ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 348 เซี่ยฉางชิงตกตะลึง(2)
ตอนที่ 348 เซี่ยฉางชิงตกตะลึง(2)
ตอนที่ 348 เซี่ยฉางชิงตกตะลึง(2)
เซี่ยปิงชิงแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ย “ก็พอรู้จักบ้าง ตอนแรกฉันว่าจะล้างพิษให้หล่อน แต่ใครจะไปคิดว่าวันต่อมาจะเกิดเรื่อง อยู่ ๆ หล่อนก็เสียแล้ว”
“อะไรนะ…คนที่โรงพยาบาลบอกว่าจะล้างพิษให้คือเธอเองหรอกเหรอ?”
เริ่นม่านนีมองเซี่ยปิงชิงด้วยความเหลือเชื่อ กลับไปกลับมา กลายเป็นว่าผู้เชี่ยวชาญเรื่องการล้างพิษคนนั้นคือคุณหนูรองจากตระกูลหลักนี่เอง
เซี่ยปิงชิงพยักหน้ายอมรับตามตรง “ใช่ บังเอิญจัง หมอหลี่จากโรงพยาบาลปักกิ่งมาขอให้ฉันช่วยรักษาคนไข้คนหนึ่งให้ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นน้องสาวของเธอ น่าเสียดายที่หลังจากครอบครัวเธอตัดสินใจได้แล้ว น้องสาวของเธอก็ด่วนจากไป น่าเสียดายจริง ๆ ก็ได้แต่บอกว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโชคชะตาแหละนะ”
เริ่นม่านนีถอนหายใจ
ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ครอบครัวพวกเขาหวังว่าเริ่นม่านลี่จะฟื้นขึ้นมาเพื่อเป็นพยานปรักปรำตระกูลเหยา แต่เป็นเพราะความประมาทของแม่ จึงทำให้น้องสาวเสียชีวิตไป พวกเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้เลย
ในตอนนั้นเอง คุณนายเซี่ยก็อดพูดไม่ได้ “บอกได้แค่ว่าน้องสาวของเริ่นม่านนีมีชะตาเพียงเท่านี้ เพราะฉะนั้นจึงด่วนจากไป”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็อดหันมองแล้วพูดกับคุณนายเซี่ยเสียไม่ได้ “ดูเหมือนว่าพวกคุณจะทราบเรื่องกันอยู่แล้วนะคะเกี่ยวกับเรื่องการล้างพิษให้เริ่นม่านลี่ ตอนที่ตระกูลเริ่นตัดสินใจ ก็คงมาถามความเห็นของพวกคุณด้วย”
เริ่นม่านนีได้ยินแบบนี้ก็รีบกล่าวทันที “ไม่ใช่ค่ะ ตอนแรกมีแค่ครอบครัวฉันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แม่ของฉันพอรู้ว่าสามารถล้างพิษให้น้องสาวได้ก็รีบมาบอกพ่อกับฉันทันที หลังจากที่พวกเราหารือกันแล้ว ฉันก็กลับมาบ้าน แล้วต่อมาพอคุณย่ากับแม่สามีถามขึ้น ฉันถึงเพิ่งบอก”
“อ๋อ…อย่างนี้นี่เอง มีแค่ตระกูลเริ่นกับพวกคุณนายเซี่ยเท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้สินะคะ”
เริ่นม่านนีพยักหน้าแล้วตอบรับ “ใช่ค่ะ ตอนแรกทุกคนยังไม่รู้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็แสยะยิ้ม เป็นการยืนยันว่าคำพูดของฉินมู่หลานถูกต้อง อย่างที่บอกว่ามีแต่คนพวกนี้ที่ทราบเรื่อง ถ้าอย่างนั้นคนที่ทำร้ายเริ่นม่านลี่ก็มีแค่พวกเขา ตระกูลเริ่นไม่มีทางทำอยู่แล้ว คงต้องเป็นเซี่ยอวี่หรงจากตระกูลเซี่ยแน่ ท่าทางของหล่อนดูสนใจอย่างออกนอกหน้ามากทีเดียว
