ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 693 เผชิญหน้ากับอดีตด้วยอาการสงบ
ตอนที่ 693 เผชิญหน้ากับอดีตด้วยอาการสงบ
……….
ตอนที่ 693 เผชิญหน้ากับอดีตด้วยอาการสงบ
ได้ยินเซี่ยหลานถามเรื่องยาย้อมผม ชุนฟางก็มองผมขาวของเซี่ยหลานแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “คุณน้าเซี่ยจะย้อมผมด้วยไหมคะ ฉันจะย้อมให้”
เซี่ยหลานพยักหน้า “ได้สิ ย้อมก็ได้ วันนี้ลูกชายฉันได้กลับบ้านแล้ว ฉันเลยอยากเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองให้ดูสดใสเสียบ้าง”
ครั้นชุนฟางได้ยินว่าเสิ่นอวี้หลงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว หล่อนก็พลอยยินดีไปกับอีกฝ่ายด้วย “ดีจังเลยค่ะที่อวี้หลงหายดีแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ”
“ขอบคุณนะ” เซี่ยหลานที่นั่งอยู่ในร้านตัดผมรู้สึกได้ว่าอารมณ์ตนต่างไปจากเดิม ขณะมองดูผู้คนเดินผ่านไปมาบนถนนด้านนอกก็คิดว่ามันเป็นภาพฉากที่สวยงามเหลือเกิน
ชุนฟางผสมยาย้อมผมให้เซี่ยหลานแล้วลงมือย้อมให้หล่อนด้วยตัวเอง
หลังจากย้อมผมเสร็จก็ตัดผมให้ใหม่ ดูแล้วอ่อนเยาว์ขึ้นมาก
เซี่ยหลานมองตัวเองในกระจก มุมปากเผยรอยยิ้ม
แบบนี้สิถึงจะถูก
แบบนี้ถึงจะเหมาะสมกับการที่ลูกชายสุดที่รักของหล่อนทุ่มเทฟื้นฟูร่างกายมาตลอดสามเดือน
เมื่อเซี่ยหลานคิดเงิน ชุนฟางก็ลดราคาให้ โดยคิดตามราคาส่ง ส่วนค่าตัดผมนั้นไม่คิดเงิน
เซี่ยหลานกล่าวขอบคุณ และเตรียมตัวไปรับลูกชาย
หล่อนเพิ่งออกจากร้านตัดผมก็เหลือบไปเห็นเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงที่กำลังจะเดินเข้าร้านอาหาร
ทั้งสองคนถือถุงของชำกันพะรุงพะรัง มองดูแล้วรู้สึกทั้งวุ่นวายแต่ก็อิ่มเอมใจ
ตอนนี้เซี่ยหลานสามารถเผชิญหน้ากับพวกเขาได้อย่างเปิดเผยแล้ว
ถึงอย่างไรก็มีลูกสาวอยู่ตรงกลาง ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องติดต่อกับหลินเซี่ย บางครั้งจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกัน
เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงมองเห็นหล่อนเช่นกัน
เซี่ยหลานยิ้มตอบ“ใช่ ฉันมาให้ชุนฟางตัดผมกับย้อมผมให้ มีผมหงอกแล้วมันดูไม่สดชื่น หลินเซี่ยพูดกับฉันหลายครั้งแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ พอวันนี้อวี้หลงได้กลับบ้าน ฉันเลยมาจัดการตัวเองใหม่ ให้ลูกได้เห็นโฉมใหม่ของฉัน”
“ดีมากเลยนะคะ” หลิวกุ้ยอิงพูด “ผมฉันก็ขาวมากเหมือนกัน เมื่อไม่กี่วันก่อน ชุนฟางก็ย้อมให้ฉัน ดูสิตอนนี้ดำหมด ดูเด็กและสดชื่นมาก”
เมื่อก่อนหลิวกุ้ยอิงเครียดมากเหมือนกับเซี่ยหลาน จนไม่มีเวลาจะมาแต่งตัว ดูแลตัวเอง
ตั้งแต่ที่หลินจินซานกับชุนฟางตกลงแต่งงานกัน บวกกับหลินเซี่ยตั้งครรภ์ บรรยากาศในบ้านก็ยิ่งดีขึ้น หล่อนจึงเริ่มฟังคำแนะนำของลูกและจัดการตัวเอง
แม้จะอายุไม่น้อยแล้ว แต่เซี่ยเหลยก็ยังชื่นชอบในความสวยความงามอยู่ดี ทุกครั้งที่เห็นหล่อนแต่งตัวสวยๆ เขาจะติดตามหล่อนไปไหนมาไหนอยู่เสมอ หาโอกาสตอนหล่อนเผลอหอมแก้มหล่อน และกระซิบชมว่าหล่อนสวยอยู่ข้างหูหล่อนบ่อย ๆ
