ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 699 ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนที่ 699 ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
…………….
ตอนที่ 699 ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เฉินเจียเหอส่งลูกให้แม่ของเขา แล้วก็รอหลินเซี่ยอยู่ด้านนอก
เซี่ยอวี่อยู่เป็นเพื่อนโจวลี่หรงดูแลเด็ก แค่เห็นสิ่งมีชีวิตน้อยๆ นี้ก็ทำให้หัวใจละลาย
หล่อนอยากอุ้มบ้าง แต่สายตาของโจวลี่หรงก็จับจ้องไปยังนิ้วมือที่ทาเล็บของเซี่ยอวี่ แล้วพูดว่า “คุณเซี่ย เด็กที่เพิ่งคลอดไม่ควรอุ้มบ่อยๆ เอาวางไว้บนเตียงก่อนเถอะ เดี๋ยวเราก็มีโอกาสได้อุ้มอีกเยอะ”
จริงๆ แล้วเซี่ยอวี่ก็ไม่มีประสบการณ์ด้านเลี้ยงดูเด็ก เมื่อโจวลี่หรงพูดอย่างนั้น หล่อนก็เลยไม่กล้าแตะต้องเด็กน้อยเท่าใด
หล่อนรีบโทรกลับหาเซี่ยเหลย
“พี่ใหญ่ เซี่ยเซี่ยคลอดแล้ว”
“หืม?” เซี่ยเหลยได้ยินน้ำเสียงตื่นเต้นของเซี่ยอวี่แล้วก็รู้สึกประหลาดใจมาก “คลอดแล้วเหรอ เสี่ยวอวี่ เธอแน่ใจนะ?”
เซี่ยอวี่พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “แน่ใจสิ ฉันอยู่ที่ห้องพยาบาลเฝ้าเด็กอยู่เนี่ย”
“ดี ๆๆ ฉันรู้แล้ว”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เซี่ยเหลยก็มีท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
เขาตื่นเต้นจนเดินวนไปวนมา จากนั้นก็ถอดผ้ากันเปื้อน แล้วบอกกับพ่อครัวที่อยู่ด้านหลังว่าไม่รับลูกค้าใหม่แล้ว หากคนที่กินอยู่นอกร้านกินอาหารกันเสร็จแล้วก็ปิดร้านได้เลย
เขาถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วก็เดินกะเผลกๆ ออกไปข้างนอก จนแขกประจำร้านถามเขาว่าจะไปไหน
เซี่ยเหลยตะโกนเสียงดัง “ลูกสาวของฉันคลอดแล้ว ฉันจะเป็นคุณตาแล้ว!”
เมื่อวิ่งออกจากร้านอาหาร เขาก็รู้สึกสับสนอีกครั้ง
ลูกสาวของเขาคลอดแล้ว ในฐานะพ่อและตา เขายังไม่แน่ใจว่าควรเตรียมอะไรบ้าง
เขาควรไปโรงพยาบาลตอนนี้เลยไหม?
แม่ของเขาและหลิวกุ้ยอิงยังไม่กลับมาจนถึงตอนนี้ เหลือแต่เขาที่เป็นผู้ชายตัวโตและไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้เลย
เมื่อเซี่ยไห่และหลินจินซานได้ยินคำพูดของเซี่ยเหลย ทั้งสองคนก็มีแววตาเป็นประกาย “พี่ใหญ่ ใครบอก?”
“พี่สาวนายโทรมาบอกว่าเซี่ยเซี่ยคลอดแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ผู้ชายหรือผู้หญิง?” เซี่ยไห่ถาม
เซี่ยเหลยทำหน้างง “อ้อ? พี่สาวนายไม่ได้บอก ฉันเองก็ลืมถาม”
“พวกพี่สองคนนี่จริงๆเลย เรื่องสำคัญขนาดนี้ คนหนึ่งไม่พูดให้ชัดเจน อีกคนก็ไม่ถามให้ชัดเจน” เซี่ยไห่มองพี่ใหญ่ที่ทำหน้าซื่อ แล้วก็ถามต่อ “แม่กับพี่สะใภ้ล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยตอบ “พวกหล่อนออกไปซื้อของหลังส่งอาหารกลางวัน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา”
“ตอนนี้เราควรทำยังไงดี? รอแม่กับพี่สะใภ้กลับมาดีไหม?”
