จึงให้เงินกับเซี่ยหลานแล้วให้หล่อนเป็นคนซื้อ
เซี่ยหลานรับเงินมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ลูกชายฉันดูจะรักพี่สาวมากทีเดียว ให้ที 50 หยวนเลย งั้นตอนพี่สาวลูกออกจากโรงพยาบาลแล้ว แม่จะซื้อไก่ 2 ตัวกับปลาอีก 2 ตัว ให้หล่อนกลับไปบำรุงร่างกายแล้วกัน”
“ได้ครับ แล้วแต่แม่เลย”
เซี่ยหลานรอให้เสิ่นอวี้หลงพักผ่อน แล้วก็รีบโทรศัพท์หาคุณพ่อของหล่อน
คอยเฝ้าดูเขา ไม่ให้เขาออกไปเที่ยวซนข้างนอก
หลังจากเสิ่นอวี้หลงกลับบ้าน เซี่ยหลานกับผู้เฒ่าเซี่ยก็มักจะแวะเวียนมาเยี่ยม แต่เสิ่นอวี้หลงบอกว่าตัวเองอยู่คนเดียวได้แล้ว ให้ตากลับบ้านได้ ไม่ต้องมาดูแล
ที่บ้านตัวเอง เขาทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ
เสิ่นอวี้หลงหยิบเครื่องเล่นเทปที่หลินเซี่ยซื้อมาให้ ฝากให้เซี่ยหลานไปซื้อตลับเทปมาให้ ฟังเพลงออกกำลังกายทุกวัน ชีวิตสุขสบายดี
เห็นว่าตากับยายแก่ขนาดนี้แล้วยังต้องมาคอยดูแลเขา ทำให้ลึก ๆ แล้วเขาก็รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกัน
เซี่ยหลานเล่าให้เขาฟังว่าเสิ่นอวี้หลงอยากไปเยี่ยมหลินเซี่ยกับหลานที่โรงพยาบาล
ผู้เฒ่าเซี่ยก็เป็นห่วงอยากไปเยี่ยมหลาน แต่ก็กลัวว่าจะไปรบกวนเด็ก
เซี่ยหลานเสนอว่า “พ่อคะ เซี่ยเซี่ยอาจจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วในอีกไม่กี่วันนี้ รอให้หลานอายุสักสิบวันแล้วเราค่อยไปเยี่ยมก็ได้”
อีกสิบวัน ทางบ้านฝ่ายหญิงต้องไปเยี่ยมหลานชายอยู่แล้ว
เซี่ยหลานรู้สึกจากใจว่าหล่อนคือแม่ของหลินเซี่ยจริง ๆ ถึงแม้หล่อนอาจจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็นก็ตาม
ในเมื่อตอนนี้หลินเซี่ยยังเรียกหล่อนว่าแม่อยู่ หล่อนก็จะปฏิบัติต่อหลินเซี่ยเหมือนลูกสาวของตัวเอง
หน้าที่ความรับผิดชอบที่พึงมีต่อลูกก็จะไม่มีขาดตกบกพร่อง
แต่ถ้าพูดกันจริงๆ แล้ว ตอนที่ลูกสาวแท้ ๆ ของหล่อนคลอดลูก ใจของหล่อนกลับไม่ได้สบายและเป็นสุขอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ในตอนนั้นหล่อนแบกรับภาระอันหนักอึ้ง เดินไปแบบไร้วิญญาณ พาลูกสาวที่ตั้งครรภ์ก่อนแต่งอย่างเสิ่นอวี้อิ๋งไปหาหมอ เข้าโรงพยาบาล คลอดลูก จิตใจของหล่อนเจ็บปวดทรมานอย่างแท้จริง
ลูกของหลินเซี่ยเกิดมาท่ามกลางความสุขและการเฝ้ารอของทุกคน
ในขณะที่ลูกของเสิ่นอวี้อิ๋ง …
เซี่ยหลานถอนหายใจเฮือกใหญ่
นึกถึงเสิ่นเสี่ยวอวี้ที่ยังอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หล่อนก็ปวดหัวจนตื้อไปหมด
ความกังวลใจและความทุกข์ใจถาโถมเข้ามา
เด็กคนนั้นมีคนรับไปอุปการะแล้ว
หล่อนคุยกับผู้ดูแลแล้วว่า ถ้ามีคนมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้และเต็มใจรับอุปการะเสี่ยวอวี้ หล่อนก็จะยินยอม
