ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 751 หารือ(2)
ตอนที่ 751 หารือ(2)
……….
ตอนที่ 751 หารือ(2)
แม้หลี่หมิงฮุยจะไม่ได้แสดงอะไรออกมา แต่ฉินมู่หลานก็ยังคงเตือนว่า “ปิงหรุ่ยมีแฟนแล้วนะคะ อย่าคิดอะไรไปไกล ถ้าแค่อยากจะกินข้าวธรรมดา ๆ เดี๋ยวฉันจะชวนหล่อนออกมา แต่ถ้าคุณมีจุดประสงค์อื่นฉันก็จะไม่ชวน”
หลี่หมิงฮุยยังคงไม่ค่อยเต็มใจนัก
“เซี่ยปิงหรุ่ยมีแฟนจริง ๆ เหรอ? แฟนหล่อนเป็นคนยังไง? เขาคู่ควรกับหล่อนหรือเปล่า? หรือว่าเราจะชวนคนรักของหล่อนออกมากินข้าวเย็นด้วยกันดี?”
ฉินมู่หลานเหลือบมองหลี่หมิงฮุยและพูดว่า “แฟนของปิงหรุ่ยทำงานอยู่หน่วยเดียวกับสามีของฉันและมักจะยุ่งมาก คุณชวนเขาออกมากินข้าวตามใจชอบไม่ได้หรอกค่ะ”
ได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน หลี่หมิงฮุยรู้ว่าเธออยู่ข้างเดียวกับแฟนของเซี่ยปิงหรุ่ยอย่างหมดใจ เขาจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าใด “แฟนของเซี่ยปิงหรุ่ยเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาหน้าตาดีเท่าผมไหม? เขามีเงินเท่าผมหรือเปล่า?”
ฉินมู่หลานไม่คาดคิดว่าหลี่หมิงฮุยจะหลงตัวเองขนาดนี้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะกลอกตาให้เขา
“เอาล่ะ ๆ ผมจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว ผมแค่อยากให้ทุกคนเป็นเพื่อนกันและได้กินข้าวด้วยกันเท่านั้นเอง ผมจะไม่มีทางทำอะไรเกินเลย ตกลงไหม?”
เห็นหลี่หมิงฮุยพูดแบบนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะไปชวนปิงหรุ่ยให้”
หลังจากฉินมู่หลานและหลี่หมิงฮุยนัดกินข้าวเย็นกันแล้ว เธอก็ตรงไปที่ร้านซิ่งหลินทันที เธอไม่แน่ใจว่าวันนี้เซี่ยปิงหรุ่ยจะไปทำงานหรือเปล่า แต่นึกไม่ถึงว่าทันทีที่ไปถึงแล้วจะเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยนั่งคุยอยู่กับเซี่ยปิงชิงและคังอันเหอ
“อ้าว มู่หลาน ไปยังไงมายังไงเนี่ย?”
คังอันเหอเป็นคนแรกที่เห็นฉินมู่หลานและลุกขึ้นถามด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยและเซี่ยปิงชิงก็รีบมองไปที่ประตู ก่อนจะเห็นฉินมู่หลานเดินเข้ามา “มู่หลานเพิ่งกลับมาปักกิ่งไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่พักผ่อนสักสองสามวันก่อนเข้ามาที่ร้านล่ะ?”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “เดิมทีฉันอยากจะมาถามว่าวันนี้ปิงหรุ่ยไปทำงานหรือเปล่า ไม่คิดว่าเธอจะอยู่ที่นี่พอดี” พูดจบเธอก็หันไปมองคุณปู่ฉินแล้วเรียกว่า ‘คุณปู่’ จากนั้นก็ทักทายคุณปู่ลั่วและอาชุย
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยได้ว่ามู่หลานตั้งใจมาถามหาเธอ จึงเอ่ยถามว่า “มู่หลาน มีธุระอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่หลี่หมิงฮุยมาที่ปักกิ่ง เขาบอกว่าตอนเย็นอยากนัดกินอาหารเย็นกับเราเลยให้ฉันมาชวน”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินสิ่งนี้ก็ไม่ปฏิเสธก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้สิ คืนนี้เจอกัน”
ฉินมู่หลานยังถามอย่างสงสัยว่า “ปิงหรุ่ย วันนี้เป็นวันหยุดของเธอเหรอ?”
