ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 695 หล่อนไม่ใช่เซียวเหล่งนึ่งนะ จะเรียกว่าอาหญิงได้อย่างไร
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 695 หล่อนไม่ใช่เซียวเหล่งนึ่งนะ จะเรียกว่าอาหญิงได้อย่างไร
ตอนที่ 695 หล่อนไม่ใช่เซียวเหล่งนึ่งนะ จะเรียกว่าอาหญิงได้อย่างไร
……….
ตอนที่ 695 หล่อนไม่ใช่เซียวเหล่งนึ่งนะ จะเรียกว่าอาหญิงได้อย่างไร
เซี่ยอวี่ยื่นข้อมือไป หมอเย่ลงมือคลำชีพจรด้วยสีหน้าจริงจัง
ผ่านไปสักพัก ชายชราก็ยังไม่ละนิ้วออกจากข้อมือหล่อน ทำให้คนทั้งคนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เซี่ยอวี่อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณปู่รอง ฉันไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหมคะ”
หมอเย่มีสีหน้าจริงจัง พลางส่งสายตาบอกให้เงียบ
ท่าทางนี้ของเขาทำให้เซี่ยอวี่ใจตุ้มๆต่อมๆ
หล่อนไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายตัวเองผิดปกติ แต่ทำไมชายชราคนนี้ถึงได้มีสีหน้าจริงจังนักหนา จับชีพจรนานขนาดนี้แล้วยังไม่พูดอะไรอีก
หรือหมอเทวดาคนนี้จะมองออกว่าร่างกายของหล่อนมีอะไรผิดปกติ แล้วจึงได้ขอจับชีพจรให้ตน
หัวใจของเซี่ยอวี่เต้นรัวขึ้นมาทันที
หลายนาทีอันแสนอึดอัดผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดนิ้วของชายชราก็หดกลับไป
เย่ไป๋ที่ยืนรออยู่ข้างๆ ก็รู้สึกกระวนกระวายเช่นกัน
ปกติคุณปู่รองของเขาจะจับชีพจรนานขนาดนี้ก็ในกรณีเจออาการป่วยที่หาสาเหตุไม่ได้หรือวินิจฉัยโรคได้ยาก
ในเวลานี้เย่ไป๋ก็คิดเหมือนกับเซี่ยอวี่อยู่เหมือนกัน ว่าหมอเทวดาคนนี้ต้องมองออกแน่ๆ ว่าเซี่ยอวี่เป็นโรคอะไร เขาถึงได้อยากจะอาสาตรวจชีพจรให้หล่อน
เย่ไป๋คิดเช่นนี้ สายตาจึงอดไม่ได้ที่หยุดอยู่ใบหน้าเซี่ยอวี่
วันนี้เซี่ยอวี่ไม่ได้แต่งหน้า แต่ถึงอย่างนั้นหน้าสดของหล่อนก็ยังดูดี ผิวพรรณผ่องใส ริมฝีปากสีชมพู ฟันขาว แก้มแดงระเรื่อ แม้ตรงหางตาจะมีริ้วรอยเล็กน้อย แต่ก็มองข้ามได้เมื่อเทียบกับความงามของหล่อน
เขาได้เรียนรู้ศาสตร์การแพทย์แผนจีนกับปู่รองเหมือนกัน และเขาก็ไม่เห็นว่าเซี่ยอวี่จะมีปัญหาอะไร
เย่ไป๋รอให้หมอเย่ชักมือกลับ จึงทำเป็นยิ้มอย่างสบายๆ แล้วถามว่า “คุณปู่รอง เป็นอย่างไรบ้างครับ เซี่ยอวี่ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?
“อืม ไม่เป็นไร ทุกอย่างปกติดี”
หมอเย่มองเซี่ยอวี่ด้วยสีหน้าใจดีพร้อมกับยิ้มและสั่งว่า “กินอาหารที่มีประโยชน์เข้าไปเยอะๆ ดูซิผอมซูบขนาดนี้ เทียบกับตอนที่แล้วที่มานี่ยังดูจะผอมมากกว่าอีก?”