นับตั้งแต่พูดถึงเริ่นม่านลี่ สีหน้าของเซี่ยอวี่หรงก็ดูค่อนข้างยับยู่น่าเกลียด
เพียงแต่เซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงยังอยู่ที่นี่ หล่อนจึงพยายามฝืนยิ้มต่อไป แต่ใบหน้าแข็งทื่อลงนิดหน่อย หากเติ้งซูหลานไม่สะกิดลูกสาวที่อยู่ข้าง ๆ เสียก่อน ใบหน้าของเซี่ยอวี่หรงคงยับยู่น่าเกลียดกว่านี้แน่นอน
เพียงแต่เติ้งซูหลานไม่อยากให้พูดถึงเรื่องนี้แล้ว จึงขัดจังหวะขึ้นพร้อมรอยยิ้มแล้วบอกว่า “คุณหนูรอง พวกเราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลย สีหน้าม่านนีดูไม่ค่อยดีแล้ว เธอเล่าเรื่องน่าสนใจที่ซีอานให้พวกเราฟังสักหน่อยดีไหม”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ซีอานไม่มีเรื่องอะไรน่าสนใจหรอกค่ะ”
หลังพูดจบก็ไม่ได้พูดอีก
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นท่าทางของน้องสาวเป็นแบบนี้ จึงอดส่ายหัวไม่ได้ หล่อนเป็นฝ่ายตกลงจะมากินข้าวที่บ้านตระกูลเซี่ยเองแท้ ๆ แต่พอมาถึงก็ทำสีหน้าเย็นชา เมื่อคิดได้ว่าพวกเธอสองพี่น้องเป็นแขกมาเยือน หล่อนจึงรับช่วงสนทนาต่อ แล้วเล่าถึงซีอานให้ฟัง
ขณะหลายคนพูดคุยกัน เซี่ยฉางชิงก็กลับมาแล้ว เพียงแต่ใบหน้าของเขาดูบูดบึ้งนิดหน่อย
คุณนายเซี่ยเห็นลูกชายคนเล็กเป็นแบบนี้ จึงอดถามไม่ได้ “เป็นอะไรไปฉางชิง หรือว่าที่ทำงานมีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าตาบูดบึ้งขนาดนั้น”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางชิงก็กลับมาได้สติอีกครั้ง เขารีบส่ายหัวแล้วบอกกล่าวทันที “เปล่าครับ ที่ทำงานราบรื่นดี”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะ”
เซี่ยฉางชิงรีบส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ผมแค่คิดเรื่องบางอย่าง ก็เลยเป็นแบบนี้” หลังจากพูดจบเขาก็หันมองเซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เจอกันนานเลยนะ ปิงหรุ่ยปิงชิง ทุกอย่างที่บ้านพวกเธอเรียบร้อยดีไหม”
“คุณอารองไม่ต้องห่วงค่ะ ทุกอย่างที่บ้านเรียบร้อยดี”
เมื่อเห็นทุกคนมากันครบแล้ว คุณนายเซี่ยจึงเชิญทุกคนไปที่ห้องกินอาหารเพื่อทานข้าว
หลังจากกินเสร็จ เซี่ยปิงชิงกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่รอพัก แล้วรีบกลับทันที
เซี่ยอวี่หรงอยากคุยเรื่องบางอย่างกับแม่ หลังจากกินข้าวเสร็จก็พาเติ้งซูหลานกลับไปที่ห้องของตนทันที “แม่ กลายเป็นว่าคนที่จะล้างพิษให้เริ่นม่านลี่คือเซี่ยปิงชิง ทำไมถึงเป็นหล่อนไปได้ หล่อนจะไม่สงสัยใช่ไหม”
