ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 708 ออกตรวจ(1)
ตอนที่ 708 ออกตรวจ(1)
……….
ตอนที่ 708 ออกตรวจ(1)
ฉินมู่หลานไม่ได้พูดอะไรมาก แค่หันไปทางหยางอี๋แล้วพูดว่า “ไปเอกซเรย์ก่อนนะคะ ฉันต้องขอดูฟิล์มก่อนถึงจะบอกอาการได้”
ระหว่างที่พูด ฉินมู่หลานก็เขียนใบสั่งเรียบร้อย และยังพูดอีกประโยคว่า “ค่าเอกซเรย์อาจจะแพงนิดหน่อย แต่จากอาการของคุณแล้วยังไงก็ควรจะรีบเอกซเรย์นะคะ”
หยางอี๋มาโรงพยาบาลก็เพราะเห็นแก่หน้าหยางเหวิน ถึงจะเชื่อใจน้องสาว แต่หมอที่ยังเด็กขนาดนี้ก็ยังทำให้หล่อนกังวลอยู่ดี พอได้ยินว่าค่าเอกซเรย์แพงก็อดถามไม่ได้ว่า “เท่าไหร่เหรอ?”
“น่าจะประมาณสองร้อยค่ะ ไปจ่ายเงินก่อนแล้วค่อยไปเอกซเรย์นะคะ”
ฉินมู่หลานยื่นใบสั่งแพทย์ให้ แต่หยางอี๋ไม่รับ หล่อนพูดด้วยความตกตะลึงว่า “อะไรนะ ยังไม่เริ่มรักษาเลย แค่เอกซเรย์ก็แพงขนาดนี้ แล้วหลังจากนี้จะแพงแค่ไหน?”
พูดจบหยางอี๋ก็ลุกขึ้นทันทีแล้วว่า “ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเอกซเรย์หรอก ไปกันเถอะ”
หยางเหวินรีบดึงตัวเธอไว้แล้วพูดว่า “หมอฉินให้ไปเอกซเรย์ก็ไปเถอะ แล้วก็มีแค่โรงพยาบาลปักกิ่งที่เอกซเรย์ได้ด้วย ฉันได้ยินมาว่าเครื่องจักรที่นี่นำเข้ามาจากต่างประเทศก็เลยแพงหน่อย ค่าใช้จ่ายหลังจากนี้จะไม่แพงขนาดนี้อีกแล้ว”
หยางเหวินพูดจบก็หันไปหาฉินมู่หลานด้วยความเกรงใจแล้วพูดว่า “ต้องขอโทษหมอฉินจริงๆ นะคะ พี่สาวฉันเสียมารยาทไปหน่อย ฉันจะพาพี่ไปเอกซเรย์เดี๋ยวนี้เลย”
พูดจบก็ลากหยางอี๋ออกไปทันที
ฉินมู่หลานเห็นแล้วไม่พูดอะไร
พอหยางอี๋ถูกหยางเหวินลากออกมาข้างนอกได้ก็ทำหน้าตาบูดบึ้งทันที
“เสี่ยวเหวิน อะไรของเธอเนี่ย ฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยจริง ๆ ไม่ต้องมาโรงพยาบาลหรอก แต่เพราะเห็นแก่หน้าเธอหรอกนะฉันถึงได้มา พอมาถึงยังไม่เริ่มรักษาอะไรเลยก็จะให้เอกซเรย์ตั้งสองร้อย ถ้าเอกซเรย์ออกมาแล้วใช้ไม่ได้อีก ก็เท่ากับทิ้งเงินไปฟรี ๆ น่ะสิ”
เงินเดือนของหยางอี๋ในหนึ่งเดือนมีแค่สี่สิบห้าสิบหยวนเท่านั้น เท่ากับว่าต้องใช้เงินเกือบครึ่งปีมาเอกซเรย์ หล่อนเลยเสียดายเงิน
แต่หยางเหวินกลับมองหยางอี๋ด้วยท่าทางจริงจังแล้วพูดว่า “พี่ หมอฉินบอกให้เอกซเรย์ก็ไปเอกซเรย์ซะ กลับไปเถอะ เชื่อหมอฉินนะ”
พอยังเห็นหยางอี๋ไม่ยอมไป หยางเหวินก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถ้าเสียดายเงินเดี๋ยวฉันจ่ายเอง”
หยางเหวินเป็นน้องสาวที่หยางอี๋เลี้ยงดูมากับมือ หล่อนเลยรักพี่สาวคนนี้มากเป็นพิเศษ แล้วเชื่อใจฉินมู่หลานมากด้วย จึงไม่ยอมปล่อยให้พี่สาวกลับบ้านไปแบบนี้
เมื่อเห็นว่าหยางเหวินยินดีช่วยจ่ายเงินแล้ว หยางอี๋ก็ลดทิฐิลง แต่หลังจากนั้นก็เริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
“เสี่ยวเหวิน หมอฉินคนนี้เก่งจริง ๆ เหรอ เธอให้ฉันไปเอกซเรย์แบบนี้ ร่างกายฉันจะมีปัญหาร้ายแรงอะไรหรือเปล่า?”