ครั้นเซี่ยอวี่ได้ยินหมอเย่บอกว่าหล่อนไม่เป็นอะไร หล่อนก็โล่งใจอย่างมาก
“ฉันถ่ายหนังเยอะน่ะค่ะ ช่วงนี้เลยเหนื่อยหน่อย แล้วก็ควบคุมน้ำหนักอยู่ด้วย ไม่งั้นเวลาเข้ากล้องแล้วจะออกมาไม่สวย”
สีหน้าหมอเย่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใย “อาชีพนี้ของเธอก็เหนื่อยเหมือนกันนะ”
“เอาเถอะ ไปดูเซี่ยหลานซิว่าเก็บของเสร็จหรือยัง ให้พวกเขารอสักพักนะ ฉันจะเอายาบำรุงให้อวี้หลง”
“ค่ะ”
หลังจากเซี่ยอวี่ออกไปแล้ว หมอเย่ก็สั่งเย่ไป๋ว่า “อีกสักพักหลังจากที่เธอเสร็จธุระให้มาหาฉันด้วย ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”
เย่ไป๋ไม่เข้าใจ แต่ก็พยักหน้ารับคำ “ครับ”
หลังจากเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เสิ่นอวี้หลงก็เตรียมกลับบ้าน
เอ้อร์เลิ่งขะมักเขม้นอยู่ในครัวตั้งแต่เช้า
เวลานี้เขาออกมาจากครัวแล้ว และยืนกรานที่จะรั้งให้เสิ่นอวี้หลงกินข้าวกลางวันแล้วค่อยไป เขาบอกว่าอีกไม่นานอาหารก็จะเสร็จแล้ว
ก่อนหน้านี้เสิ่นอวี้หลงชมว่าอาหารฝีมือเขาอร่อย
เอ้อร์เลิ่งบอกว่านั่นเป็นอาหารพิเศษจากบ้านเกิดเขา
เช้าวันนี้เขาออกไปซื้อผัก ทำลูกชิ้นทอดยัดไส้หัวไชเท้า มันฝรั่งทอดติดเปลือก แช่วุ้นเส้น ก่อนจะนำมาตุ๋นเป็นจับฉ่าย
“อวี้หลง ไปห้องโถงก่อนเลย กับข้าวเสร็จแล้ว ฉันทำของโปรดนายไว้เยอะเลย กินให้หมดก่อนค่อยไปนะ”
เสิ่นอวี้หลงมองไปที่รอยยิ้มซื่อๆ บนใบหน้าของเอ้อร์เลิ่ง น้ำตาของเขาก็แทบเอ่อคลอออกมา และไม่ปฏิเสธในความหวังดีของเขา “ครับ”
เสิ่นอวี้หลงกับเอ้อร์เลิ่งอยู่ด้วยกันสามเดือนกว่าแล้ว ทั้งสองคนจึงสนิทสนมกันมาก
แม้ว่าเอ้อร์เลิ่งจะแก่กว่าเสิ่นอวี้หลงสิบกว่าปี แต่ความคิด จิตใจ และพัฒนาการในทุกด้านของเขากลับเทียบเท่าได้กับคนอายุประมาณยี่สิบปีเท่านั้น
เนื่องจากเขาป่วยโรคจิตเภทมาสิบปี สิบปีที่ผ่านมา เขาจึงไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
ประกอบกับไม่เคยทำงาน ไม่เคยถูกสังคมกัดกร่อน แววตาของเขาจึงยังคงใสซื่อ ไร้เดียงสา
เอ้อร์เลิ่งเป็นคนที่มีความรู้มากมาย เขาสามารถอ่านและเข้าใจหนังสือที่ผู้เฒ่าเซี่ยนำมาให้เขาได้ทั้งหมด โดยเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เขาจะสนใจมันเป็นพิเศษ
ช่วงเวลานี้ร่างกายของเสิ่นอวี้หลงแข็งแรงขึ้นแล้ว ทั้งสองคนก็มักจะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ ในหนังสือด้วยกัน