แน่นอนว่าต่อให้หล่อนจะไม่ได้แต่งตัวสวย เขาก็ไม่ว่าอะไร
หลังได้ยินจากเซี่ยหลานว่าเสิ่นอวี้หลงกำลังจะกลับบ้านแล้ว เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงก็มีความสุขเป็นอย่างมาก
“ในที่สุดหลานชายของเราก็จะได้กลับบ้านแล้ว มันเป็นข่าวที่ดีมากๆ”
ก่อนหน้านั้นหลินเซี่ยบอกไว้ว่าเสิ่นอวี้หลงยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวหลังฟื้นขึ้นมา พวกเขาก็กลัวว่าเสิ่นอวี้หลงจะรับเรื่องราวไม่ไหว จึงไม่กล้าบอกอะไรเขา
ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจให้เซี่ยเหลยกับคนอื่นๆ ไปเยี่ยมเสิ่นอวี้หลง เพราะเขาอาจถามถึงตัวตนของพวกเขา ซึ่งหากเขาถามขึ้นมาก็จะอธิบายได้ยาก
ดังนั้นในช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา พวกเขาเลยไม่ได้เดินทางไปเยี่ยมเสิ่นอวี้หลงเลยสักครั้ง จนถึงเวลานี้พวกเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาของหลานชายเขาจริงๆ เป็นอย่างไร
แต่ก็ได้รับคำบอกเล่าเกี่ยวกับอาการของเสิ่นอวี้หลงจากหลานสาวของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
และเมื่อได้ข่าวว่าเสิ่นอวี้หลงรักษาตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะได้กลับบ้าน พวกเขาก็ปีติยินดีแทนเซี่ยหลานเป็นอย่างมาก
เซี่ยหลานคงจะลำบากน่าดู
หลิวกุ้ยอิงพูดขึ้นด้วยความห่วงใยว่า “คุณหมอเซี่ยคะ ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย เข้ามาก่อนสิคะ เดี๋ยวฉันจะทำอาหารให้กิน พอกินเสร็จแล้วก็ค่อยไปรับลูก”
เซี่ยหลานปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกินข้าวเช้ามาแล้ว ต้องรีบกลับไปจัดของอีก กว่าจะเสร็จก็คงจะบ่ายพอดี”
เซี่ยหลานทักทายญาติๆ แล้วก็ตรงไปที่บ้านของหมอเย่
หล่อนมีอารมณ์ดีมาตลอดทาง ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังต่ออนาคตของลูกชาย
เมื่อร่างกายแข็งแรงแล้ว เขาก็จะได้กลับไปเรียนหนังสือ เริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่พอมาถึงหน้าบ้านของหมอเย่ หล่อนก็ชะงัก กังวล และลังเลใจขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้หมอเย่กับพ่อของเธอคุยกับเขาอย่างไร ตอนนี้ลูกชายของหล่อนจะรู้สึกอย่างไร และจะยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้หรือไม่
ความจริงก็คือหล่อนหวาดกลัวที่จะเผชิญกับแววตาเจ็บปวดของลูกชาย
เซี่ยหลานหยุดยืน คิดฟุ้งซ่านอยู่ตรงนั้น
แล้วเสียงแตรรถยนต์สีขาวก็ขัดจังหวะความคิดของหล่อน
เมื่อหันกลับไปก็เห็นรถของเย่ไป๋จอดอยู่
ประตูรถเปิดออก เป็นเย่ไป๋และเซี่ยอวี่ที่เดินออกมา
ในมือของเย่ไป๋ถือถุงตาข่ายอยู่ ซึ่งข้างในบรรจุผลไม้ไว้
“หลานหลาน ยืนอยู่ตรงนี้ทำไม? ทำไมไม่เข้าไปล่ะ?”
เซี่ยอวี่เห็นเซี่ยหลานแล้วก็เรียกหล่อนว่าหลานหลานอย่างสนิทสนมเหมือนตอนเด็กๆ
โดยที่ไม่รอให้เซี่ยหลานตอบ เซี่ยอวี่ก็รีบตรงปรี่มาหา พร้อมกับมองหล่อนด้วยสายตาเป็นประกาย “โอ้โห หลานหลาน นี่เธอเหรอเนี่ย”
เซี่ยหลาน “???”
“ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจย้อมปิดผมขาว”
เซี่ยหลานได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้ม “ฉันไปย้อมที่ร้านเสริมสวยของหลินเซี่ยมาวันนี้ล่ะ พอดีจะรับอวี้หลงกลับบ้าน ฉันก็เลยคิดว่าจะย้อมซะหน่อย จัดการตัวเองซะใหม่ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูก”
เซี่ยอวี่พยักหน้าเห็นด้วย “ถูกแล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องจัดการตัวเองให้ดูสดใสแล้วล่ะ ความยากลำบากของอวี้หลงมันผ่านไปแล้ว ช่วงเวลาดีๆ กำลังรอเธออยู่ เธอต้องมีความสุขให้ได้นะสู้ๆ”
เซี่ยหลานมองไปทางเย่ไป๋ “หมอเย่ คุณก็หยุดงานเหรอคะ?”
เย่ไป๋พยักหน้า “ครับ วันนี้อวี้หลงออกจากโรงพยาบาล ผมเลยแวะมาเยี่ยม พักรักษานานขนาดนี้ ในที่สุดเด็กนั่นก็ฟื้นซะที ในฐานะหมอผู้รักษาก็คงไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว”
“เข้าไปเยี่ยมอวี้หลงกันเถอะ”
เซี่ยอวี่เพิ่งกลับจากกองถ่าย พลางบอกว่าหล่อนถ่ายฉากของตนเสร็จแล้ว รอจนนักแสดงคนอื่นถ่ายเสร็จ เปลี่ยนฉาก หล่อนก็ปิดงานได้ และจะได้พักผ่อนอยู่บ้านสักพัก
เย่ไป๋พาหล่อนกลับมาเมื่อคืน
เซี่ยอวี่ก็ยังไม่เคยเจอเสิ่นอวี้หลงเช่นกัน
เนื่องจากหล่อนเป็นอาหญิงของหลินเซี่ย เซี่ยหลานก็เลยไม่ให้หล่อนไปเยี่ยม
หลังจากนั้น หล่อนก็ติดงานถ่ายละคร
เซี่ยอวี่ควงแขนเซี่ยหลาน เซี่ยหลานเหลือบมองหล่อนแล้วก็กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
“โธ่ ฉันรู้หรอกน่าว่าเธอกังวลอะไร ฉันจะบอกแค่ว่าเป็นแฟนของเสี่ยวไป๋ ไม่ต้องกังวลว่าจะแนะนำตัวในฐานะอื่นแน่นอน”
เซี่ยหลานยิ้มแห้ง “ฉันไม่ได้กังวล ไปกันเถอะ”
เซี่ยอวี่ควงแขนเซี่ยหลานเดินไปข้างหน้าอย่างสนิทสนม โดยมีเย่ไป๋เดินตามหลังพวกหล่อน จากนั้นทั้งสามก็เดินเข้าไปในลานบ้าน
เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นเอ้อร์เลิ่งร้องเพลงไปพลางเด็ดผักไปพลาง
“เอ้อร์เลิ่ง กำลังทำงานอยู่เหรอ” เซี่ยอวี่กับเอ้อร์เลิ่งในตอนนี้ได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว
เอ้อร์เลิ่งหันกลับมาเห็นเซี่ยอวี่คนสวยเรียกชื่อของตน ใบหน้าของเขาก็แดงขึ้นมาในทันที
“ผมกำลังเด็ดผักอยู่”
“อวี้หลงเป็นอย่างไรบ้าง” เซี่ยหลานมองไปในบ้าน พูดกับเอ้อร์เลิ่งด้วยเสียงเบา
เอ้อร์เลิ่งตอบด้วยรอยยิ้ม “อวี้หลงสบายดีครับ เมื่อเช้าผมชงนมให้เขากิน เขากินปาท่องโก๋ด้วย แล้วก็เดินเล่นอยู่ในบ้านสักพัก ตอนนี้ดูเหมือนจะไปเก็บของแล้วครับ”
เอ้อร์เลิ่งไม่ได้พูดถึงเรื่องอารมณ์ของเสิ่นอวี้หลงเลย
แต่เซี่ยหลานคิดว่าในเมื่อเขากินอาหารเช้าได้ปกติ และออกกำลังกายเช่นเดิมอย่างนี้ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รอลุ้นอีกแล้วว่าสภาพจิตใจของอวี้หลงจะเป็นยังไง มันก็กดดันเหมือนกันนะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)
……….