เซี่ยเหลยตื่นเต้นและดีใจจนสับสน ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี
แม่ของเขากับหลิวกุ้ยอิงไม่ได้อยู่ด้วย เขาจึงไม่รู้เรื่องในเรื่องพวกนี้เลย
หลิวกุ้ยอิงและแม่ผู้ชราไม่มีเครื่องมือสื่อสารใดๆ เลย ทำให้เขาติดต่อพวกหล่อนไม่ได้ จึงต้องขอคำปรึกษาจากเซี่ยไห่และหลินจินซาน
ชายผู้นี้ที่มักจะสุขุมเยือกเย็น กลับกลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาถามเซี่ยไห่และพวกเขาว่า “พวกเราควรไปที่โรงพยาบาลตอนนี้ไหม? ควรเอาของกินของใช้ที่จำเป็นไปด้วยหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่าต้องไปโรงพยาบาล แต่จะเอาอะไรไป ช่วงนี้หล่อนคงกินอาหารที่ร้านพี่ไม่ได้หรอก”
เซี่ยไห่เองก็รู้สึกสับสนว่าควรจะเอาอะไรไปเยี่ยมดี หลินจินซานที่มีประสบการณ์มากกว่า อธิบายอย่างใจเย็นว่า “เซี่ยเซี่ยเพิ่งคลอด กินได้แค่อาหารอ่อน เด็กก็ต้องกินนม พวกเราเอาของกินของใช้ไปไม่ได้หรอก ทางบ้านคุณเฉินก็คงเตรียมไว้ให้หมดแล้ว ผมว่าเราไม่ต้องเอาอะไรไป ไปเยี่ยมเฉย ๆ ก็เพียงพอแล้ว งั้นจะรอคุณยายกับแม่ผมมาก่อนไหม?”
เซี่ยไห่อดใจรอไม่ไหวแล้ว “ไม่ต้องรอแล้ว เราไปกันก่อน นายบอกชุนฟางให้หล่อนบอกพวกเขาตามมาที่โรงพยาบาลแล้วกัน”
ชายหนุ่มทั้งสามต่างดื่มด่ำไปกับความสุขในการได้ต้อนรับสมาชิกคนใหม่แห่งครอบครัว
ทั้งอยากเห็นหลานตัวน้อย แล้วก็อยากรู้ว่าตอนนี้หลินเซี่ยเป็นอย่างไรบ้าง
ระหว่างที่รอเซี่ยไห่ถอยรถ หลินจินซานเลยใช้โอกาสนี้แวะไปที่ร้านตัดผม บอกข่าวดีให้ชุนฟางทราบ บอกให้หล่อนรอจนกว่าคุณยายกับคุณแม่จะกลับมา แล้วค่อยบอกให้พวกหล่อนทราบและรีบไปที่โรงพยาบาลอีกที
ผลปรากฏว่า เซี่ยไห่เพิ่งถอยรถเสร็จ เซี่ยเหลยกับหลินจินซานกำลังจะขึ้นรถ คุณแม่เซี่ยกับหลิวกุ้ยอิงก็กลับมาพอดีพร้อมกับหอบหิ้วของพะรุงพะรัง
“เสี่ยวเหลย พวกแกจะไปไหน?”
เซี่ยเหลยที่เห็นภรรยาและแม่ ก็รีบปิดประตูรถแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “แม่ อิงจื่อ เซี่ยเซี่ยคลอดแล้ว”
“คลอดแล้วเหรอ?” ทั้งสองคนได้ยินข่าวนี้ก็อดตกใจไม่ได้
เมื่อวานเพิ่งไปเยี่ยมหลินเซี่ยมา ได้ยินว่ายังไม่มีอาการอะไรเลย
รู้แค่หมอบอกว่ากำหนดคลอดจะเป็นช่วงนี้ คุณแม่เซี่ยกับหลิวกุ้ยอิงเลยใช้เวลาครึ่งวันไปเดินห้างสรรพสินค้า
เพราะถึงตระกูลเฉินจะเตรียมของไว้ให้พร้อมแล้ว แต่ในฐานะยายทวดและยายของเด็กก็ควรซื้อเสื้อผ้าเด็กเล็กๆ ให้กับหลาน แล้วก็เตรียมชุดคลุมอยู่บ้านที่สวมใส่สบายไว้ให้กับหลินเซี่ย รวมถึงของใช้จำเป็นอื่นๆ อีกสารพัดอย่าง
ก่อนหน้านี้หลิวกุ้ยอิงก็ถักเสื้อให้หลาน แต่ต้องรอให้หลานโตกว่านี้ถึงจะใส่ได้
และตั้งแต่เปิดร้านอาหารก็แทบจะไม่ได้หยุดพัก ทั้งยังไม่ได้ไปเดินห้างซื้อของนานแล้ว พอได้เข้าไปวันนี้ก็พบว่าห้างเปลี่ยนแปลงและดูทันสมัยกว่าตอนที่ไปครั้งล่าสุดมาก มีแต่สินค้าแฟชั่นสุดฮิตทั้งนั้น
สิ่งของแปลกใหม่มากมายทำให้พวกหล่อนตื่นตาตื่นใจ จนลืมเวลาไป
หลิวกุ้ยอิงรู้สึกผิดที่ตัวเองปล่อยตัวตามใจจนเกินไป
น่าจะรีบกลับมาตั้งแต่ซื้อของเสร็จแล้ว
“พวกคุณจะไปโรงพยาบาลด้วยหรือเปล่า งั้นเราไปกันเถอะ”