หยางเหวินเองก็ไม่รู้รายละเอียดแน่ชัด แต่ในเมื่อฉินมู่หลานพูดแบบนี้ หล่อนก็ต้องมีเหตุผลของเธอแน่
“พี่ เรารีบไปเอกซเรย์กันก่อนเถอะ”
สองพี่น้องพูดคุยตกลงกันพลางรีบไปจ่ายเงิน ถึงตอนนี้หยางอี๋ก็ไม่พูดอีกแล้วว่าจะไม่รักษา เพราะหล่อนเองก็เริ่มกังวลขึ้นมาแล้ว
เมื่อฉินมู่หลานตรวจคนไข้คนนี้เสร็จก็พอมีเวลาว่าง ไม่มีคนไข้คนต่อไปเข้ามา แต่เธอก็ไม่ได้นั่งเฉย ๆ และยังคงอ่านเอกสารอยู่
ประตูห้องตรวจยังเปิดอยู่ ดังนั้นคนที่เดินผ่านไปมาจึงเห็นแพทย์หญิงคนหนึ่งนั่งตรวจเอกสาร เก๋อฮั่นเตี่ยนที่เพิ่งเข้ามาบังเอิญก็เห็นฉินมู่หลาน จึงหันไปมองที่หน้าห้องตรวจด้วยความประหลาดใจก่อนจะมองฉินมู่หลานที่อยู่ข้างใน แล้วรีบเดินตรงไปยังห้องพักรวม
“เค่อเยวียน รู้ไหมว่าเมื่อกี้ผมไปที่ห้องตรวจแล้วเห็นใคร”
ฉินเค่อเยวียนได้ยินคำพูดนี้ ก็เหลือบมองเก๋อฮั่นเตี่ยน
อย่างไรก็ตาม เก๋อฮั่นเตี่ยนกลับพูดด้วยตัวเองว่า “ผมเห็นหมอฉินนั่งตรวจที่ห้อง เธอนั่งอยู่ในห้องตรวจคนเดียว จริง ๆ ตารางวันนี้เป็นของหมอเหลยนะ”
ในจังหวะนั้นเองเหลยเซิ่งเฉาก็เข้ามาพอดี เขาได้ยินคำพูดนี้จึงพูดออกมาทันทีว่า “หมอฉินมาที่โรงพยาบาล หล่อนก็ต้องได้ตรวจคนไข้เป็นเรื่องธรรมดา ผมจึงยกเลิกคิวตรวจของผมในเช้าวันนี้ และให้หมอฉินออกตรวจแทน”
หลิวซิ่นที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยินคำพูดนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ว่าแล้วเชียว ผมจำได้ว่าตอนเช้าคุณมีคิวตรวจ แต่กลับไม่เห็นคุณ กลายเป็นหมอฉินนั่งตรวจแทน”
เมื่อเห็นว่าหลิวซิ่นและเหลยเซิ่งเฉาไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก เก๋อฮั่นเตี่ยนจึงเงียบลง
“หมอฉินออกตรวจคนเดียวจริง ๆ เหรอ เธอมาฝึกงานที่โรงพยาบาลของเรา ถ้าหากผู้ป่วยรู้ว่าแพทย์ฝึกหัดเป็นคนตรวจ คงไม่ยอมรับแน่”
เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าฉินมู่หลานไม่ใช่หมอฝึกหัดธรรมดา แต่ในใจก็ยังไม่รู้สึกดีนัก เขากับฉินเค่อเยวียนยังต้องตามแพทย์ท่านอื่นไปช่วยดูเคสกันอยู่เลย ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้นั่งตรวจคนไข้เอง แต่ฉินมู่หลานกลับทำได้ก่อน
ในที่สุดเขาก็ได้ประจักษ์ชัดถึงสถานะของฉินมู่หลานในแผนกศัลยกรรมทรวงอกอย่างถ่องแท้ ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับฉินมู่หลาน แต่ก็ยังไม่เคยได้เห็นด้วยตาตนเอง วันนี้เมื่อได้เห็นด้วยตาตนเอง เขาก็ได้รู้เสียทีว่าคุณหมอฉินผู้มีอายุน้อยกว่าพวกเขาทั้งหลายนี้แตกต่างจากพวกเขาอย่างไร
แม้แต่ฉินเค่อเยวียนผู้ที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ใด ๆ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์บางอย่างออกมา เขาเองก็อยากได้นั่งตรวจคนไข้ด้วยตนเอง อยากจะค่อย ๆ กลายเป็นแพทย์ที่ผู้คนเคารพนับถือ แต่ตอนนี้เขายังทำได้แค่เป็นผู้ช่วยแพทย์ คอยช่วยเหลือแพทย์ท่านอื่น ๆ ในระหว่างที่ตรวจคนไข้และเรียนรู้วิธีการตรวจคนไข้ให้ดี แต่ฉินมู่หลานผู้ที่ยังไม่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยกลับทำได้อย่างที่เขาปรารถนามานาน ช่างน่าแปลกใจนักที่ความเหลื่อมล้ำนี้ช่างมากมายนัก