อยู่กันมานาน พอถึงคราวต้องจากกัน เสิ่นอวี้หลงจึงรู้สึกเสียใจมาก
ตั้งแต่วันวานจนถึงวันนี้ ใจของเขามัวหมองอยู่กับเรื่องที่พ่อของเขาต้องติดคุกตลอดเวลา จึงไม่ได้พูดคุยและร่ำลากับเอ้อร์เลิ่งดีๆ เลย
ไม่คาดคิดว่าเช้าวันนี้สหายของเขาจะตื่นแต่เช้าลงมือทำอาหารที่เขาชอบในห้องครัว เซี่ยหลานกับเสิ่นอวี้หลงจึงต้องเข้าไปในบ้าน รอจนกินข้าวเสร็จแล้วค่อยกลับไป
เซี่ยอวี่ไปช่วยยกอาหารในห้องครัว
เมื่อเห็นกับข้าวหอมกรุ่นอยู่ในหม้อ ดวงตาของหล่อนก็เป็นประกาย
“เอ้อร์เลิ่ง นี่ฝีมือเธอทั้งหมดเลยเหรอเนี่ย”
เซี่ยอวี่มองดูจับฉ่าย สูดกลิ่นหอมฟุ้งของมันจนน้ำลายแทบสอ
ตอนปีใหม่ ภรรยาพี่ชายของหล่อนก็เคยทำอาหารแบบนี้
มันอร่อยน่ากินเป็นพิเศษ
สองเดือนในกองถ่าย เซี่ยอวี่กินแต่ข้าวกล่องทุกวัน บวกกับควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดจนไม่มีน้ำมันหรือน้ำตกถึงท้อง
อยากกินเหลือเกิน
เอ้อร์เลิ่งหัวเราะ “ใช่ครับ ผมทำจับฉ่าย ไม่รู้ว่าคุณตามหมอเย่มาด้วย เลยไม่รู้ว่าพวกคุณจะกินได้ไหม”
เซี่ยอวี่ตอบอย่างรวดเร็ว “กินได้สิ กินได้ วันนี้เป็นลาภปากฉันเหลือเกิน”
หล่อนกับเย่ไป๋ต่างกินไปคนละสองชาม
“เอ้อร์เลิ่ง เธอก็มากินด้วยกันสิ”
“ครับ”
เซี่ยอวี่ไม่มีมาดของดาราเลย คุยกับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตลอด แล้วยังช่วยยกกับข้าวอีก จนใบหน้าของเอ้อร์เลิ่งแดงก่ำขึ้นมาอีกรอบ
ตักข้าวมาหนึ่งถ้วยแล้วก็ไปที่ห้องโถง
ผู้เฒ่าเซี่ยกับหมอเย่ยกย่องฝีมือการทำอาหารของเอ้อร์เลิ่งไม่ขาดปาก
เซี่ยอวี่ในตอนนี้กินอย่างไม่มีมาดสง่างามเหมือนยามปกติเลย
ก็เพราะหล่อนหิวจริงๆ
เอ้อร์เลิ่งเห็นว่าทุกคนชอบกินอาหารที่เขาทำ เขาก็รู้สึกภูมิใจมาก
เรื่องที่เสิ่นอวี้หลงได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน แม้เอ้อร์เลิ่งจะดีใจแทนเขา แต่ในใจก็รู้สึกใจหายอยู่บ้าง
พอเสิ่นอวี้หลงกลับบ้าน ผู้เฒ่าเซี่ยก็จะกลับไป ต่อไปก็ไม่มีใครเล่นกับเขา คุยกับเขาแล้ว
เสิ่นอวี้หลงกินข้าวเสร็จก็บอกว่าจะกินอีกหน่อย เขาถือชามไปที่ครัวจะตักข้าวเพิ่มตามใจชอบ เซี่ยหลานเป็นห่วงจึงเดินตามไป
ขณะทุกคนกำลังคุยกัน กินข้าวกัน เฉินเจียเหอก็มาถึง
เอ้อร์เลิ่งเห็นเข้าก็ดีใจ ถามว่า “ต้าเหอ มาได้ไง?”
“ฉันมาส่งอวี้หลงน่ะ”
พอเฉินเจียเหอเห็นเซี่ยอวี่อยู่ในบ้านด้วย สีหน้าพลันแปลกใจเล็กน้อย
เขาถามว่า “อาหญิง กลับมาตั้งแต่เมื่อไรครับ?”