“เปล่า วันนี้ฉันลา”
หลังจากนั้นเซี่ยปิงหรุ่ยก็อธิบายแล้วพูดว่า “วันนี้ฉันไปบ้านตระกูลฟู่กับฟู่โฮ่วหลิ่นมา นี่ฉันเพิ่งกลับมาจากกินมื้อเที่ยง”
ฉินมู่หลานเคยได้ยินเซี่ยปิงหรุ่ยบอกว่าหล่อนตั้งใจจะไปบ้านตระกูลฟู่ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นวันนี้ “เป็นยังไงบ้าง? ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีหรือเปล่า?”
เมื่อพูดถึงการเดินทางไปตระกูลฟู่ในวันนี้ ใบหน้าของเซี่ยปิงหรุ่ยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มร่าเริง
“ผ่านไปด้วยดีและราบรื่นมาก เธอยังไม่เห็นแม่เลี้ยงของฟู่โฮ่วหลิ่นสินะ ตอนหล่อนเห็นกำไลที่ข้อมือฉัน ใบหน้าของหล่อนก็ซีดไปหมด ฮ่าๆๆ คิดแล้วยังอยากจะหัวเราะอยู่เลย สะใจมาก”
เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยเป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็หัวเราะและพูดว่า “ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะมีความสุขกับการไปบ้านตระกูลฟู่มาก”
“จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ”
หลังจากที่เซี่ยปิงหรุ่ยหัวเราะไปสักพัก หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “มันไม่ง่ายสำหรับฟู่โฮ่วหลิ่นเหมือนกันที่เขามีแม่เลี้ยงพูดมากและไร้หัวใจ ทั้งยังมีน้องชายที่ชอบแกล้งทำเป็นหน้าซื่อตาใส ยิ่งเห็นว่าเขาใช้ชีวิตตามปกติ มันก็น่าหงุดหงิดมาก แต่โชคดีที่เขาไม่กลับไป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะหงุดหงิดไม่น้อย”
เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกโกรธมากเมื่อพูดถึงแม่เลี้ยงของฟู่โฮ่วหลิ่นและน้องชายของเขา
“พวกเธอไม่รู้หรอก ผู้หญิงคนนั้นและลูกชายของหล่อนช่างน่าขยะแขยงจริง ๆ” เซี่ยปิงหรุ่ยเล่าเรื่องราวน่าขยะแขยงทั้งหมดเกี่ยวกับแม่ลูกคู่นั้น และยังพูดเรื่องพ่อของฟู่โฮ่วหลิ่นอีกมากมาย
“พูดง่าย ๆ ถ้าเธอมีแม่เลี้ยง เธอก็จะมีพ่อเลี้ยง โชคดีที่คุณปู่ฟู่เป็นคนเงียบขรึม”
เซี่ยปิงหรุ่นตัดสินใจแล้วว่าในอนาคตหล่อนจะดูแลโฮ่วหลิ่นให้ดีขึ้น ไม่อย่างนั้นเขาคงจะน่าสงสารเกินไป
“แล้วฟู่โฮ่วหลิ่นไปไหนล่ะ? ทำไมเธอกลับมาคนเดียว?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน เซี่ยปิงหรุ่ยก็อธิบายว่า “เขาถูกเรียกตัวกลับมาเนื่องจากมีภารกิจชั่วคราว ฉันก็เลยมาที่นี่”
“อย่างนี้เอง งั้นก็แปลว่าคืนนี้เซี่ยเจ๋อหลี่ก็คงไม่ได้กลับหมือนกัน”
พวกเธอนั่งคุยกันสักพัก เมื่อมีลูกค้าเข้า ร้านซิ่งหลินก็กลับมายุ่งอีกครั้ง เมื่อใกล้จะได้เวลา เธอจึงมองไปที่เซี่ยปิงหรุ่ยแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ไปกันเถอะ ไปร้านอาหารกัน”
ในตอนท้ายของประโยคเธอรีบมองไปที่คุณปู่ฉินแล้วพูดว่า “คุณปู่คะ วันนี้หนูไม่กลับไปกินข้าวเย็นนะคะ พอดีว่ามีนัดกับเพื่อน ๆ”
“ได้ เดี๋ยวปู่จะบอกที่บ้านให้”
ฉินมู่หลานยิ้มและโบกมือให้คุณปู่ฉิน ก่อนจะเดินออกจากร้านซิ่งหลินพร้อมกับเซี่ยปิงหรุ่ย
