ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 375 ฉวยโอกาส(1)
ตอนที่ 375 ฉวยโอกาส(1)
ตอนที่ 375 ฉวยโอกาส(1)
เซี่ยปิงชิงเงยหน้ามองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วบอกกล่าว “ฉันจะหลอกพี่ทำไม ตอนแรกก็เป็นเพราะว่าเจี่ยงสือเหิงดูดี ฉันถึงช่วยเขาไว้ พวกเราก็อยู่ด้วยกันมานานแล้ว ฉันรู้สึกว่าเขาก็ค่อนข้างดี พวกเราจึงตกลงปลงใจกันก็ไม่แปลก”
หากหล่อนเอ่ยเรื่องนี้เมื่อวันก่อนคงเป็นเรื่องง่ายที่จะเชื่อ แต่เมื่อวานนี้พวกหล่อนเพิ่งได้รับจดหมายจากคุณปู่ พอมาวันนี้เซี่ยปิงชิงก็บอกว่าตัวเองมีคนในใจแล้ว ไม่ว่าจะฟังอย่างก็ไม่น่าเชื่อสักเท่าใดเลย
เซี่ยปิงชิงเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยไม่เชื่อ จึงยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะไปเรียกเจี่ยงสือเหิงมา แล้วพี่ค่อยพิจารณาดูแล้วกันว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
เมื่อเห็นน้องสาววิ่งออกไป คิ้วของเซี่ยปิงหรุ่ยก็ขมวดขึ้นทันที หรือว่าทั้งสองกำลังคบหากันอยู่จริง?
ไม่ถึงครู่หนึ่ง เซี่ยปิงชิงก็ลากเจี่ยงสือเหิงมา
“เจี่ยงสือเหิง คุณบอกหล่อนไปสิ พวกเราสองคนกำลังคบหากันอยู่ใช่ไหม ฉันเพิ่งบอกไป แต่หล่อนไม่เชื่อเลย”
เจี่ยงสือเหิงหันมองเซี่ยปิงชิงอย่างขบขัน หลังจากนั้นก็หันมองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วพูดขึ้น “สวัสดีปิงหรุ่ย ที่ปิงชิงพูดเป็นเรื่องจริงครับ พวกเราสองคนกำลังคบหากันอยู่”
ความจริงแล้วเซี่ยปิงหรุ่ยจะสงสัยก็ไม่แปลก เพราะหล่อนเองก็ทราบเรื่องจดหมายของคุณปู่ แล้วยังทราบด้วยว่าปิงชิงไม่อยากแต่งเข้าตระกูลเฟิง จากนั้นสองคนนี้ก็ตกลงคบหากันอย่างกะทันหัน มันจึงดูน่าสงสัยไปหมด แต่เมื่อเห็นท่าทางของสาวน้อยดูไม่ค่อยเชื่อมั่นนัก เขาจึงยกยิ้มขึ้นมุมปาก ฉายรอยยิ้มเจิดจ้าที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ทราบว่าทำได้
เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยไม่พูด สุดท้ายเจี่ยงสือเหิงจึงหันมองหล่อนอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวขึ้น “คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมจะดูแลปิงชิงเป็นอย่างดี จะไม่ปล่อยให้หล่อนต้องทนทุกข์ทรมานหรือมีเรื่องไม่ชอบธรรมเกิดขึ้นเลย”
หลังจากพูดจบ เจี่ยงสือเหิงก็กำมือแน่น ก่อนจะยกแขนขึ้นแล้วเอื้อมไปโอบรอบไหล่ของเซี่ยปิงชิง
เซี่ยปิงชิงนิ่งไปในตอนแรก แต่หลังจากรู้สึกถึงความใกล้ชิดของเจี่ยงสือเหิงแล้ว หล่อนจึงตัวแข็งทื่อ
แต่แล้วหล่อนก็ปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปยิ้มแล้วมองเซี่ยปิงหรุ่ย “เห็นไหมล่ะ พวกเราสองคนกำลังคบหากันอยู่จริง แล้วฉันก็เขียนจดหมายบอกคุณปู่แล้วด้วย ฉันว่าคุณปู่คงไม่จับฉันแต่งกับตระกูลเฟิงแล้วล่ะ”
ตอนแรกเซี่ยปิงหรุ่ยไม่ค่อยเชื่อนัก แต่หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของเซี่ยปิงชิงกับเจี่ยงสือเหิงแล้ว หล่อนจึงเชื่อ
สายตาของเจี่ยงสือเหิงที่มองน้องสาวของเธอ ต้องบอกเลยว่า…ดูไม่ไร้เดียงสาเลย เพราะฉะนั้นทั้งสองคงคบหาดูใจกันอยู่จริง
เพียงแต่ว่า ต่อให้หล่อนจะยอมรับความจริงข้อนี้แล้ว แต่ก็ยังสับสนอยู่เล็กน้อย พ่อบุญธรรมของของเพื่อนสนิทตัวเองกำลังจะกลายมาเป็นน้องเขยของหล่อน เรื่องนี้ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง?
แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ เมื่อเจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยปิงชิงยืนอยู่ด้วยกันแล้ว ทั้งคู่กลับดูโดดเด่นเกินบรรยาย
เซี่ยปิงหรุ่ยอ้าปาก ก่อนจะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีอยู่ครู่หนึ่ง
แต่ถึงอย่างนั้น เซี่ยปิงชิงก็เห็นท่าทางตกตะลึงของเซี่ยปิงหรุ่ยและคิดว่าหล่อนยังไม่ค่อยเชื่อ จึงตัดสินใจใช้ยาแรง ยืนเขย่งเท้าแล้วจูบแก้มของเจี่ยงสือเหิงเบาๆ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นแล้วมองเซี่ยปิงหรุ่ย “เจี่ยงสือเหิงเป็นคู่ครองของฉันจริง ๆ แล้วต่อไปเขาก็จะเป็นน้องเขยของพี่ด้วย”
“ปิงชิง…คุณ…”
เมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นบนแก้ม เจี่ยงสือเหิงก็หันมองด้วยความเหลือเชื่อ
แต่ถึงอย่างนั้น สาวน้อยก็ยังคงจ้องมองเขาด้วยท่าทางจริงจัง นอกจากนี้ยังเอ่ยด้วยความมั่นใจว่าเขาเป็นคู่ครองของหล่อน
เมื่อเห็นแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็เหมือนจะควบคุมหัวใจไม่ได้ขึ้นมา จิตใจเต็มไปด้วยความว้าวุ่น
เซี่ยปิงหรุ่ยเชื่อเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อเห็นเซี่ยปิงชิงทำแบบนี้ จึงรู้สึกไม่อยากมอง
“ฉันเชื่อ ฉันเชื่อแล้ว เธอไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้”
เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยเชื่อ เซี่ยปิงชิงจึงอดหัวเราะไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองฉลาดเหลือเกิน ดูเหมือนว่าคุณปู่จะต้องล้มเลิกเรื่องที่จะจับหล่อนแต่งงานอย่างแน่นอน
เจี่ยงสือเหิงเห็นว่าตัวเองบรรลุวัตถุประสงค์ในการมาที่นี่แล้ว จึงหันไปพูดกับเซี่ยปิงชิง “ปิงชิง พวกคุณสองพี่น้องคุยกันไปก่อนเถอะ ผมจะไม่อยู่รบกวนพวกคุณแล้ว”
เขารู้สึกว่าอยากใช้เวลา ทบทวนเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน
“ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณไปทำธุระเถอะค่ะ”
หลังจากเจี่ยงสือเหิงไปแล้ว เซี่ยปิงหรุ่ยก็หันไปมองเซี่ยปิงชิงแล้วพูดขึ้น “ถึงเธอจะมีคู่ครองแล้ว แต่คุณปู่เพิ่งส่งจดหมายมา หลังจากนั้นเธอก็เขียนจดหมายตอบกลับคุณปู่ไปว่ามีคู่แล้ว ท่านคงคิดว่าเธอพยายามจะไม่อยากแต่งงานแน่เลย”
เซี่ยปิงชิงก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ถึงยังไงฉันก็บอกปู่ไปแล้ว ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของท่านเอง แต่ฉันคงไม่กลับไปแน่นอน หากคุณปู่ไม่เชื่อก็ให้ส่งคนมา พอเห็นฉันกับเจี่ยงสือเหิงแล้ว ก็จะรู้ได้เองว่าทุกอย่างที่ฉันพูดเป็นความจริง”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วตอบรับ “ก็จริง”
แต่เมื่อนึกไปถึงทางบ้าน เซี่ยปิงหรุ่ยก็รู้สึกเครียดเรื่องระหว่างน้องสาวตัวเองกับเจี่ยงสือเหิงนิดหน่อย
“จริง ๆ ฉันว่าพ่อบุญธรรมของมู่หลานก็ไม่เลวนะ ดูดีเหมาะกับเธอมาก แล้วฐานะก็ไม่ธรรมดา แต่อายุของเขานั่นแหละ เธอคิดว่าที่บ้านจะยอมรับเรื่องนี้เหรอ?”