“เช้าวันนี้”
เย่ไป๋พยักหน้าให้เฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอหันไปเห็นเสิ่นอวี้หลง
เสิ่นอวี้หลงเพิ่งถือจานข้าวเดินมาถึงหน้าห้องโถง ได้ยินเฉินเจียเหอพูดกับเซี่ยอวี่
หญิงงามขนาดนี้เรียกอาหญิง เขาถือชามแข็งค้าง สีหน้าแปลกใจอย่างมาก
เฉินเจียเหอเรียกเซี่ยอวี่ว่าอาหญิงได้อย่างไร
เขาเป็นพี่น้องกับเย่ไป๋ นี่คือแฟนของพี่ชาย เรียกว่าอาได้อย่างไร
เสิ่นอวี้หลงนึกถึงเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาและเอ้อร์เลิ่งอ่านนิยายกำลังภายในเรื่องหนึ่ง
พี่เขยของเขาไม่ใช่เอี้ยก้วย* ภรรยาของเขาก็ไม่ใช่เซียวเหล่งนึ่ง** ทำไมถึงเรียกว่าอาหญิง?
(**นางเอกในนิยายเรื่องมังกรหยกภาค 2 มีศักดิ์เป็นอาจารย์อาของเอี้ยก้วย)
เสิ่นอวี้หลงตกใจอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าไปในบ้าน แกล้งสังเกตปฏิกิริยาของเย่ไป๋อย่างเงียบๆ
ผลก็คือเย่ไป๋ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
เฉินเจียเหอเห็นเสิ่นอวี้หลงถือชามเข้ามาก็พูดว่า “อวี้หลง พี่สาวนายไม่สะดวกมา ฉันจึงมาส่งเธอกลับบ้านแทนหล่อน”
“พี่เขย คุณงานยุ่งมาก อย่าได้ลำบากเลยครับ คุณหมอเย่กับคุณน้าเซี่ยจะไปส่งผมเอง”
ระหว่างที่พูด เอ้อร์เลิ่งได้วิ่งไปที่ห้องครัวและหยิบชามจับฉ่ายมาให้เฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอบอกว่ากินที่บ้านมาแล้ว แต่เอ้อร์เลิ่งยืนยันให้กินอีกหน่อย หากไม่กินก็เหมือนไม่ให้เกียรติ
เฉินเจียเหอขัดไม่ได้ก็เลยรับไป
เขาถือชาม คิดถึงตอนที่เขาเดินเข้ามาแล้วเห็นเซี่ยอวี่ ก็ร้องเรียกหล่อนว่าอาหญิงทันที
เด็กคนนี้น่าจะไม่ได้ยินตอนที่อยู่ข้างนอกใช่ไหม?
เขาหันไปมองเสิ่นอวี้หลง พอดีกับที่เสิ่นอวี้หลงก็กำลังมองมาด้วยสายตาสงสัย
เฉินเจียเหอก็ยิ้มให้เขา “กินเยอะๆ นะ”
เสิ่นอวี้หลงไม่ได้พูดอะไร เบี่ยงสายตาแทนคำตอบ
เฉินเจียเหอขับรถของเซี่ยไห่มา ตั้งใจจะขับรถไปส่งเสิ่นอวี้หลงกับเซี่ยหลานกลับบ้าน
หลินเซี่ยบอกว่าพวกเขามีของที่ต้องขนกลับ ดังนั้นขับรถมาน่าจะสะดวกกว่า
“อวี้หลง นายจะนั่งรถฉันหรือรถพี่เขย”
เสิ่นอวี้หลงหันไปมองเซี่ยอวี่ ก็พูดด้วยสายตาเป็นประกาย “ผมจะนั่งรถกับราชินีจอเงิน”
เฉินเจียเหอมองเด็กหนุ่มที่รู้จักติดตามดารา เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะฟื้นตัวจริงๆ แล้ว
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลองกินของที่เอ้อร์เลิ่งทำก่อน เอ้อร์เลิ่งทำอาหารเก่งนะ
อวี้หลงได้ยินลำดับญาติแบบนั้นแล้วจะสงสัยไหมเนี่ย พี่เหอจะโป๊ะไหม
ไหหม่า(海馬)