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ดูแลโทรมาบอกว่ามีคู่สามีภรรยาหลายคู่มาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้เพื่อรับเด็กไปอุปการะ และมีหลายคนที่สนใจเสี่ยวอวี้
แต่ดูเหมือนเสี่ยวอวี้จะไม่เต็มใจ ทันทีที่อีกฝ่ายติดต่อเพื่อสร้างความคุ้นเคยและอยากจะอุ้มหล่อน หล่อนก็จะร้องไห้
“แต่เขาว่ากันว่าหล่อนเป็นเด็กเรียบร้อยไม่ใช่เหรอ”
เซี่ยหลานถามอย่างสงสัยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เด็กคนนั้นเป็นเด็กดีมาตั้งแต่ตอนที่หล่อนอยู่บ้านแล้ว
แค่ให้กินอิ่ม หล่อนก็แทบจะไม่งอแงเลย
หลังจากส่งเด็กคนนี้มาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว ผู้ดูแลก็ยังชมเลยว่าไม่เคยเห็นเด็กที่เป็นเด็กดีขนาดนี้มาก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยของหล่อน ถ้าไม่ได้ดูที่ส่วนสูง ผู้ดูแลอาจคิดว่าเด็กคนนี้มีอายุหลายขวบแล้วก็ได้
ยังมีพี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งพูดเล่น ๆ ว่าเสิ่นเสี่ยวอวี้คนนี้ดูเหมือนจะฟังออกว่าผู้ใหญ่พูดอะไรกันด้วย
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผู้ดูแลได้รายงานกับเซี่ยหลานว่า “มีคู่รักหนุ่มสาวสองคนมาเมื่อสองสามเดือนก่อนและบอกว่าจะรับเสี่ยวอวี้ไปอุปการะด้วย ในตอนนั้นเด็กคนนั้นประพฤติตัวดีมากเลยนะ เหมือนจะเข้ากับคู่รักหนุ่มสาวคู่นั้นได้ด้วย ดูเหมือนจะถูกชะตากัน เล่นด้วยกันทั้งบ่ายด้วยซ้ำ ต่อมาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อีกฝ่ายก็ไม่มาอีกเลย ขณะที่ตอนนี้มีแต่คนอยากรับเลี้ยงเด็กคนนั้น แต่พออุ้มขึ้นมาหล่อนก็แผดเสียงร้องไห้แทบขาดใจ”
เซี่ยหลานนึกถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกเหนื่อยใจ เสิ่นอวี้หลงฟื้นแล้ว หล่อนต้องดูแลลูกชายของตัวเอง ยิ่งไม่มีเวลาและกำลังที่จะไปจัดการเรื่องของเด็กคนนั้น
ถ้าเสิ่นอวี้หลงรู้เรื่องของเสิ่นเสี่ยวอวี้ อย่างไรก็ไม่มีทางยอมให้หล่อนรับเลี้ยงแน่
ความคิดของเซี่ยหลานเริ่มฟุ้งซ่าน ผู้เฒ่าเซี่ยเหมือนรู้ใจ ถามขึ้นมา “ว่าแต่ตอนนี้เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว”
เซี่ยหลานได้ยินคำถามของพ่อ ก็ตอบด้วยเสียงเบาว่า “ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นแหละค่ะ”
ผู้เฒ่าเซี่ยถอนหายใจ “เวรกรรมแท้ ๆ พูดถึงไอ้เด็กไม่มีพ่อคนนั้นทีไร ก็ได้แต่คิดว่าแม่ของมันทำอะไรลงไป”
คลอดลูกแล้วก็เอาไปทิ้งไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ช่างเป็นพฤติกรรมต่ำช้าสิ้นดี
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลูกยัยอวี้อิ๋งคนนี้จะเป็นตัวแปรของเรื่องราวต่อมาหรือเปล่านะ ใครจะได้ตัวไปเลี้ยง
ไหหม่า(海馬)
…………….