เมื่อเห็นลูกสาวกังวลใจกับเรื่องนี้ เติ้งซูหลานก็จ้องมองหล่อน ก่อนจะพูดขึ้น “หุบปาก ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าคุยเรื่องพวกนี้ในบ้านกับฉัน”
“แม่ หนู…หนูก็แค่กังวล กลัวว่าคนจะจับได้”
“เอาเถอะ เซี่ยปิงชิงจะไปรู้อะไรได้ หล่อนก็แค่เศร้าใจ ตอนแรกบอกจะช่วยล้างพิษให้คน แต่คนกลับเสียไปก่อน แกไม่ต้องคิดมากหรอก สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือตั้งใจเรียนในมหาวิทยาลัยให้ดี อย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องอื่น”
“ค่ะ”
สองแม่ลูกกำลังพูดคุยกัน แต่เซี่ยฉางชิงที่อยู่อีกด้านกลับคิ้วขมวด มองข้อความที่อยู่ในมือ
ซูหว่านอี๋ให้คนมาส่งข้อความนี้ถึงเขา ว่าอีกฝ่ายต้องการพบเขา
ตั้งแต่เซี่ยฉางชิงพบว่าซูหว่านอวี๋เสียไปแล้ว ก็ไม่กล้านึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในอดีต ด้วยความกลัวว่าจะเสียใจจนหาที่เปรียบไม่ได้ เพราะฉะนั้นตอนแรกเขาจึงไม่อยากพบซูหว่านอี๋เลย แต่บนข้อความเขียนเอาไว้ว่าเป็นธุระสำคัญมาก เขาเกรงว่ามันจะกี่ยวกับซูหว่านอวี๋ สุดท้ายจึงตัดสินใจไปตามนัดหมาย
ซูหว่านอี๋มาถึงแต่เช้า เมื่อได้พบเซี่ยฉางชิง ความเกลียดชังในใจก็ไม่ได้ลดน้อยลง แต่วันนี้หล่อนทราบดีว่าไม่สามารถทำอะไรได้
“คุณมาแล้วเหรอ”
ซูหว่านอี๋พูดกับเซี่ยฉางชิงด้วยท่าทางเย็นชา หลังจากนั้นก็บอกให้เขานั่งลง
หลังจากเซี่ยฉางชิงนั่งลง ก็จ้องมองตรงมาที่ซูหว่านอี๋พลางเอ่ยถาม “หว่านอี๋ เธอบอกว่ามีธุระสำคัญ ธุระอะไรเหรอ?”
“ปีนั้นคุณหลอกพี่สาวฉัน แล้วยังขอให้หล่อนอยู่กับคุณแบบไม่มีสถานะด้วย คุณนี่เก่งจริง ๆ เลยนะ”
“หว่านอี๋ เธอ…”
เซี่ยฉางชิงไม่เคยคิดเลยว่าคนผู้นี้เดิมทีจะเป็นน้องสะใภ้ของตัวเอง เมื่อมาอยู่ต่อหน้าแล้วพูดเรื่องส่วนตัวพวกนี้กัน ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวัยนี้แล้ว แต่หูของก็ยังแดงด้วยความเขินอายอยู่ดี
เมื่อเห็นเซี่ยฉางชิงเป็นแบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็ได้แต่รู้สึกขบขัน หัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะบอกกล่าว “คุณคงไม่รู้ ว่าหลังจากพี่สาวเดินออกมาจากชีวิตคุณแล้ว หล่อนก็ได้ตั้งท้องด้วย”
“อะไรนะ…เธอว่ายังไงนะ…”
ตอนแรกเซี่ยฉางชิงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่คิดว่าจะได้รับข่าวที่น่าตกใจขนาดนี้ เขาลุกขึ้นยืนพรวดทันที จนแม้แต่เก้าอี้ที่นั่งอยู่ก็ล้มพับไปข้างหลัง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตระกูลเซี่ยเตรียมลุกเป็นไฟได้เลย พวกหล่อนสองแม่ลูกตัวร้ายจะได้รับความทรมานแสนสาหัส
ไหหม่า(海馬)