“เพื่อนร่วมชั้นเซี่ย ไม่เจอกันนานเลย”
หลี่หมิงฮุยที่มาถึงก่อนแล้วเห็นฉินมู่หลานและเซี่ยปิงรุ่ยเพิ่งเดินทางมาถึง เขาก็ยิ้มและก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทาย
“หลี่หมิงฮุย ไม่ได้เจอกันนานมากจริง ๆ”
เป็นเรื่องจริงที่เซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้เจอหลี่หมิงฮุยมานานแล้ว เมื่อเห็นเขาอีกครั้งในครั้งนี้ ก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก
ฉินมู่หลานเอ่ยตัดบท “เอาล่ะ รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ มาคุยอะไรกันตรงนี้?”
หลังจากที่ทั้งสามมาถึงโต๊ะแล้ว หลี่หมิงฮุยก็ให้ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยสั่งอาหาร พวกเธอก็ไม่ปฏิเสธและสั่งอาหารจานเด็ดหลายจาน และสุดท้ายก็ให้หลี่หมิงฮุยสั่งอาหารเพิ่มอีกนิดหน่อย
ในขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟ หลี่หมิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะถาม “เพื่อนร่วมชั้นเซี่ยปิงหรุ่ย ผมได้ยินมาว่าคุณมีคนรักแล้วเหรอ”
“ใช่ วันนี้ฉันเพิ่งไปบ้านเขามา”
เมื่อหลี่หมิงฮุยได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็ถูกฉินมู่หลานพูดแทรกว่า “เราจะดื่มอะไรกันดี?”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเปลี่ยนเรื่อง หลี่หมิงฮุยก็หยุดถามคำถามเพิ่มเติมและบอกพวกเขาเกี่ยวกับการมาที่ปักกิ่งในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน
หลังจากกินอาหารเสร็จ หลี่หมิงฮุยก็ตั้งใจไว้ว่าจะส่งพวกเธอกลับ แต่ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยโบกมือแล้วพูดว่า “เราจะกลับเอง” หลังจากนั้นพวกเธอก็แยกตัวออกไป
หลังจากที่ฉินมู่หลานกลับถึงบ้าน เธอก็รีบไปหาเด็ก ๆ แล้วก็เข้านอน วางแผนไว้ว่าจะกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลพรุ่งนี้ แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือเหยาจิ้งจือและหลี่เสวี่ยเยี่ยนได้กลับมาในวันรุ่งขึ้น
“แม่ พี่สะใภ้ ทำไมกลับมาเร็วจังเลยคะ”
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของฉินมู่หลาน เหยาจิ้งจือก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ที่เซินเจิ้นไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราเลยกลับมา และเรายังต้องการหารือบางอย่างกับเธอด้วย”
หลังจากที่ทั้งสามพูดคุยกันสักพัก หลี่เสวี่ยเยี่ยนเป็นเอ่ยปากขึ้นมา “มู่หลาน ฉันอยากถามเธอหน่อย เธอคิดว่าพี่ใหญ่ของเธอและฉันจะไปกันต่อได้ไหม?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อกหักแล้วสินะหมิงฮุย คนที่คิดจริงจังด้วยกลับมีคนรักอยู่แล้ว คิดว่ากรรมตามสนองตอนไปหักอกสาวๆ แล้วกัน
ระหว่างพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้จะไปต่อยังไงดีหนอ เห็นเต็มตาขนาดนั้น
ไหหม่า(海馬)
……….