ที่แผนกศัลยกรรมทรวงอกต่างก็พูดถึงเรื่องราวของฉินมู่หลานกันทั้งนั้น เหลียงเจินชิงเดินผ่านมาพอดีก็ได้ยินเรื่องนี้เข้า แต่หล่อนไม่ได้รู้สึกประหลาดใจสักเท่าใด เพราะฉินมู่หลานเคยได้รับการเชิญมาเป็นพิเศษจากโรงพยาบาลให้มาช่วยตรวจคนไข้แล้ว
แต่กระนั้นหล่อนก็เหลือบมองไปที่ฉินเค่อเยวียนที่อยู่ในห้องทำงานและคิ้วขมวดเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ จึงดึงตัวฉินเค่อเยวียนไปที่มุมห้อง
“เค่อเยวียน วันนี้ทำไมคุณไม่ตามหมอหลี่ไปที่ห้องตรวจ?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ฉินเค่อเยวียนก็ตอบทันทีว่า “หมอหลี่ล่วงหน้าไปก่อนแล้วครับ บอกว่าวันนี้ไม่ต้องให้ผมตามไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยออกตรวจพร้อมเขา”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ สีหน้าของเหลียงเจินชิงก็ดูไม่ค่อยดีนัก
“หมอหลี่ปิ่งฉวนนี่เป็นยังไงกัน ไหนบอกว่าจะดูแลนายเป็นอย่างดี เนี่ยน่ะเหรอ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินเค่อเยวียนก็รีบแย้งขึ้น “น้าอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ หมอหลี่ดูแลผมดีมากเลยครับ”
“ถ้าหลี่ปิ่งฉวนดูแลนายดีจริง ๆ เขาคงไม่ใส่ใจนายน้อยขนาดนี้ ไม่ได้ เดี๋ยวเที่ยงนี้ฉันต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”
เหลียงเจินชิงพูดแบบนี้ฉินเค่อเยวียนก็รีบพูดขึ้น “อย่าไปคุยกับหมอหลี่เลยครับ ผมกลัวว่าหมอหลี่อาจจะรำคาญได้”
เมื่อเห็นว่าเหลียงเจินชิงยังจะพูดอะไรต่อ ฉินเค่อเยวียนก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“น้ารู้จักคุณหมอฉินมู่หลานไหมครับ?”
เหลียงเจินชิงหันไปมองฉินเค่อเยวียนแล้วพูดว่า “นายถามถึงหมอฉินทำไม?” แต่แล้วก็เดาอารมณ์ของหลานชายตัวเองออก “อยากถามเรื่องหมอฉิน เพราะเธอได้เข้าตรวจคนไข้ใช่ไหม?”
ฉินเค่อเยวียนไม่ได้ปฏิเสธ ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ครับ ผมแค่สงสัยว่าคุณหมอฉินยังไม่จบมหาวิทยาลัยเลย หล่อนเก่งจริง ๆ เหรอครับ?”
เหลียงเจินชิงพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ฉินมู่หลานเก่งจริง ๆ ก่อนหน้านี้มีเคสหนึ่งที่แผนกศัลยกรรมทรวงอก ไม่มีใครกล้ารับทำผ่าตัด เพราะต่างก็รู้ดีว่าต่อให้ทำก็ไม่สำเร็จ แต่สุดท้ายฉินมู่หลานกลับทำสำเร็จ เธอพาหลี่ปิ่งฉวนกับคณะแพทย์ทำงานผ่าตัดนั้นลุล่วงไปด้วยดี เธอน่ะเก่งเรื่องการแพทย์จริง ๆ ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ลองตรวจอาการดูก่อนค่ะ
เกิดข้อสงสัยเมื่อไหร่ก็ดูตอนมู่หลานผ่าตัดได้นะ
ไหหม่า(海馬)
……….