“ฉันไม่สนว่าพวกเขาจะยอมรับไหม ฉันหาคู่ครอง ไม่ใช่พวกเขาที่เป็นคนหา”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยจึงไม่สนใจอะไรมากมายอีก “ก็จริง ตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็ไม่เคยเชื่อฟังอยู่แล้ว”
ขณะสองพี่น้องกำลังคุยกันอยู่ทางนี้ เจี่ยงสือเหิงก็กำลังนั่งอยู่คนเดียวบนม้านั่งในสวน ก้มหน้าก้มตาไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร หลังจากนั่งไปได้เกือบสิบห้านาที เขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แสงสว่างฉายวาบในดวงตา ในตอนนี้เขาตัดสินใจเรื่องสำคัญในใจได้แล้ว
ตอนนั้นเอง ฉินมู่หลานก็เพิ่งมา เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงแล้วก็รีบพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “พ่อคะ อาหลี่ใกล้จะไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะออกไปส่งเขา มื้อกลางวันนี้ทุกคนกินข้าวกันไปก่อนเลยนะคะ”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ จึงพยักหน้าแล้วกล่าวกลับ “ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกลูกระวังด้วยนะ”
หลังจากฉินมู่หลานบอกกับเจี่ยงสือเหิงแล้ว ก็ออกไปพร้อมกับเซี่ยเจ๋อหลี่
สัมภาระของเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่มีอะไรมากนัก มีแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวเท่านั้น ทั้งสองไม่ได้เดินทางไปสถานีรถไฟทันที แต่ไปที่ถนนคนเดินก่อน “มู่หลาน ร้านข้างหน้านี้ ผมไปสั่งทำกำไลสี่อันเอาไว้แล้ว ไว้สำหรับพวกเราและลูกใส่คนละอัน”
แม้ว่าฉินมู่หลานกับเด็กทั้งสองจะไม่ได้ขาดของพวกนี้เลย แต่เขาก็อยากสั่งสร้อยข้อมือให้ทั้งครอบครัวใส่โดยเฉพาะ
“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะค่ะ”
ฉินมู่หลานไม่รู้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่แอบสั่งกำไลพวกนั้นเอาไว้ จนกระทั่งได้รับมัน ก็รู้สึกว่าเหมาะสมมาก “คุณมาสั่งทำเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหนคะ ใส่ได้พอดีเลย”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วตอบกลับ “ผมแอบวัดตอนคุณนอนหลับน่ะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็สวมของตัวเองหนึ่งอัน มันพอดีมากจริง ๆ ถึงแม้ว่าตอนปกติเขาจะไม่ใส่ แต่ก็จะไม่ทิ้งมันแน่นอน เพราะถึงอย่างไรคนในครอบครัวก็มีสร้อยข้อมือแบบเดียวกันแล้ว เขารู้สึกมีความสุขมาก
หลังจากทั้งสองสวมกำไลแล้ว ก็ไปกินข้าวที่โรงแรมรัฐอีกครั้ง แล้วก็เดินไปที่สถานีรถไฟด้วยกัน
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาขึ้นรถ เซี่ยเจ๋อหลี่หันมองแล้วพูดกับฉินมู่หลานว่า “มู่หลาน คุณกลับก่อนก็ได้นะ”
ฉินมู่หลานส่ายหัว ก่อนจะเอ่ย “ฉันจะรอจนคุณขึ้นรถไฟก่อนค่ะ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน รถไฟที่เซี่ยเจ๋อหลี่ต้องขึ้นก็มาแล้ว
ฉินมู่หลานหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ คุณรีบไปเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงวันหยุดเมื่อไหร่ฉันจะพาพวกลูก ๆ ไปหาคุณเอง”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าหลังจากได้ยินแบบนี้ สุดท้ายก็ลูบเรือนผมเงางามของฉินมู่หลาน แล้วหันหลังเดินจากไป
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ขึ้นรถไฟไปแล้ว ก็หันหลังเดินกลับบ้าน
เมื่อเจี่ยงสือเหิงเห็นฉินมู่หลานกลับมาแล้ว ก็อดถามไม่ได้ “อาหลี่ขึ้นรถไฟแล้วเหรอ?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าทันที จากนั้นก็เดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยถามเจี่ยงสือเหิง “พ่อคะ เหมือนปิงหรุ่ยจะมาที่นี่ หล่อนยังอยู่หรือเปล่าคะ?”
เจี่ยงสือเหิงส่ายหัวหลังจากได้ยินแบบนี้ “หล่อนกลับไปกินข้าวกลางวันแล้ว”
“แล้วปิงหรุ่ยเชื่อเรื่องของพ่อกับปิงชิงไหมคะ?”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานให้ความสนใจมาก เจี่ยงสือเหิงจึงเอ่ยพูดขำ ๆ “หล่อนเชื่ออยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ”
ฉินมู่หลานอยากถามเพิ่มเกี่ยวกับเรื่องของเจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยปิงชิง เธอรู้สึกประทับใจเรื่องบะหมี่ผัดเมื่อวานตอนเย็นนี้มาก แต่ก็กลัวว่าพ่อบุญธรรมจะเขินเกินไป จึงไม่ถามอะไรมากมาย ได้แต่ยิ้มแล้วบอกว่า “พ่อคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ได้ ลูกไปอยู่กับพวกเด็ก ๆ ถอะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ปิงชิงรุกแรงมาก พ่อบุญธรรมเขินแย่แล้วนะ
ไหหม่า(海馬)