คุณแม่เซี่ยได้ยินข่าวนี้ก็ยิ่งร้อนใจ บอกให้เซี่ยเหลยเปิดท้ายรถ แล้วนำของที่ซื้อมาวันนี้ยัดใส่เข้าไป เซี่ยไห่สตาร์ทรถรีบมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล
พอขึ้นรถ คุณแม่เซี่ยกับหลิวกุ้ยอิงก็ซักถามเรื่องเพศของเด็ก เมื่อเซี่ยเหลยบอกว่าไม่รู้ คุณแม่เซี่ยก็โมโห ดุเขาไม่หยุด
ประจวบเหมาะกับได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวดีจากเฉินเจียเหอพอดี
บอกว่าเด็กเกิดแล้ว แม่ลูกปลอดภัย สบายใจได้
ตอนนั้นเองเฉินเจียเหอก็บอกรายละเอียดเกี่ยวกับเพศ น้ำหนักของเด็กให้ทางโทรศัพท์
พอได้ยินว่าเป็นเด็กชายหนักเจ็ดชั่ง ในฐานะญาติทางฝ่ายแม่ พวกเขาก็เป็นห่วงลูกสาวเป็นอันดับแรก กระบวนการคลอดคงยากลำบากน่าดู เซี่ยเซี่ยคงเจ็บแย่เลย
หลิวกุ้ยอิงแค่คิด น้ำตาก็ไหลออกมาแล้ว
“เซี่ยเซี่ย เป็นยังไงบ้าง”
เฉินเจียเหอตอบว่า “เซี่ยเซี่ยยังอยู่ในห้องสังเกตอาการ ผมรออยู่ข้างนอก”
“พ่อครับ แค่นี้ก่อนนะครับ เซี่ยเซี่ยกำลังจะออกแล้วครับ”
เฉินเจียเหอวางสาย
หลินเซี่ยที่ให้น้ำเกลือเสร็จเตรียมตัวจะออกมา เฉินเจียเหอรีบไปรับ
พยาบาลบอกว่าเขาเข้าไปไม่ได้ ต้องรอข้างนอก เฉินเจียเหอเดินไปเดินมาหน้าห้อง เมื่อเห็นภรรยาเขาก็รีบเดินเข้าไปหา
“ที่รัก คุณเหนื่อยไหม” เฉินเจียเหอจับมือหลินเซี่ย มองเธอที่อ่อนเพลียด้วยความเป็นห่วง
เขาโน้มตัวไปจูบที่หน้าผากเธอ
“เป็นยังไงบ้าง” เขาถามด้วยเสียงอ่อนโยน
หลินเซี่ยยิ้มมุมปาก “คลอดออกมาแล้ว โล่งมากๆ ค่ะ”
สายตาเธอเหลือบมองหาอะไรบางอย่างหลังเฉินเจียเหอ เฉินเจียเหอรู้ความหมายทันที เขาบอกว่า “เจ้าตัวเล็กอยู่ในห้อง พยาบาล แม่กับอาก็อยู่ด้วย”
บทสนทนาระหว่างทั้งคู่ทำให้พยาบาลที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้ม
“เสร็จแล้ว กลับห้องกันเถอะ”
ตอนที่พาหลินเซี่ยกลับห้อง คุณย่าเฉินก็ถือซุปไข่ร้อนๆ มารอแล้ว
คุณย่าเฉินเห็นสภาพหลินเซี่ยแล้วก็รู้สึกสงสาร “หลานสะใภ้ตัวน้อยของฉัน ลำบากแย่เลยสินะ รีบขึ้นไปนอนบนเตียงดื่มซุปเติมพลังให้ร่างกายสักหน่อยนะ”
เฉินเจียเหอเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ นั่งลงริมเตียงป้อนน้ำซุปให้หลินเซี่ย
“ฉันขอดูลูกหน่อยค่ะ” หลินเซี่ยพอนอนลงก็ไม่รอช้าที่จะขอดูลูกทันที
เธออยากรู้ว่าลูกที่เธอคลอดออกมาเป็นอย่างไร
ได้ยินหมอบอกแค่ว่าเป็นเด็กผู้ชายหนักเจ็ดชั่ง
“ดูฉันสิ กอดหลานจนไม่อยากวางเลย จนลืมดูเซี่ยเซี่ยไปแล้ว” โจวลี่หรงรีบอุ้มหลานมาวางไว้ข้างๆ หลินเซี่ยแล้วมองดูเธอ
หลินเซี่ยเคยได้ยินคนอื่นพูดไว้ว่าเด็กที่เพิ่งคลอดใหม่ๆ จะขี้เหร่มาก เนื้อตัวเหี่ยวย่นดูไม่เหมือนคนเลยสักนิด
ก็เป็นอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ
แต่เธอกลับมองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยสายตาที่อบอุ่นหัวใจแทบละลาย
นี่คือลูกของเธอ ลูกที่เธออุ้มท้องมาสิบเดือน
เกิดมาสองชาติ เธอก็เพิ่งได้เป็นแม่คนจริงๆ สักที
มีลูกที่เป็นสายเลือดของเธอและเฉินเจียเหออย่างแท้จริงสักที
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มันผูกพันอะเนอะ เขาอยู่ในท้องเรามาตั้งสิบเดือน เห็นเขาออกมาปลอดภัยก็สุขใจแล้ว
ไหหม่า(海馬)
…………….